WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นลุ้นทดสอบ 1,575 จุด จาก Fund Flow หนุน,เก็งกำไรงบฯ Q4/59 กลุ่มแบงก์

    นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,575 จุด และน่าจะทะลุผ่านไปได้ จากแรงหนุนของเงินทุนไหลเข้า อีกทั้งยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/59 และงวดปี 59 ของกลุ่มแบงก์เข้ามาต่อเนื่องจากวานนี้ แม้จะมีปัจจัยกดตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ก็ตาม ขณะที่ตลาดยังจับตาการแถลงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ม.ค. พร้อมให้แนวต้านที่ระดับ 1,575 และ 1,580 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,564 จุด

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นต่อเนื่อง ตามแรงซื้อของ Fund Flow ที่เข้ามาต่อเนื่อง และภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ก็สดใส โดยดัชนีมีโอกาสทดสอบระดับ 1,575 จุดและน่าจะสามารถผ่านไปได้ แม้วันนี้อาจมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ อาจจะส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาบ้าง

       แต่เชื่อว่าตลาดจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/59 และงวดปี 59 ของกลุ่มแบงก์ ที่บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จะประกาศผลประกอบการออกมาในวันนี้เป็นแห่งแรก โดยภาพรวมของกลุ่มแบงก์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในอนาคตจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้นด้วย

       นอกจากนี้ ตลาดน่าจะยังคงมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการซ่อมแซมสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้

      อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาการแถลงนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งและแถลงนโยบายในวันที่ 20 ม.ค.นี้

       พร้อมให้แนวต้านที่ระดับ 1,575 จุด และ 1,580 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,564 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,855.53 จุด ลดลง 31.85 จุด (-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,551.82 จุด เพิ่มขึ้น 20.00 จุด (+0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดทรงตัวที่ 2,268.90 จุด

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 57.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 71.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.75 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ม.ค.60) 1,572.10 จุด เพิ่มขึ้น 8.02 จุด (+0.51%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,030.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ม.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ม.ค.60) ปิดที่ 50.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ม.ค.60) ที่ 6.76 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.59 แข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้  ตลาดรอดูทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯของ"ทรัมป์"

                - สศค.เผยเอ็นพีแอล 6 แบงก์รัฐในช่วงไตรมาส 3/59 ปรับเพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นล้านบาท หรือกว่า 22% มาอยู่ที่ระดับ 2.53 แสนล้านบาท ส่งผลยอดคงค้างคิดเป็น 6.4% ของสินเชื่อรวม พบกลุ่มเกษตรหนี้เสียเพิ่มขึ้นสูงที่สุด ไตรมาสเดียวขยับ 2.77 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท

                - ธปท.ชี้กำลังซื้อครัวเรือนหด ทำธุรกิจบัตรเครดิตแผ่ว เผยยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตโดยรวมเพิ่มขึ้นแค่ 2.55 พันล้านบาท พบการเพิ่มขึ้นของยอดใช้จ่ายในประเทศน้อยกว่าใช้จ่ายในต่างประเทศและใกล้เคียงเบิกเงินสดล่วงหน้า แต่ยอดขอสินเชื่อและจำนวนบัตรยังทะยานต่อ ด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์สินเชื่อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

                - ก.ล.ต.ย้ำบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนรวม วิเคราะห์ประเมินเข้มตั๋ว B/E เหมาะสมกับลูกค้ามากน้อยเพียงใดแจงลูกค้าที่ลงทุนได้ ต้องไม่ใช่นักลงทุนรายย่อย หลังพบการบันทึกบัญชีผิดปกติแฝงเงื่อนงำ

                - ครม.เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานโครงการตามความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) โดยตั้งคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) ระดับประเทศ มีหน้าที่ในการวางแนวทางตรวจสอบโครงการก่อสร้างภาครัฐ โครงสร้างพื้นฐาน และโครงการที่กระทบกับประชาชนในวงกว้างของทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีขนาดโครงการตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

