WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET12ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตาม Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับทรัมป์เล็งลดภาษีภาคธุรกิจ

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ตาม Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดี ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาบอกว่ามาตรการลดภาษีจะมีความชัดเจนในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และตลาดในยุโรป ก็ได้รับประโยชน์จากผลประกอบการของธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ออกมาดี ทำให้ตลาดในยุโรป และตลาดในสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้ดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

     ด้านปัจจัยในประเทศ ก็คาดว่าน่าจะมีการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการเก็งในเรื่องการจ่ายปันผลของบริษัทด้วย

      พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,172.40 จุด พุ่งขึ้น 118.06 จุด (+0.59%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,715.18 จุด เพิ่มขึ้น 32.73 จุด (+0.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,307.87 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด (+0.58%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 309.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 120.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.23 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.พ.60) 1,583.25 จุด ลดลง 6.04 จุด (-0.38%)

        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 137.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.พ.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.พ.60) ปิดที่ 53.00 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.3%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.พ.60) ที่ 7.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.07 กลับมาอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์ขานรับ"ทรัมป์"ส่งสัญญาณปฏิรูปภาษี

     - "สมคิด"ย้ำ ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าครบ 10 สายในปีนี้ เรียกเชื่อมั่นนักลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน รฟม.เซ็นก่อสร้าง 6 สัญญา "สาย สีส้ม" ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เกือบ 8 หมื่นล้านบาท อัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจ พร้อม เร่งรถไฟฟ้าเชียงใหม่-ภูเก็ต "อาคม" เตรียมเสนอครม.อนุมัติอีก 5 สายกลางปี ส่วนโมโนเรล "ชมพู-เหลือง" ยังติดปัญหาข้อเสนอเพิ่มเติม รฟม. หารือ สคร.เคาะรับข้อเสนอ BTS ต่อขยายเส้นทางได้หรือไม่

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2559 ว่าสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเพียง 2% ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี นับจากปี 2552 เป็นผลมาจากเอกชนรายใหญ่ไประดมทุนผ่านตลาดพันธบัตร และธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากหนี้เสียเพิ่มสูง โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยอดคงค้าง 3.86 แสนล้านบาท

        - การประชุมเพื่อจัดทำแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกรายภูมิภาคร่วมกับที่ปรึกษารายภูมิภาค เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้เชิญผู้ส่งออกรายใหญ่ของไทย และทำธุรกิจอยู่ในประเทศต่างๆ มาให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรายใหม่ และผู้ประกอบการกลุ่มขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) มีโอกาสส่งออกสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น

       - แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประเมินฐานะการคลังของประเทศในระยะปานกลาง 5 ปี ช่วงปี 2560-2564 พบว่ายังมีเสถียรภาพดี โดยหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2560 คาดว่าอยู่ที่ 44.1% และเพิ่มขึ้นเป็น 46.3% ในปีงบประมาณ 2564 ด้านระดับภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ ในระดับ 8.3% ในปีงบประมาณ 2560 และเพิ่มขึ้นเป็น 10.2% ในปีงบประมาณ 2564

      - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวบรรยาย "ทิศทางเศรษฐกิจบนความท้าทายปี 60" ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลก ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะ 3 ต่ำ 2 สูง คือ เศรษฐกิจโตต่ำ เงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งทั้ง 3 ด้านต่ำต่อเนื่องมานาน ยังไม่มีท่าทีจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ ส่วน 2 สูง คือ ตลาดเงินตลาดทุนผันผวนสูง และมีผู้ได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจโลกโตกระจุกตัวสูง

*หุ้นเด่นวันนี้

       - STEC (ทรีนีตี้) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 27.50 บาท ประกาศรายได้รวมใน 4Q59 อยู่ที่ 4,839 ล้านบาท (Flat QoQ , +4%YoY) จากงานก่อสร้างที่คืบหน้าตามแผน จากการรับรู้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดี ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 8% ในไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 9.4% ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยในปี 58 แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย แต่เนื่องจากมีรายการพิเศษจากการตีราคาอสังหาฯเพื่อลงทุนเป็นมูลค่ายุติธรรมจำนวน 477 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 675 ล้านบาท (+189%QoQ , +10%YoY) ด้วยงานประมูลภาครัฐที่ทยอยออกตามแผน และลงนามได้ตามกำหนด ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของผู้รับเหมาหลักแข็งแกร่งอย่างมาก มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

      - IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) รายได้ 2/3 ของผลิตภัณฑ์ ค่อนข้างสอดคล้องกับเส้นใย น่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอากาศเย็นกว่าปกติช่วงนี้ และจากผลทางฤดูกาล ซึ่งราคาฝ้ายช่วง 3 เดือนแรกของปี มักปรับขึ้น (4 ใน 6 ปี ที่ผ่านมา) ล่าสุดราคาฝ้ายปรับขึ้นทดสอบ 76.44 เหรียญ +2.00% เมื่อคืนนี้

      - SQ (ไอร่า) เป้า 6.05 บาท ประกอบธุรกิจให้บริการขุดขน เหมืองแร่ มีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่มฯ  ขณะที่ล่าสุด SQ ได้รับงานเพิ่มจากโครงการเหมืองแร่ดีบุก ที่เมียนมา มูลค่า 3,672 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ 33,672 ล้านบาท คาดสามารถรองรับรายได้ตลอด 10 ปีข้างหน้า ขณะที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง จากโครงการต่างๆ ในภูมิภาค ที่ SQ อยู่ระหว่างเข้าประมูล เช่น โครงการ เซกองในลาว คาดชัดเจนภายใน 2Q60  มูลค่า ประมาณ 1,200 บาท และแม่เมาะ เฟส 9  ที่คาดเปิดประมูลช่วงกลางปีนี้ มูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดีต่อเนื่อง คาดรายได้และกำไรสุทธิมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

       - SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15 บาท แนวโน้มกำไร 4Q59 จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่และคาดกำไรสุทธิทั้งปี 59 +11% Y-Y การเติบโตในปีนี้จะเร่งตัวขึ้น โดยคาด +19.5% Y-Y จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ SYNEX ในฐานะที่เป็นผู้ค้าส่งสินค้าไอทีและอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่สุดในประเทศที่มีกว่า 50 แบรนด์ในมือ ตอบสนองลูกค้าได้ทั้งในและต่างประเทศ (พม่า ลาว กัมพูชา เป็นตลาดที่มีศักยภาพที่บริษัทเริ่มรุกเข้าไป) ขณะที่ธุรกิจลิสซิ่งสินค้าไอทีที่บริษัทให้บริการแก่ลูกค้าชั้นดี สามารถเติบโตได้อีกมาก แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาถึง 80% ในช่วง 2 เดือนครึ่ง แต่ยังไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่บริษัทเติบโตได้อีกมากในภูมิภาค PE ปัจจุบันที่ 17 เท่ายังต่ำกว่า COM7

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลัง ทรัมป์ เล็งลดภาษีภาคธุรกิจ

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ก็ปิดที่ระดับสูงสุดเช่นกัน ขานรับข่าวที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,216.74 จุด เพิ่มขึ้น 309.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,183.01 จุด ลดลง 0.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,645.90 จุด เพิ่มขึ้น 120.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,612.67 จุด เพิ่มขึ้น 22.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,075.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,090.56 จุด เพิ่มขึ้น 10.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,699.73 จุด เพิ่มขึ้น 11.23 จุด

                ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยในระหว่างการประชุมกับผู้บริหารของสายการบินที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

                "การปรับลดภาระภาษีโดยรวมสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐถือเป็นเรื่องใหญ่ และเราจะทำการประกาศภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะถือเป็นปรากฎการณ์สำหรับการปรับลดภาษี" ปธน.ทรัมป์กล่าว

                นอกจากนี้ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุถึงการลดกฎระเบียบในภาคธุรกิจของสหรัฐ รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการปฏิรูประบบควบคุมการจราจรทางอากาศ และการปรับปรุงสนามบินที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นบีพีหนุนฟุตซี่ปิดบวก 40.68 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สามในวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อย่าง บีพี ที่พุ่งขึ้นรับข่าวบริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่ บีเอชพี บิลลิตัน ไฟเขียวเข้าร่วมลงทุนในโครงการน้ำมันของบีพีในอ่าวเม็กซิโก

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 40.68 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 7,229.50 จุด

                นักลงทุนกลับเข้ามาในตลาดหุ้นลอนดอนอีกครั้ง หลังบรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงาเมื่อวันก่อน เนื่องจากนักลงทุนชะลอเทรดเพื่อรอดูผลการลงมติในร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในสภาสามัญชน (House of Commons) ซึ่งจัดขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหุ้นปิดทำการในวันพุธ

                หุ้นบีพีปรับตัวขึ้น 0.6% หลังบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ ได้อนุมัติการลงทุนวงเงิน 2.2 พันล้านดอลลารณ์ในโครงการน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งมีบีพีเป็นหัวเรือใหญ่

                ขณะที่หุ้นบีเอชพีปรับตัวลง 0.3%

                หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ พุ่ง 1.5% หลังราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                หุ้นแอชมอร์ กรุ๊ป พุ่ง 5% หลังบริษัทจัดการกองทุนเผยกำไรก่อนหักภาษีทะยานขึ้นถึง 94% ในช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. เพราะได้อานิสงส์จากอัตราแลกเปลี่ยน และจากค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น

