WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

6ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตามภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.,เล็งหุ้น PTTGC ขึ้นเด่น

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ภายหลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยอาจมีการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน ถ้าเป็นไปตามที่คาดเฟดก็พร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าตลาดคาด โดยเฟดมีเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง

       การที่ตลาดปรับตัวขึ้นกันอาจเป็นผลจากที่ตลาดตีความเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้น แสดงว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจดีขึ้นไปด้วย และสัญญาณของประธานเฟดก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด เพราะเคยมีคนมองอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง ก็อาจทำให้ Bond yield ปรับตัวขึ้น และเงินบาทก็จะอ่อนค่าลงอีกครั้ง

      สำหรับ บ้านเราวันนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งวันนี้มองหุ้นที่จะขึ้นมาเด่นเป็นหุ้นบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เนื่องจากผลประกอบการออกมาดีมาก และยังมีประเด็นการทำ M&A ด้วย โดยจะซื้อธุรกิจปิโตรเคมีจากบมจ.ปตท. (PTT) ทำให้ PTTGC มีศักยภาพดีขึ้น  ส่วนราคาน้ำมันเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ขยับขึ้นเล็กน้อย

   พร้อมให้แนวรับ 1,566 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,504.41 จุด เพิ่มขึ้น 92.25 จุด (+0.45%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,782.57 จุด เพิ่มขึ้น 18.61 จุด (+0.32%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,337.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด (+0.40%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 199.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 68.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.81 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.พ.60) 1,572.24 จุด ลดลง 13.00 จุด (-0.82%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,781.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.พ.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.พ.60) ปิดที่ 53.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.พ.60) ที่ 7.20 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.00/35.04 กลับมาอ่อนค่าจากดอลล์แข็ง หลังประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยชัดเจน

        - นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้ว ว่าผู้ที่เสนอราคาสูงสุดในการประมูลที่ดินสถานทูตอังกฤษบริเวณถนนวิทยุ เนื้อที่ 25 ไร่นั้น เป็นเซ็นทรัลที่ได้เสนอราคาประมูลอยู่ที่ 2-2.2 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) รวมที่ดินกว่า 1 หมื่นตร.ว. มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

         - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (บอร์ดทวาย) นำโดยประธานบอร์ด นายตุนไน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน ขอให้ประเทศไทยช่วยเหลือด้านเงินกู้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการค้าการลงทุนในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย-ด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อนของไทย ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 4,500 ล้านบาท

       - ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา คาดจะส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3-3.2% เนื่องจากปีนี้ภาครัฐมีการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนในโครงการต่างๆ ขณะเดียวกันการเพิ่มงบประมาณกลางปีอีก 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลในไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 ปีนี้

       - สื่อต่างชาติรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติหันไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของไทยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 อยู่ที่ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.69 หมื่นล้านบาท) ในช่วงปี 2560 โดยมองว่าไทยสามารถรองรับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแนวโน้มค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าได้ในปีนี้ เนื่องจากมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง ทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมาก และมีอัตราเงินเฟ้อต่ำ

        - ดัชนีเชื่อมั่นทองคำเดือนกุมภาพันธ์ปรับขึ้นเป็นเดือนที่สอง รับปัจจัยบวกจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ คนลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย

*หุ้นเด่นวันนี้

        - ETE (บมจ. บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยราคาเสนอขาย IPO 4.20 บาท/หุ้น โดย ETE และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการบุคลากรบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ และงานบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ 2) ธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบโทรคมนาคม และ 3) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเปิดดำเนินงานแล้ว 4 โครงการ รวม 16.47 เมกะวัตต์

      - THANI (ไอร่า) เป้า 6.05 บาท ทิศทางปี 60 ยังคงเติบโตอย่างโตอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิ 1,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% ภายใต้ปัจจัยหนุน (1) การเติบโตของสินเชื่อใหม่ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่คาดทำให้ความต้องรถบรรทุกเพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้มงวดน้ำหนักเกินโดยการยึดรถ (2) ความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น หลังได้รับการจัดอันดับ Rating จาก BBB+ เป็น A- ทำให้ Cost Of Fund (COF) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 60 จำนวน 8,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32% ของเงินกู้ทั้งหมด มีดอกเบี้ยระหว่าง 4.7-4.8% ลงเหลือ 2.8-3.0% ทำให้คาดว่า COF จะปรับลดลงเหลือ 3.55% จากปี 59 ที่คาดไว้ที่ 3.64% และ (3) คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น

       - IRPC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.80 บาท กำไรต่ำกว่าคาดเล็กน้อย กำไรปกติ 4Q59 +40% Q-Q, +144% Y-Y ต่ำกว่าคาด 8% เพราะส่วนต่างราคาปิโตรเคมีดีไม่เท่ากับที่เราคาด แต่ภาพโดยรวมของผลประกอบการถือว่าสดใส จีงคาดกำไรสุทธิปีนี้ -7% Y-Y กำไรที่ชะลอเกิดจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานใน 1Q60 30 วันซึ่งตลาดรับรู้ไปแล้ว

        - PTTGC (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 82 บาท ประกาศงบฯ 4Q/59 มีกำไรสุทธิ 9,744 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากกำไรจากสต็อกน้ำมัน ค่าการกลั่นที่สูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ฟื้นตัวขึ้นจากการกลับมาผลิตได้เต็มที่ใน 4Q/59 ส่วนราคา HDPE ทรงตัว พร้อมคาดงบฯปี 60 จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการปิโตรเคมีที่เป็นบริษัทลูกของ PTT ในขณะที่ราคา HDPE คาดว่าจะสามารถยืนได้ที่ระดับ 1,100-1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยประธานเฟดระบุว่า การประวิงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไปนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,438.81 จุด เพิ่มขึ้น 199.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,215.46 จุด ลดลง 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,771.95 จุด เพิ่มขึ้น 68.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,724.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,073.60 จุด ลดลง 0.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,081.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,708.09 จุด ลดลง 0.81 จุด

