WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค แต่มีลุ้นรีบาวด์หลังหุ้นไทยร่วงมา 5 วันซ้อน

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ เนื่องจากคาดว่าจะมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว โดยอาจจะอิงการจ่ายปันผล และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา อีกทั้งหุ้นไทยได้ปรับตัวลงมา 5 วันติดต่อกันทำให้มีน้ำหนักที่จะรีบาวด์ได้

      อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนนี้ และยังติดตามความไม่แน่นอนของนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็อาจแกว่งตัวคล้ายตลาดภูมิภาค

พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,884.91 จุด ลดลง 6.03 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,636.20 จุด ลดลง 6.45 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.30 จุด (+0.06%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 82.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.91 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 32.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 21.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.32 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.พ.60) 1,572.67 จุด ลดลง 3.65 จุด(-0.23%)

       - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 37.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.พ.60) ปิดที่ 53.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6%

        - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.พ.60) ที่ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิด 35.07/10 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 35-35.15 รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนนี้

         - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.2560 อยู่ที่ 74.7 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี การส่งออกปรับตัวดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยางพารา และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนที่ผ่านมายังคึกคัก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีอำนาจซื้อและมีความพร้อมในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

       - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังนำคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และเอกชนไทยรายใหญ่เกือบ 100 รายเข้าหารือกับนายถิ่น จอ ประธานาธิบดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ในโอกาสเยือนเมียนมาวันที่ 2-5 ก.พ. ว่า การเยือนครั้งนี้มี 2 เป้าหมาย คือ 1.กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลึก สร้างอนาคตร่วมกัน ตามนโยบายให้ประเทศในกลุ่ม CLMV แน่นแฟ้นเชื่อมโยงกัน และ 2.กระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน โดยวันแรกที่เยือนมีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยู 19 ฉบับ

       - ธนาคารไทยพาณิชย์ ชะลอปล่อยกู้โครงการพลังงานทดแทน หลังศาลสั่งยกเลิกสัญญาเช่าที่ดิน ส.ป.ก.ของบริษัทเทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด นักวิชาการจี้กระทรวงพลังงานทบทวนนโยบายพลังงานทดแทนด่วน ด้านกกพ.เล็งหารือ ส.ป.ก.ก่อนหาทางเยียวยาเอกชน ด้านส.ป.ก.จ่อตรวจเพิ่ม 19 บริษัท

       - คลังเตรียมเข็น 2 โครงการของ กทพ. ลุยระดมทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 6 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสแรก สคร.ชี้ กทพ.เตรียมคัดเลือกเส้นทางด่วนบูรพาวิถี, ทางพิเศษฉลองรัช และเส้นกาญจนาภิเษก

*หุ้นเด่นวันนี้

     - TCAP (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ" เป้า 56 บาท กำไร 4Q59 เติบโตต่อเนื่องที่ 1.7 พันล้านบาท +25%YoY, +13%QoQ พร้อมตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 ขยายตัว 3-5% เพิ่ม CASA ควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน โดยคาดกำไรสุทธิปี 60 ที่ 7.8 พันล้านบาท

      - ROBINS (เคจีไอฯ) เป้า 75 บาท  ประเมินกำไร 4Q59 ยังคงเติบโตได้ 7.5% YoY เป็น 755 ล้านบาท และคาดกำไรปี 2560 จะเติบโตเด่น 14.6% YoY  เป็น 2.9 พันล้านบาท จาก Same store sale growth ที่คาดจะเติบโตเทียบปีก่อน และการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง

       - UNIQ (ไอร่า) เป้า 30 บาท ภายใต้แผนการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งคาดหน่วยงานต่างๆ เร่งรัดเปิดประมูลโครงการที่มีความพร้อม เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตตามเป้าหมาย คาดการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทยอยเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 60 เบื้องต้นคาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.45 ล้านล้านบาท คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในระยะยาว ที่คาดจะมีปริมาณงานใหม่เข้ามา และช่วยให้ Backlog เติบโตต่อเนื่อง และ UNIQ มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่ม แม้ระดับ Backlog และรายได้งานก่อสร้าง ของ UNIQ จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ภายใต้โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างปัจจุบัน จำนวน 7 โครงการ (ไม่รวมสายสีส้ม) ทำให้ UNIQ สามารถควบคุมงานก่อสร้างทั้งคุณภาพและต้นทุนจากส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีและสูงต่อเนื่อง โดยมี Gross Profit Margin เฉลี่ย 17% และ Net Profit Margin เฉลี่ยประมาณ 7% โดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ITD, CK และ STEC

