WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3 8 ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐาน หลังไม่มีปัจจัยใหม่-วอลุ่มบาง,นลท.รอดูการประชุม FOMC

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ภาพตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นช่วงของการปรับฐาน จากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน ประกอบกับวอลุ่มที่เบาบาง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.

      ส่วนแนวโน้มของตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเช้านี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ตามปัจจัยภายในของแต่ละประเทศ

พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,600 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,971.13 จุด ร่วงลง 122.65 จุด (-0.61%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,613.71 จุด ลดลง 47.07 จุด (-0.83%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.90 จุด ลดลง 13.79 จุด (-0.60%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 223.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 5.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 11.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.09 จุด

    ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ม.ค.60) 1,590.56 จุด ลดลง 0.24 จุด (-0.02%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ม.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ม.ค.60) ปิดที่ 52.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 54 เซนต์ หรือ 1%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ม.ค.60) ที่ 6.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.19/20 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากกังวลนโยบาย"ทรัมป์"-GDP Q4/59 ต่ำกว่าคาด

                - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า คลังได้ปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2560 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.4% เป็น 3.6% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 3.1-4.1% โดยได้แรงขับเคลื่อนเพิ่มเติมจากการทำงบประมาณกลางปี 2560 วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีเงินลงทุนเพิ่ม 1.6 แสนล้านบาท และจะเบิกจ่ายได้อย่างน้อย 65-70% ภายในปีนี้

      - รฟม.ตรวจรับการก่อสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เผย "ช.การช่าง" ส่งมอบเร็วกว่าแผน 19 วัน ขณะที่การโอนเดินรถให้กทม. ไม่คืบ เหตุแผนเคลียร์หนี้ 2.1 หมื่นล้านไม่ชัด กระทบนำร่องเปิดเดินรถ 1 สถานี เชื่อมการเดินทางกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ไม่ทันเดือนมี.ค.นี้ เตรียมแผนสำรองชงบอร์ดรฟม. 6 ก.พ. เสนอ ครม.เจรจาตรงบีทีเอส จ้างเดินรถเอง ส่วนทั้งสายกำหนดเปิดธ.ค. 61

       - ก.อุตสาหกรรม ตั้งคณะทำงาน หาแนวทางส่งเสริมการลงทุน นอกเหนือสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ ย้ำต้องเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนเสนอนายกฯ ในฐานะประธานบอร์ดบีโอไอ ด้าน สนพ.ยัน "สหกรณ์" ร่วมยื่นประมูลโซลาร์ฟาร์มได้

      - ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 60 ว่า คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยรวมกว่า 9.3 ล้านคนเติบโต 3% จากปีก่อน มีรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ 4.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โดยตลาดหลักที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากที่สุดยังคงเป็นจีน คาดว่าจะเดินทางมาในไตรมาส 1 ประมาณ 2.4 ล้านคน ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหมดเทศกาลท่องเที่ยวสำคัญ คือ ช่วงปีใหม่และตรุษจีน รวมถึงจะหมดมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน

*หุ้นเด่นวันนี้

                - SCC  (เอเชีย เวลท์) "ซื้อ"เป้า 638 บาท เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนในธุรกิจขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน "เอสซีจี เอ็กซ์เพรส" (SCG EXPRESS) ซึ่งเป็นการร่วมทุนร่วมกับ Yamato Asia ผู้ประกอบธุรกิจบริการการขนส่งที่รู้จักกันดีในนาม "Black Cat" ในญี่ปุ่น เงินลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 633 ล้านบาท โดย SCG EXPRESS ตั้งเป้าเปิดจุดให้บริการเพิ่มเป็น 110 สาขา ภายในปี 2560 จากปัจจุบันที่มีจุดบริการแล้วที่สำนักงานใหญ่ บางซื่อ โดยเห็นว่า แผนการลงทุนดังกล่าวถือเป็นการกระจายธุรกิจเข้าสู่กระแส E-commerce ที่มีศักยภาพการเติบโตในประเทศ ซึ่งมีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ได้สร้างผลกำไรอย่างมีนัยฯ ให้กับ SCC ในปัจจุบันก็ตาม

       - AOT (ยูโอบี เคย์เฮียน) ราคาหุ้นที่ Underperform ตลาดรวมสะท้อนปัจจัยลบจากทัวร์ศูนย์เหรียญไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 (ก.ย.-ธ.ค.59) ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดดอนเมือง เทอร์มินัล 2 และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ม.ค.เริ่มกลับมาเติบโต 12% YoY