        ทั้งนี้ ประธานเฟดกล่าวว่า การรอเป็นเวลานานเกินไปเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบตลาดการเงิน และฉุดเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 10.36 จุด ตลาดผิดหวังข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษ

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยนักลงทุนผิดหวังข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่ต่ำกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังมีแรงฉุดจากข่าวผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง

     ดัชนี FTSE 100 ลดลง 10.36 จุด หรือ -0.14% ปิดที่ 7,268.56 จุด

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ รับปัจจัยลบจากข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เผยรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.8% ในเดือนม.ค. หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.6% ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับคาดการณ์ ซึ่งฉุดให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักสู่ระดับ 1.2465 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2517 ดอลลาร์ในช่วงก่อนที่ ONS จะเปิดเผยรายงาน

     ขณะที่นาย รัสส์ เมาลด์ ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุนของเอเจ เบลล์ กล่าวว่า การที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเช่นนี้ ยังมีปัจจัยจากมุมมองที่เป็นลบของนักลงทุนที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มที่จะยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% อย่างไรก็ตาม การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลง ได้กระตุ้นผลกำไรในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน ส่งผลให้หุ้นของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่

       นักลงทุนส่วนหนึ่งยังจับตาดูถ้อยแถลงของนางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส

       หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่านางเยลเลนจะส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในการแถลงต่อสภาคองเกรส โดยหุ้นบาร์เคลย์ส เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นรอยัลแบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ พุ่ง 2.7%

        หุ้นกลุ่มอื่นที่น่าจับตา หุ้นโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ ร่วงลง 4% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ โดยบริษัทขาดทุนกว่า 4 พันล้านปอนด์ ในปี 2559

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว วิตกศก.ยูโรโซน-เยอรมนีชะลอตัว

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/2559 มีการขยายตัวที่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้น ขณะที่เศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในไตรมาสดังกล่าวเช่นกัน

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.07 จุด ปิดที่ 370.20 จุด

       ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,771.81 จุด ลดลง 2.62 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,268.56 จุด ลดลง 10.36 จุด หรือ -0.14% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,895.82 จุด เพิ่มขึ้น 7.63 จุด หรือ +0.16%

        ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากยูโรสแตทเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัวในไตรมาส 4 ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้น โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม

     ทั้งนี้ เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 0.5%

      ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวเพียง 0.4% ในไตรมาส 4/2559 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนเศรษฐกิจตลอดปี 2559 ขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 ปี

     หุ้นโรลส์-รอยซ์ ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 4.03 พันล้านปอนด์ หรือ 5.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559

      อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทรายใหญ่ของยุโรปปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเครดิตสวิส พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากนายเดวิด  แมเธอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเครดิตสวิส ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า ธนาคารมีแผนที่จะปลดพนักงาน 5,500-6,500 คนในปีนี้ ซึ่งจะรวมถึงพนักงานประจำ, พนักงานที่ว่าจ้างตามสัญญา และที่ปรึกษา

      หุ้นเปอร์โยต์ ทะยานขึ้น 4.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเปอร์โยต์ ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส กำลังเจรจากับบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) เพื่อซื้อแบรนด์รถยนต์โอเปิล

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 92.25 จุด หุ้นแบงก์พุ่งรับเยลเลนส่งสัญญาณขึ้นดบ.

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยประธานเฟดระบุว่า การประวิงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไปนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,504.41 จุด เพิ่มขึ้น 92.25 จุด หรือ +0.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,782.57 จุด เพิ่มขึ้น 18.61 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,337.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.40%

        หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนภาวะการซื้อขายในตลาด หลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้

       ทั้งนี้ ประธานเฟดกล่าวว่า การรอเป็นเวลานานเกินไปเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบตลาดการเงิน และฉุดเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย

       "ในการประชุมครั้งต่อๆไป คณะกรรมการเฟดจะประเมินดูว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปก็จะมีความเหมาะสม" นางเยลเลนกล่าว

       นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุว่า ถึงแม้เฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเพื่อรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่การทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวกลับสู่ระดับปกติก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ

       ในการแถลงครั้งนี้ นางเยลเลนยังได้แสดงท่าทีเห็นด้วยต่อหลักการเกี่ยวกับการออกคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องการปฏิรูปทางการเงิน โดยปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเครื่องกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต

      ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 249.92 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.6% ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1%

      หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.3% และปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟน 7 ในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค.2559 พุ่งขึ้นแตะระดับ 78.29 ล้านเครื่อง จาก 74.78 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 77.42 ล้านเครื่อง และสูงกว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ที่ 77.5 ล้านเครื่อง

       หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเปอร์โยต์ ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส กำลังเจรจากับ GM เพื่อซื้อแบรนด์รถยนต์โอเปิล

       หุ้นแมทเทล ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัว 0.6% หลังจากแมทเทลประกาศร่วมมือกับบริษัทอาลีบาบา เพื่อพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับลูกค้าในประเทศจีน ผ่านทางเว็บไซต์ Tmall.com

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2012 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น

        นักลงทุนยังคงจับตานางเยลเลนซึ่งจะแถลงต่อเป็นวันที่สอง โดยในวันนี้ นางเยลเลนจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเดือนธ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.โดย Conference Board

              อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!