      - TASCO (เคจีไอฯ) "ซื้อ"เป้า 29 บาท ราคายางมะตอยที่ดีดตัวขึ้นแรง สร้างความมั่นใจให้ได้ว่าอุปสงค์ทั้งในประเทศและในภูมิภาค เริ่มกลับมาอยู่ในระดับปกติซึ่งจะช่วยให้กำไรของ TASCO ในปี 2560 กลับมาพลิกฟื้นได้ตามคาด โดยประเมินกำไรปี 2560 จะโตได้ถึง 11.9% YoY เป็น 3.0 พันล้านบาท ดังนั้น ภาพรวมของผลประกอบการที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q59 และมีแนวโน้มแข็งแกร่งตั้งแต่ 4Q59 เป็นต้นไป ทำให้หุ้น TASCO สมควรถูก re-rate และกลับมาซื้อขายโดยมีระดับ premium ที่ P/E 15.0x (+1.5std) จากก่อนหน้านี้ที่ P/E 12.0x (+0.5std)

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นจีนเปิดทำการตามปกติ

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังหยุดยาว 5 วันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดบวกจากแรงช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากดัชนีนิกเกอิดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวานนี้

        ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,996.74 จุด เพิ่มขึ้น 82.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,160.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,216.97 จุด เพิ่มขึ้น 32.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,450.06 จุด เพิ่มขึ้น 21.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,075.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,047.08 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,674.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด

        ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากจีนและสหรัฐในวันนี้ โดยไฉซินจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีนเดือนม.ค.ในเช้าวันนี้ ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค. ในคืนนี้ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 33.10 จุด ขณะปอนด์อ่อนหลัง BoE ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดบ.

        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองในวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ หลังธนาคารกลางอังกฤษปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 33.10 จุด หรือ +0.47% ปิดที่ 7,140.75 จุด

       ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์

      ขณะเดียวกัน แบงก์ชาติอังกฤษได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจสำหรับปี 2560-2562 โดยคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะมีการขยายตัวมากขึ้น ขณะที่ได้รับแรงหนุนจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการคลัง รวมทั้งได้รับแรงผลักดันจากเศรษฐกิจโลก

      BoE คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัว 2.0% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 1.4% ที่คาดการณ์ในเดือนพ.ย. และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.6% และ 1.7% ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 1.5% และ 1.6%

       นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับไตรมาสแรกของปี 2561 ที่ระดับ 2.7% ขณะที่ปี 2562 และ 2563 อยู่ที่ระดับ 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ โดยได้ปรับลดจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ย.

       ขณะที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ โดยนายคาร์นีย์กล่าวในการแถลงข่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษสามารถดำเนินต่อไปได้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ โดยที่ BoE ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย

      นายคาร์นีย์ระบุว่า รัฐบาลยังคงพร้อมใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวหลังการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป

      ทั้งนี้ ตลาดมองว่าธนาคารกลางอังกฤษไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนหรือท่าทีใดๆ ภายหลังรับทราบผลการประชุมและการแถลงของผู้ว่าแบงก์ชาติ ทำให้ปอนด์ร่วงลงอย่างหนัก โดยปอนด์อ่อนค่าลง 0.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะ 1.2562 ดอลลาร์ และร่วงลงราว 1 เซนต์ยูโร หรือ 1.0% แตะ 1.1639 ยูโร

      การอ่อนค่าของเงินปอนด์กลายเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น เนื่องจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงนั้นเป็นผลดีต่อบรรดาบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน เพราะบริษัทเหล่านี้สามารถทำผลกำไรในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยน

     ขณะที่วานนี้ รัฐบาลอังกฤษได้เปิดเผยรายงานสมุดปกขาวความยาว 75 หน้า เพื่อแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายและกลยุทธ์ของอังกฤษในการเจรจาประเด็น Brexit กับ EU

       โดยนายเดวิด เดวิส รมว.ฝ่ายกิจการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษต้องการลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็น Brexit และหวังว่าจะมีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU)

     สำหรับ หุ้นรายตัวนั้น เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ พุ่งเกือบ 4% หลังจากที่กลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยืนยันว่า บริษัทได้ยื่นข้อเสนอซื้อ มี้ด จอห์นสัน ผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็ก เป็นเงินสดหุ้นละ 90 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.67 หมื่นล้านปอนด์

      หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ บวก 1.3% หลังจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายงานผลประกอบการล่าสุด โดยกำไรปี 2559 ลดลงสู่ระดับ 3.5 พันล้านดอลลาร์ จาก 3.8 พันล้านดอลลาร์

     อย่างไรก็ดี เชลล์เผยว่า กระแสเงินสดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีทะยานขึ้นเกือบ 70% มาอยู่ที่ราว 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินปันผลที่บริษัทจะจ่าย พร้อมทั้งระบุด้วยว่า บริษัทสามารถชำระหนี้มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์

       หุ้นโวดาโฟนทรงตัว หลังบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เผยว่า การเติบโตของผลประกอบการตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ที่กรอบล่างของ 3%-6% โดยโวดาโฟนเผยว่า รายได้ลดลงในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2559 เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดในภาคบริการธุรกิจ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกข่าว ดอยซ์แบงก์ ขาดทุนหนัก