                - คลังลุยถกสรรพากร ต่ออายุมาตรการกระตุ้นลงทุนหลังเอกชนเรียกร้อง แย้มมีแนวโน้มที่ดี รับมีตีกรองเงื่อนไขเพิ่มเติม แตะเบรกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ แจงของเดิมเพิ่งหมดเมื่อเม.ย.59

                - ครม.ไฟเขียวมาตรการภาษีช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ลดย่อนเงินภาษีได้ 1.5 เท่า ให้กับผู้บริจาค ทั้งบุคคลธรรมดา-นิติบุคคล ระหว่าง 1 ม.ค.- 31 มี.ค.60 พร้อมขยายระยะเวลา ยื่นแบบภาษีในพื้นที่ถึง 31 มี.ค. "กอบศักดิ์" คาดรัฐบาลใช้เวลา 1 สัปดาห์ประเมินความเสียหาย ก่อนออกมาตรการเพิ่ม ขณะคลังเตรียมหารือแบงก์เฉพาะกิจ ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

                - BIG (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 6.40 บาท โดยคาดว่า BIG จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2559 ที่ 245 ล้านบาท โต 23% YoY และ 94.5% QoQ โดยมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เลื่อนจากไตรมาส 3/2559 มาในไตรมาส 4/2559 จากความล่าช้าของการเปิดตัวสินค้าใหม่ ขณะเดียวกันคาดว่าบริษัทจะรายงานรายผลกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 790 ล้านบาท เติบโต 71.9% โดยคาดรายได้ในไตรมาส 4/2559 ที่ 1.6 พันล้านบาท โต 10.5% YoY และ 46.2% QoQ

                - BBL (ทรีนีตี้) ให้ราคาเป้าหมายที่ 186 บาท โดยคาดกำไร 4Q59 ที่ 8,350 ล้านบาท ดีขึ้น 4% QoQ และ 9% YoY โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีอาจเป็นปัจจัยกดดันกำไร แต่มีปัจจัยที่เข้ามาชดเชย คือ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนที่ธนาคารได้ตั้งสำรองในระดับสูงไปแล้ว สำหรับปี 60 อาจเห็นสินเชื่อกระเตื้องขึ้นบ้างจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และการก่อตัวของ NPL ใหม่จะไม่รุนแรงเท่ากับปีก่อน

                - TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) ให้ราคาพื้นฐานที่ 72 บาท โดย TISCO จะนำร่องประกาศงบ 4Q59 เย็นนี้ ซึ่งคาดกำไรสุทธิ 4Q16 เพิ่มขึ้น 5.6% Q-Q และเพิ่มขึ้น 6.1% Y-Y และน่าจะทำให้กำไรทั้งปี 59 เพิ่มขึ้น 18.4% Y-Y หากกำไรออกมาดีไม่น่ามี sell on fact มากนักเพราะยังมี synergy จากการซื้อพอร์ตรายย่อยจาก StanChart และ dividend yield 5% ทีรออยู่ข้างหน้า และจะช่วยหนุน sentiment หุ้นในกลุ่มแบงก์ให้ดีขึ้นด้วย TISCO เป็น Top pick ในกลุ่มแบงก์

                - KSL (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"จากเดิม"ซื้อเมื่ออ่อนตัว" และปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 8.30 บาทจากเดิม 4.80 บาท จากการเพิ่มกำไรปกติปี 59/60 ขึ้น 18% เป็นฟื้นอย่างโดดเด่น 167% Y-Y และโตต่อเนื่อง 13% Y-Y ในปีหน้าจากแนวโน้มราคาน้ำตาลที่ยังเป็นขาขึ้นในปีนี้ ทำให้บริษัทสามารถล็อคราคาขายของปีหน้าได้สูงขึ้น แลยังทำให้ธุรกิจต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้าและเอธานอลดีตามด้วย และทำให้ธุรกิจน้ำตาลที่ลาวและกัมพูชาน่าจะพลิกเป็นกำไรเป็นครั้งแรก และได้ re-rate PE ขึ้นให้สอดคล้องกับกำไรที่โตกว่าเดิม

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งรับตัวเลขเงินเฟ้อจีน

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ นำโดยหุ้นบริษัทเหมืองแร่ หลังจากที่ราคาโลหะและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของจีนที่ขยายตัวเร็วขึ้น นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป และดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 4

