WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET17ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐาน วิตก hard Brexit-นโยบายศก.สหรัฐหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งปธน.

        นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะยังอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังจากที่ไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ประกอบกับน้ำหนักของปัจจัยส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ โดยเฉพาะประเด็นจากต่างประเทศจากความกังวลต่อกรณีของ hard Brexit และนโยบายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ของประธานาธิบดีคนใหม่

      นอกจากนี้ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ ยังมีความกังวลต่อปัญหาตราสารหนี้ หลังจากที่มีกรณีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นแล้วในบางแห่ง ประกอบกับดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวเข้าใกล้เป้าหมายทั้งปีนี้ที่คาดไว้ระดับ 1,600 จุด และยังไม่มีแรงขับเคลื่อนใหม่เข้ามา ทำให้ภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะปรับลดลง แม้ในช่วงนี้จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/59 ของกลุ่มธนาคารออกมาและมีการคาดการณ์ว่าจะยังอยู่ในระดับที่ดีก็ตาม

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,560 จุด และแนวต้านที่ 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ม.ค.60) ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 16.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 101.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 56.79 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.35 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ม.ค.60) 1,571.80 จุด ลดลง 3.44 จุด (-0.22%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 935.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ม.ค.60

                - ตลาดน้ำมันนิวยอร์กล่าสุด (16 ม.ค.60) ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ม.ค.60) ที่ 7.62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.43/44 ทรงตัวจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

                - รมว.คลังสั่ง ก.ล.ต.เร่งแจงปัญหา บจ.ผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E พร้อมสั่งสอบมีบลจ.กี่รายขายตั๋ว B/E ให้รายย่อยลงทุนผ่านการลงทุนในกองทุน พร้อมเปรยบลจ. อาจมีปัญหาด้านธรรมาภิบาล ขณะที่โบรกเกอร์-บลจ.ในฐานะตัวกลางเตรียมนัดหารือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นตลาดหุ้น หลังนักลงทุนตื่นขายหุ้นบจ.เล็กที่ผิดนัดชำระตั๋ว B/E ฉุดราคาดิ่ง หวั่นลุกลาม ยัน ผลกระทบวงแคบ ขณะที่ประเมินบจ.เลือกแนวทางเพิ่มทุนเป็นทางออกเพื่อพยุงฐานะการเงิน

                - คนร.คาดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศ ยื่นไฟลิ่งได้มี.ค. นี้ และคาดว่าจะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปในไตรมาส 2 ด้านตลาดหลักทรัพย์มั่นใจ หุ้นไทยยังดึงดูดนักลงทุน แม้ปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นสูง ชี้ระดับราคายังอยู่ในค่าเฉลี่ย แต่การเติบโตสูงกว่าเพื่อนบ้าน

                - มอนิ่งสตาร์ รับ 2 สัปดาห์แรกของปีนี้นักลงทุนเทขาย LTF กว่า 4,561 ล้านบาท สูงกว่าปกติ เดิมเฉลี่ยมียอดขาย 3,648 ล้านบาท ขณะที่กองทุนหุ้นไทยกลุ่มหุ้นกลาง-เล็ก โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 19.39% ขณะที่ปี 2559 อุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีเงินไหลเข้ากว่า 524,968 ล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินไหลเข้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในรอบ 10 ปี ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมโต 14.42% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 4.65 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 30% ของมูลค่ารวมตลาดหลักทรัพย์ไทย

                - นายกสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อการส่งออกไทย เปิดเผยว่า ปี 2560 สมาคมฯตั้งเป้าการส่งออกไก่ 7.5 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 6-7% จากปีก่อนส่งได้ 7.2 แสนตัน มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท จากปีก่อน 9.26 หมื่นล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มความต้องการไก่ในตลาดโลกยังมีต่อเนื่อง รวมถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของอุตสาหกรรมไก่ไทย ทำให้สามารถเปิดตลาดไก่เพิ่มอีก 2 ประเทศคือเกาหลีและสิงคโปร์

                - เตรียมชงครม.เคาะจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีในแนวทางประชารัฐ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เล็งปล่อยกู้ซอฟต์โลนลงขันให้ผู้ประกอบการ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมพัฒนาเอสเอ็มอีท้องถิ่น นำร่อง 9 พื้นที่

*หุ้นเด่นวันนี้

                - ADVANC (ซีไอเอ็มบีฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 205 บาท โดยมองว่าจะคงอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 100% และตั้งเป้าการดำเนินงานเชิงบวกในปีนี้ จากการแข่งขันลดลง ,งบลงทุนลดลง และค่าใบอนุญาต ความถี่ลดลง ขณะที่มีผลกระทบจำกัดหากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการ คิดค่าบริการเป็นรายวินาที

                - SPALI (เคจีไอฯ) แนะ"Outperform" ราคาเป้าหมาย 26.80 บาท ขณะที่ SPALI มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 29 โครงการในปี 2560 เพิ่มขึ้น 54.2% YoY แต่ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของ presales ไว้ที่ประมาณ 12% เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้ายอดโอนปีนี้ไว้อย่างระมัดระวังที่ 2.45 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเห็นว่า rejection rate ขยับเพิ่มขึ้น  สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ SPALI มีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม flagship เป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ใหม่ ศุภาลัย โอเรียนตัล สุขุมวิท 39  ซึ่งคาดว่าโครงการนี้น่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งจะช่วยหนุน backlog สำหรับปี 2563 และกลายมาเป็นปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นให้กับบริษัท

