WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค หลังขาดปัจจัยหนุน-คาด Fund Flow จะไหลออก

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยขับเคลื่อน และในช่วงที่ผ่านมา Fund Flow ก็เข้ามามากแล้ว ขณะเดียวกับมองว่าสัปดาห์หน้าอาจได้เห็นการกลับขาของเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงได้ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจได้แรงซื้อกลับทำให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นการกระตุ้นให้เกิด Fund Flow ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย โดยยังแนะนำหุ้นที่ยังถูกอยู่อย่างหุ้น SCB และหุ้นที่เป็น Global plays อย่างหุ้น PTTEP และหุ้น BANPU

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,560-1,572 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด (-0.32%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด  (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด (-0.21%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 40.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 3.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 36.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 10.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.08 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ม.ค.60) 1,568.84 จุด ลดลง 4.09 จุด (-0.26%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 362.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ม.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ม.ค.60) ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.5%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ม.ค.60) ที่ 7.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.36/42 อ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 35.30-35.45

                - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเสียหายของสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยมูลค่าทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 2.23 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ความเสียหายจากภาคเกษตร 8,100 ล้านบาท ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม 1.08 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน ทางรถไฟ สะพานและบ้านเรือน) 3,405 ล้านบาท ทำให้จีดีพีภาคใต้ลดลง 1.2% จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จีดีพีภาคใต้จะขยายตัว 3.2% และส่งผลให้จีดีพีของประเทศลดลง 0.1%

                - รมว.คลัง เผยหากคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่ากรมศุลกากรต้องเก็บภาษีน้ำมันของบริษัท เชฟรอน ประเทศไทย ที่นำไปใช้บนแท่นขุดเจาะน้ำมันทางทะเล ก็เป็นเรื่องที่กรมศุลกากรต้องดำเนินการ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ต้องโต้เถียงกันต่อไปอีกว่า ต้องเก็บภาษีหรือไม่ต้องเก็บภาษีเหมือนที่ผ่านมา

                - ก.ล.ต.เรียกบริษัท หลักทรัพย์จัดการลงทุนหารือด่วน วางมาตรการรับมือผลกระทบตั๋ว B/E ที่มีปัญหาไถ่ถอน ขีดวงความเสียหายกองทุนตราสารหนี้เทอมฟันด์ กำหนดผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนวันที่ตั๋วแลกเงินถูกปฎิเสธชำระหนี้แบกรับขาดทุน

                - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17-20 มกราคมนี้ จะร่วมประชุมในเวที World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2560 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล ผู้นำเอกชน ผู้บุกเบิกทางเทคโนโลยี  ผู้ประกอบการเพื่อสังคม ผู้นำทางความคิด และนักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมกว่า 2,500 คน จากกว่า 100 ประเทศ โดยจะใช้เวทีนี้สร้างความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลก

                - "สมคิด" ตีปี๊บกรอบงบรายจ่ายปี 61 พุ่งแตะ 2.9 ล้านล้านบาท ขาดดุลทะยาน 4.5 แสนล้านบาท บัญชีกลางปลื้มส่วนราชการรัฐวิสาหกิจตะลุยเบิกจ่ายงบ 8.76 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2.06%

*หุ้นเด่นวันนี้

            - SCC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 560 บาท คาดจะมีกำไรสุทธิใน 4Q59 อยู่ที่ 8,954 ล้านบาท (-36% QoQ, -22% YoY) ชะลอตัวลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงปิโตรเคมี ROC เป็นเวลา 40 วัน, คาดจะรับรู้ผลขาดทุนสินค้าคงคลังจากราคา Ethylene ที่ปรับตัวลดลงราว 7% QoQ, แนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ยังอ่อนแอ และความต้องการในธุรกิจกระดาษช่วงเทศกาลปีใหม่ชะลอตัวลง เนื่องด้วยสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นช่วง 9 เดือนแรกของปี จึงคาดปี 59 บริษัทจะมีกำไรสุทธิรวมที่ 52,141 ล้านบาท (+15% YoY) ด้วยแนวโน้มธุรกิจปิโตรทีแข็งแกร่งต่อเนื่องอีก 3-5 ปี (2560-2563) ในขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ที่เคยถูกกดดันจากการลงทุนภาคเอกชน และภาครัฐที่ยังชะลอตัวนั้น คาดจะเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากงานโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีกำหนดการก่อสร้างตั้งแต่ปี 60

                -  PTT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 430 บาท แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องในอีก 4-5 ไตรมาสข้างหน้า ตามผลต้นทุนก๊าซที่จะทรงตัวในระดับต่ำและการลอยตัว NGV ที่ทำให้โครงสร้างกำไรธุรกิจก๊าซดีขึ้น และเตรียมนำธุรกิจค้าปลีกเข้าตลาด ลดสัดส่วนถือต่ำกว่า 50% มองยังใช้เวลาระยะ รวมทั้งเป็นตัวแทนหุ้นพลังงานพื้นฐานแกร่ง อีกหนึ่งผู้ได้รับ sentiment ราคาน้ำมัน