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,358.64 จุด เพิ่มขึ้น 57.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,156.69 จุด ลดลง 4.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,816.01 จุด เพิ่มขึ้น 71.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,370.17 จุด เพิ่มขึ้น 20.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,048.08 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,009.73 จุด เพิ่มขึ้น 3.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,672.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด

                ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 37.70 จุด จากแรงหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ปิดบวกต่อเนื่อง 11 วันทำการ และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 9 วันทำการ ด้วยปัจจัยจากการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ ซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติให้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

     ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 37.70 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 7,275.47 จุด

     ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อท้องถิ่นว่า เธอจะผลักดันกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ต่อไป และอังกฤษจะไม่เข้าร่วมตลาดร่วมยุโรปอย่างแน่นอน เพื่อที่ว่าอังกฤษจะได้มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง

    หุ้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า หลังนีลเส็น โฮมสแกน ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานการสำรวจว่า ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษมียอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ดีที่สุดในรอบ 4 ปี

     หุ้นหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 6% หุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นเจ เซนส์บิวรี เพิ่มขึ้น 1.6%.

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 7.2% หุ้นริโอ ตินโต พุ่งขึ้น  5.1% และหุ้นแอนโตฟากาสตา เพิ่มขึ้น 2.7%

   นักลงทุนจับตาดูการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันพุธที่ 11 ม.ค. ตามเวลาสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดอ่อนแรงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลี

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 364.07 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,888.23 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด หรือ +0.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,583.30 จุด เพิ่มขึ้น 19.31 จุด หรือ +0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,275.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.70 จุด หรือ +0.52%

       ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร โดยหุ้นค้าปลีกพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยเทสโก้ ปรับตัวขึ้น 6% ขณะที่หุ้นวิลเลียม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต ทะยานขึ้น 3.6% ขานรับรายงานที่ระบุว่า ธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษมียอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา

      อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลี โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง นำโดยหุ้น Banco Popular Espanol ดิ่งลง 2.7% ขณะที่หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลง 2.4%

     นักลงทุนจับตาดูทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในปีนี้ ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า ECB มีแนวโน้มที่จะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปในปีนี้ ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อกำลังเพิ่มมากขึ้น

     รายงานของ S&P ระบุว่า ถึงแม้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในยูโรโซน แต่หากไม่พิจารณารวมถึงปัจจัยราคาน้ำมัน จะพบว่าดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ ECB มีช่องทางในการดำเนินนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 31.85 จุด ตลาดจับตาทรัมป์แถลงข่าว

       ดัชนี vดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 11 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ยังคงทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,855.53 จุด ลดลง 31.85 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,551.82 จุด เพิ่มขึ้น 20.00 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดทรงตัวที่ 2,268.90 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอีกกว่า 2% เมื่อคืนนี้ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ที่ร่วงลงกว่า 1% ขณะที่ดัชนี S&P กลุ่มพลังงาน ปรับตัวลง 0.95%

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายทรัมป์จะเปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 11 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ

       เดวิด โฟลเกิร์ต-แลนดอ หัวหน้านักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากระดับในปัจจุบัน ภายใต้นโยบายของนายทรัมป์ในการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม, การปฏิรูปภาษีด้วยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ขณะที่ใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการสร้างสะพาน, ถนน และโครงการสาธารณูปโภค

      หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวขึ้น 0.7% และหุ้นเจพีมอร์แกน ขยับขึ้น 0.3%

       หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2560 ในระดับสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น และช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยหุ้นอัลฟาเบท อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีรายงานว่า อัลฟาเบทกำลังเจรจาขายธุรกิจดาวเทียม "Terra Bella" ให้กับแพลนเนท แล็บส์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพคู่แข่ง

     ขณะที่หุ้นยาฮู อิงค์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่านางมาริสซา เมเยอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายเดวิด ฟิโล ผู้ก่อตั้งร่วมของยาฮู ได้ลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการบริหาร

        นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!