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) หลังจากดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2559 กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารต้องสูญเสียเงินจำนวนไปกับการปิดคดีความทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินซื้อพันธบัตร ในการประชุมเมื่อวานนี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.3% ที่ระดับ 361.95 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,794.29 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่  11,627.95 จุด ลดลง 31.55 จุด หรือ -0.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,140.75 จุด เพิ่มขึ้น 33.10 จุด หรือ +0.47%

       หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลง 5.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 1.9 พันล้านยูโร (2.05 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากธนาคารต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการยุติคดีความทางกฎหมาย นอกจากนี้ ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของทางธนาคาร

      ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อยุติคดีความกับทางการสหรัฐและอังกฤษ โดยล่าสุด ทางธนาคารต้องจ่ายเงิน 425 ล้านดอลลาร์ให้กับสำนักงานบริการการเงิน (DFS) ของรัฐนิวยอร์ก และจ่ายเงินให้กับสำนักงานกำกับสถาบันการเงินของอังกฤษ (FCA) จำนวน 163 ล้านปอนด์ (204 ล้านดอลลาร์)

      นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ยังได้จ่ายเงินค่าปรับ 3.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008

      หุ้นเดมเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2559 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.15 พันล้านยูโร แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.26 พันล้านยูโร

       อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวกสวนทางกับตลาดส่วนใหญ่ของยุโรป โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์

      หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรปี 2559 ลดลงสู่ระดับ 3.5 พันล้านดอลลาร์ จาก 3.8 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีทะยานขึ้นเกือบ 70% มาอยู่ที่ราว 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินปันผลที่บริษัทจะจ่าย พร้อมทั้งระบุด้วยว่า บริษัทสามารถชำระหนี้มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์

     หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ พุ่งขึ้น 4.1 % หลังจากที่กลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยืนยันว่า บริษัทได้ยื่นข้อเสนอซื้อ มี้ด จอห์นสัน ผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็ก เป็นเงินสดหุ้นละ 90 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.67 หมื่นล้านปอนด์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 6.03 จุด วิตกสัมพันธ์ทรัมป์-ผู้นำทั่วโลกร้าวฉาน

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และผู้นำคนอื่นๆของโลก ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีสหรัฐขู่ว่าจะส่งทหารเข้าไปปราบปรามอาชญากรในเม็กซิโก นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ในวันนี้

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,884.91 จุด ลดลง 6.03 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,636.20 จุด ลดลง 6.45 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.30 จุด หรือ +0.06%

     บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและผู้นำของประเทศอื่นๆนั้น อาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานว่า ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะส่งทหารสหรัฐเข้าไปในเม็กซิโก เพื่อจัดการผู้กระทำความผิดและอาชญากร หากกองทัพของเม็กซิโกไม่ดำเนินการปราบปรามคนเหล่านั้น

        ขณะที่วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เกี่ยวกับข้อตกลงการรับผู้อพยพจากออสเตรเลียที่สหรัฐทำไว้ตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยการสนทนาครั้งนี้ทรัมป์ได้กล่าวกับนายเทิร์นบูลอย่างไม่เกรงใจว่า เขาได้พูดคุยกับผู้นำระดับโลกแบบรายวัน แต่การพูดคุยกับผู้นำออสเตรเลียถือเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ที่แย่ที่สุด และยังได้วางสายโทรศัพท์เพื่อยุติการสนทนากับนายเทิร์นบูลอย่างกะทันหัน หลังการพูดคุยกันเพียง 25 นาที ถึงแม้มีการกำหนดเวลาสนทนากัน 1 ชั่วโมงก็ตาม

       ขณะเดียวกันรัฐบาลสหรัฐยังได้ออกแถลงการณ์เตือนอิหร่านเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธ พร้อมกับเตือนว่าสหรัฐอาจจะเปิดฉากการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่

       นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ญี่ปุ่นว่าจงใจทำให้เยนอ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ส่งผลให้นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่าเขาจะหารือในประเด็นดังกล่าวกับทรัมป์เมื่อเขาเดินทางเยือนสหรัฐในวันที่ 10 ก.พ.นี้

      ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและประเทศอื่นๆนั้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 246,000 ราย โดยต่ำกว่าระดับ 250,000 รายซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้

      หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 1.79% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 4 /2559 อยู่ที่ระดับ 3.56 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 54 เซนต์/หุ้น

      หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 12.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 4/2559 พร้อมกับประกาศว่า ซีอีโอของบริษัทจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ทำงานได้ไม่ถึง 2 ปี

      หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลงกว่า 5% หลังจากธนาคารเปิดเผยยอดขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 1.9 พันล้านยูโร (2.05 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากธนาคารต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการยุติคดีความทางกฎหมาย นอกจากนี้ ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของทางธนาคาร

    ส่วนหุ้นมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ทะยานขึ้น 21% หลังจากบริษัทเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ ยืนยันว่าจะเข้าซื้อกิจการมี้ด จอห์นสัน

     นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค.จาก ISM

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!