                - BDMS (ยูโอบี เคย์เฮียน) หุ้นขนาดใหญ่ที่ยังคง Laggard โดยปรับขึ้นเพียง 5.5% เทียบกับ SET ที่ 19.3% ทำให้ม๊โอกาสเป็น Window dressing target ขณะที่โมเมนตัมของกำไรยังเป็นบวก และคาดกำไรปี 2560 ยังคงเติบโต 11.2%

                - HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท ราคาหุ้น laggard ที่สุดในกลุ่มค้าปลีกในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งที่กำไร 4Q59 มีแนวโน้มจะทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.34 พันล้านบาท +41% Q-Q, +17% Y-Y จากแรงหนุนของมาตรการช้อปช่วยชาติ สาขาใหม่ที่เปิด 5 แห่ง และความสำเร็จของงาน Expo โดยคาดกำไรปี 2559-2560 +19% และ +13% ตามลำดับ

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนผิดหวังแถลงข่าว ทรัมป์

                ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ โดยบางส่วนปรับตัวลงเนื่องจากผิดหวังกับการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังจากที่หุ้นร่วงหนักในช่วงหลายวันก่อน

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,174.97 จุด เพิ่มขึ้น 40.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,116.08 จุด ลดลง 3.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,879.57 จุด เพิ่มขึ้น 50.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,373.70 จุด ลดลง 36.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,077.12 จุด ลดลง 10.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,001.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,677.68 จุด ลดลง 0.08 จุด

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 1.88 จุด ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มวัสดุ

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดบวกต่อเนื่อง 12 วันทำการ โดยได้แรงหนุนในช่วงท้ายจากหุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐาน ซึ่งสกัดการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 7,292.37 จุด

                หุ้นกลุ่มค้าปลีกเป็นที่จับตา เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าและห้างสรรพสินค้าได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยหุ้นเทสโก้ ลดลง -1.32% ถึงแม้ว่าเทสโก้ได้เปิดเผยยอดขายในอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 0.7% ในช่วงวันหยุดเทศกาล ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานก็ยังอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องตามเป้าหมายในปีงบประมาณนี้ที่ระดับ 1.2 พันล้านปอนด์ (1.46 พันล้านดอลลาร์)

                หุ้นเอบี ฟู้ดส์ ร่วงลง 2.2% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยรายได้ช่วง 16 สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ม.ค. ขยายตัวขึ้น 22% ด้วยแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ ขณะที่หุ้นพรีมาร์ค ผู้ค้าปลีกหมวดแฟชั่น เพิ่มขึ้น  22% จากอานิสงส์ค่าเงินปอนด์อ่อนเช่นกัน

                หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เพิ่มขึ้น 1.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายปรับตัวขึ้น 5.9% ในช่วง 13 สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงขายหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยา ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 363.40 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,863.97 จุด ลดลง 24.74 จุด หรือ -0.51% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,521.04 จุด ร่วงลง 125.13 จุด หรือ -1.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ +0.03%

                หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ยังคงร่วงลง โดยหุ้นแกล็คโซสมิทไคลน์ ลดลง 0.6% หุ้นไชร์ ร่วงลง 3.5% หุ้นโนโว นอร์ดิช ร่วงลง 5.3% หลังจากนายทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยา โดยระบุว่า อุตสาหกรรมยาของสหรัฐขณะนี้อยู่ในภาวะย่ำแย่ และรัฐบาลภายใต้การนำของเขาจะสร้างระบบประมูลใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยา

                อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2559 ของเยอรมนี ขยายตัว 1.9% จากระดับของปี 2558 และสูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ 1.8%

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจาก Cie. Financiere Richemont ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคาร์เทียร์ เปิดเผยยอดขายไตรมาส 4/2559 พุ่งขึ้น 6% โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น Cie. Financiere Richemont ทะยานขึ้น 7.8% หุ้น LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton ปรับตัวขึ้น 1.5% และหุ้นคริสเตียนดิออร์ ดีดขึ้น 0.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 63.28 จุด ตลาดผิดหวังทรัมป์ไม่เผยมาตรการกระตุ้นศก.

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด หรือ -0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด  หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.21%

       ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยทรัมป์แทบไม่ได้กล่าวถึงมาตรการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เขาเคยกล่าวไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่เขาระบุแต่เพียงว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้บริษัทที่ย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐ

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงวอลท์ดิสนีย์, เจพีมอร์แกน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา

     หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

       หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.7% แม้มีรายงานว่าสายการบินสไปซ์เจ็ทของอินเดียอาจจะสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 90 ลำของโบอิ้ง คิดเป็นมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์

     สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวที่มีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 247,000 ราย โดยต่ำกว่าระดับ 255,000 ราย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้

     ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยสกัดราคานำเข้า

     นายแพททริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า  เศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้น และจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในปีนี้ หรือปีหน้า

    ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า การใช้มาตรการทางการคลังในเชิงรุก รวมทั้งนโยบายอื่นๆ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวแตะระดับ 4% ในระยะสั้น แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ นอกจากว่าจะมีการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการผลิต หรือทำให้ตลาดแรงงานมีการขยายตัว

    นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!