       - WICE (โกลเบล็ก) เป้า 4.45 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2559 จะอยู่ที่ 87.4 ล้านบาท (+44.2% YoY) เนื่องจากการควบรวม SEL (Sun Express Logistics) สิงคโปร์  เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตารางเมตรตั้งแต่พ.ค.59  ส่วนปี 2560 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น 145 ล้านบาท (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตร.ม. ที่แหลมฉบัง อีกทั้งล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 2-3 รายในภูมิภาคเอเชียแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

       - AP (ไอร่า) เป้า 9 บาท  แนวโน้ม Q4/59 เติบโตแข็งแกร่ง และโดดเด่นในปี 60 จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเป็นปีแรก คาดสูงถึง 700 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกนโยบาย ทรัมป์ สร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,145.35 จุด ลดลง 223.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,077.66 จุด ลดลง 5.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,053.70 จุด ลดลง 11.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,686.45 จุด เพิ่มขึ้น 0.09 จุด

    ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

     ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน

    มาตรการดังกล่าวของทรัมป์ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สองชาติพันธมิตรของสหรัฐที่ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมป์ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองจากหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 66.01 จุด ตลาดวิตกนโยบาย ทรัมป์ กระทบการค้าทั่วโลก

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกและกำลังประเมินว่า นโยบายห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐนั้น จะส่งผลกระทบต่อนโยบายการค้าของทรัมป์ ตลอดจนธุรกิจทั่วโลกในขอบเขตที่มากน้อยเพียงใด

      ดัชนี FTSE 100 ลดลง 66.01 จุด หรือ -0.92% ปิดที่ 7,118.48 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนรับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความโกลาหลและการประท้วงที่สนามบินหลายแห่งในสหรัฐ

     มาตรการดังกล่าวของทรัมป์ยังส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สองชาติพันธมิตรของสหรัฐที่ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมป์ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองจากหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

     หุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีพีร่วง 2.2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.8%

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.6% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วง 2.4% และหุ้นริโอ ตินโต ลดลง 1.9%

      หุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าจับตา หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1.5% หลังรัฐบาลอังกฤษเผยว่าได้ตัดขายหุ้นในธนาคาร เหลือถือครองเพียง 3.57 พันล้านหุ้น หรือ 4.998% จาก 4.24 พันล้านหุ้นก่อนหน้านี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง เหตุวิตกทรัมป์ออกนโยบายสกัดผู้ลี้ภัย

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มสายการบิน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 362.55 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,784.64 จุด ลดลง 55.34 จุด หรือ -1.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,681.89 จุด ร่วงลง 132.38 จุด หรือ -1.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,118.48 จุด ลดลง 66.01 จุด หรือ -0.92%

     หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนักหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน

      นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมป์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองมองว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

     ทั้งนี้ หุ้นสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ดิ่งลง 2.7% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลง 2.5%

      ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรมปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือโรงแรมฮอลลิเดย์ อินน์ และคราวน์ พลาซา โฮเทล ร่วงลง 1.8%

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในเดือนก.ค. 2556 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณชะลอการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 122.65 จุด วิตกนโยบายทรัมป์กระทบความสัมพันธ์ตปท.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,971.13 จุด ร่วงลง 122.65 จุด หรือ -0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,613.71 จุด ลดลง 47.07 จุด หรือ -0.83% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.90 จุด ลดลง 13.79 จุด หรือ -0.60%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน

      มาตรการดังกล่าวของทรัมป์ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สองชาติพันธมิตรของสหรัฐที่ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมป์ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองจากหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

     หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด หลังจากมีรายงานว่า คำสั่งระงับพลเรือนจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐนั้น ส่งผลให้เกิดความโกลาหลและการประท้วงที่สนามบินหลายแห่งในสหรัฐ โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.1% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 4.4% หุ้นยูเอส โกลบอล เจ็ท ปรับตัวลง 2.1% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ร่วงลง 3.6%

     หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นคาโบท์ ออยล์ แอนด์ ก๊าซ ร่วงลง 5% หุ้นทรานส์โอเชียน ดิ่งลง 5.1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ลดลง 5.3% หุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ร่วงลง 5%

       นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี

    ลีโอ โกรฮาวสกี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบีเอ็นวาย เมลลอน เวลท์ แมเนจเมนต์ คาดการณ์ว่า มีโอกาสน้อยที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หรือในเดือนมี.ค. แต่เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และจะปรับขึ้น 2-3 ครั้งในปีนี้

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก และแอปเปิล อิงค์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมทั้งจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.โดยเอสแอนด์พี/เคสชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.โดย Conference Board

     อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!