                - PTT (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 420 บาท โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการ 4Q59 ของ PTT แม้คาดกำไรสุทธิ 4Q59 ลดลง QoQ เพราะถูกกดดันจาก 1) ผลประกอบการของ PTTEP ที่แย่ลงใน 4Q59 2) ขาดทุน FX ตามค่าเงินบาทอ่อนตัว แต่กำไรจากการดำเนินงาน คาดว่ายังดี โดยทรงตัว QoQ หลักๆ  จากราคาขายก๊าซที่ปรับลดลงในเดือน ต.ค.59 จะส่งผลให้ต้นทุนก๊าซลดลงและอัตรากำไร (margin) ของโรงแยกก๊าซ PTT สูงขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีในกลุ่ม คาดเพิ่มขึ้น QoQ จากค่าการกลั่นของโรงกลั่นที่สูงขึ้น QoQ เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล บวกกับกำไรจากสต็อก (stock gain) เข้ามาช่วยพยุงทำให้กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยใน 4Q59 ทั้งนี้ หากกำไร 4Q59 เป็นไปตามที่คาด จะส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 สูงกว่าประมาณการที่ระมัดระวังที่ 82,566 ล้านบาท (+314%YoY) ส่วนกำไรปี 60 เพิ่มเป็น 92,375 ล้านบาท(+12%YoY) EPS=28.91-32.34 บาท ในปี 59-60 ตามลำดับ

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ขณะจับตานายกฯอังกฤษแถลงแผน Brexit

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.5% เมื่อเวลาประมาณ 9.35 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,038.45 จุด ลดลง 56.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,087.03 จุด ลดลง 16.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,819.87 จุด เพิ่มขึ้น 101.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,301.96 จุด เพิ่มขึ้น 9.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,067.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,009.92 จุด ลดลง 3.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,660.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด

                ทั้งนี้ วิเคราะห์คาดว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเรียกร้องให้ชาวอังกฤษมีความเป็นเอกภาพในกระบวนการ Brexit ขณะที่สื่ออังกฤษคาดการณ์ว่า การแถลงของนางเมย์จะส่งสัญญาณถึงการแยกตัวออกจาก EU อย่างเด็ดขาด และส่งผลกระทบที่รุนแรง (hard Brexit)

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 10.68 จุด ตลาดจับตานายกฯอังกฤษแถลงแผน Brexit

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษจะเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่ตลาดจับตานางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งจะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับ Brexit ในวันนี้อย่างใกล้ชิด

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,327.13 จุด ลดลง 10.68 จุด หรือ -0.15%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีการบ่งชี้การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาดหรือไม่ หลังจากที่นางเมย์ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า จะเดินหน้าถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป และสหภาพศุลกากรยุโรป เพื่อให้อังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ และในการเจรจาการค้าแบบทวิภาคี

                นักวิเคราะห์คาดว่านางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกล่าวเรียกร้องให้ชาวอังกฤษมีความเป็นเอกภาพในกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ขณะที่สื่ออังกฤษคาดการณ์ว่า การแถลงของนางเมย์จะส่งสัญญาณถึงการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาด และส่งผลกระทบที่รุนแรง (hard Brexit)

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 1.8% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 2.8 และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 2%

                อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ ดีดตัวขั้น 1.6% หุ้นยูนิลีเวอร์ ขยับขึ้น 0.6% และหุ้นเบอร์เบอรี่ พุ่งขึ้น 1.6%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกผลกระทบ Brexit,นโยบาย ทรัมป์

                ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และผลกระทบจากการที่อังกฤษจะเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.8% ปิดที่ 362.97 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,882.18 จุด ลดลง 40.31 จุด หรือ -0.82% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,554.71 จุด ลดลง 74.47 จุด หรือ -0.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,327.13 จุด ลดลง 10.68 จุด หรือ -0.15%

                นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีการบ่งชี้การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาดหรือไม่ หลังจากที่นางเมย์ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า จะเดินหน้าถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป และสหภาพศุลกากรยุโรป เพื่อให้อังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ และในการเจรจาการค้าแบบทวิภาคี

                ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษบนถนนดาวนิ่งออกแถลงการณ์ ระบุว่า สุมทรพจน์ของนางเมย์จะย้ำถึงความจำเป็นที่ชาวอังกฤษจะต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยยุติการแบ่งแยกระหว่างผู้ที่ลงมติเห็นด้วย หรือคัดค้านการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป เพื่อให้กระบวนการ Brexit ประสบความสำเร็จ และสร้างอังกฤษที่จะมีความสัมพันธ์ในระดับโลกอย่างแท้จริง

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความวิตกกังวลที่ว่ารัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของทรัมป์จะปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกเพื่อส่งกลับมาขายในตลาดสหรัฐ

                หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 2.2% หุ้นเดมเลอร์ ดิ่งลง 1.5% และหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 1.5%

                ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 1.8% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 2.8%

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!