                หุ้นสมิธ แอนด์ เนฟฟิว ลดลง 0.3% หลังบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีการแพทย์รายงานรายได้ลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว พร้อมระบุว่าสภาพตลาดในจีนและกลุ่มประเทศอาหรับที่ยากต่อการดำเนินธุรกิจนั้นส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการ-ข้อมูลการค้าเยอรมนีสดใส

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทโททาล และธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานที่ระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าของเยอรมนีพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากการส่งออกฟื้นตัวขึ้น

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 366.79 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,826.24 จุด เพิ่มขึ้น 59.64 จุด หรือ +1.25% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,642.86 จุด เพิ่มขึ้น 99.48 จุด หรือ +0.86% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,229.50 จุด เพิ่มขึ้น 40.68 จุด หรือ +0.57%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าในปี 2559 อยู่ที่ 2.529 แสนล้านยูโร (2.70 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติไว้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากยอดส่งออกในปี 2559 ฟื้นตัวขึ้น 1.2% ขณะที่ยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.6%

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยโททาล ซึ่งบริษัทพลังงานรายใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/2559 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ 548 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพลิกจากการขาดทุน 1.63 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่วนรายได้พุ่งขึ้น 12%  ที่ระดับ 4.228 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

                ด้านซอคเจน ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ระดับ 390 ล้านยูโร ซึ่งแม้ว่าลดลง 41% แต่ก็เป็นการปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 334.4 ล้านยูโร นอกจากนี้ ซอคเจนยังเปิดเผยรายได้ฟื้นตัวขึ้น 1% สู่ระดับ 6.13 พันล้านยูโร

                ทั้งนี้ หุ้นโททาล ปิดบวก 1.3% ขณะที่หุ้นซอคเจน ปิดพุ่งขึ้น 2.3%

                หุ้นซาโนฟีพุ่งขึ้น 4.6% หลังจากศาลอุทธรณ์สหรัฐประกาศว่า ซาโนฟีซึ่งเป็นผุ้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส สามารถจำหน่ายยาลดคลอเรสเตอรอลในสหรัฐได้ต่อไป

                อย่างไรก็ตาม หุ้นธิสเซ่นครุปป์ เอจี (Thyssenkrupp AG) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเยอรมนี ปิดลบ 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 118.06 จุด รับทรัมป์เล็งปรับภาษีภาคธุรกิจ

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเช่นกัน ขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฟื้นตัวขึ้น

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,172.40 จุด พุ่งขึ้น 118.06 จุด หรือ +0.59% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,715.18 จุด เพิ่มขึ้น 32.73 จุด หรือ +0.58% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,307.87 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด หรือ +0.58%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีต่างก็ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดเผยในระหว่างการประชุมกับผู้บริหารของสายการบินที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

                "การปรับลดภาระภาษีโดยรวมสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐถือเป็นเรื่องใหญ่ และเราจะทำการประกาศภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะถือเป็นปรากฎการณ์สำหรับการปรับลดภาษี" ปธน.ทรัมป์กล่าว

                นอกจากนี้ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุถึงการลดกฎระเบียบในภาคธุรกิจของสหรัฐ รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการปฏิรูประบบควบคุมการจราจรทางอากาศ และการปรับปรุงสนามบินที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

                ขณะเดียวกันนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 43 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 234,000 ราย ใกล้ระดับ 233,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 43 ปีที่ทำไว้ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

                ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.0% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี

                นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการแสดงความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งระบุว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปีนี้ ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนว่า นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น หรือทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น

                หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 1.4%

                หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์ก นำโดยหุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอสเซส ปิดพุ่งขึ้น 5.5%

                หุ้นเวียคอมพุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

                อย่างไรก็ตาม หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลง 12.34% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไร 16 เซนต์/หุ้น และตัวเลขรายได้ 717 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 7/2559 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกำไร 12 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ 740.1 ล้านดอลลาร์

                นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังได้ปรับลดคาดการณ์กำไรในไตรมาส 1 สู่ระดับ 75-95 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191.3 ล้านดอลลาร์

                หุ้นโคคา โคลา ปรับตัวลง 1.8% หลังจากบริษัทปิดเผยตัวเลขกำไรก่อนหักรายการพิเศษ และค่าเสื่อมของสินทรัพย์ ที่ระดับ 37 เซนต์/หุ้น และรายได้ 9.41 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกำไร 36 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ 9.10 พันล้านดอลลาร์

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!