WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET7ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อนค่า-เล็ง Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อจากวานนี้ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และ Fund Flow ยังคงไหลเข้ามาในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง วานนี้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาใน 5 ตลาดหลักในภูมิภาค ทั้งตลาดหุ้นไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, เกาหลี ประมาณ 278 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่เข้ามา 256 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

        ทั้งนี้ มองว่าหุ้นขนาดใหญ่ยังน่าจะขึ้นนำตลาดฯ ส่วนราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นมา 2 วันติดต่อกัน หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมามีรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯลดลงมากกว่าคาด

พร้อมให้แนวรับ 1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  19,899.29 จุด ลดลง 42.87 จุด (-0.21%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,487.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด (+0.20%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,269.00 จุด ลดลง 1.75 จุด (-0.08%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 127.14 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 126.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 13.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.40 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ม.ค.60) 1,571.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.47 จุด (+0.48%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,891.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ม.ค.60) ปิดที่ 53.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ม.ค.60) ที่ 7.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.69 แข็งค่าต่อเนื่องตามภูมิภาคหลังแรงมีขายดอลล์ทำกำไร

                - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 2559 อยู่ที่ 73.7 ปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากระดับ 73.1 และ 72.3 ในเดือน ต.ค. และ พ.ย. 2559 ตามลำดับ ขณะที่ความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวขึ้นเช่นกัน มาอยู่ที่ 52.1 เทียบกับ 52.0 และ 50.8 ในเดือน ต.ค. และ พ.ย. 2559 ตามลำดับ

                - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการ เข้าร่วมประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง วานนี้ว่า ขณะนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กำลังพิจารณาทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ที่สิ้นสุดไปเมื่อสิ้นปี 2559 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะพิจารณาขยายอายุมาตรการนี้ออกไปอีก แต่อาจจะเพิ่มเงื่อนไขบางกรณีเพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่ม ส่วนเงื่อนไขและระยะเวลาจะขยายออกไปเป็นเท่าไหร่นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

                - คณะกรรมการ รฟม.อนุมัติใช้วิธีพิเศษจัดจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นผู้ดำเนินการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เส้นทางเตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 สถานี โดยได้สั่งการให้เจรจาปรับลดกรอบราคากลางติดตั้งระบบลดลง 15 ล้านบาท เหลือ 678 ล้านบาท จากเดิมวงเงิน 693 ล้านบาท เนื่องจากระยะเวลาดำเนินการลดลงจากเดิม 12-15 เดือน ขณะที่ รฟม.จะจ่ายค่าจ้างเดินรถให้กับบีอีเอ็มประมาณ 52 ล้านบาท/ ปี

                - กสทช.เผยลูกค้าโวย 7 ช่องใหม่ทรูวิชั่นส์เทียบกลุ่มช่อง HBO ไม่ได้ เล็งเจรจาเรียกเงินคืนให้ลูกค้าที่จะยกเลิกบริการ พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผู้บริโภค 10 ม.ค.นี้ก่อนหาทางเยียวยาเพิ่มเติม

*หุ้นเด่นวันนี้

                - EA (บมจ.พลังงานบริสุทธิ์) ย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้วันแรก สังกัดกลุ่มทรัพยากร ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค สำหรับการคำนวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ EA ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของหลักทรัพย์ดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นฐานในการคำนวณ Ceiling & Floor ตามปกติ

                บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ประกอบด้วย ไบโอดีเซล(B100) น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ได้จากการผลิต ได้แก่ กลีเซอรีนดิบ และ กรดไขมันอิสระ 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสจากไฟฟ้าพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 4 โครงการ ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน

                - CPF (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 42 บาท Catalyst บวกจาก ครม.มีมติอนุมัตินำเข้าถั่วเหลืองเสรี 3 ปี (ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง) และข่าวภาครัฐฯ สิงคโปร์ประกาศรับรองโรงงานผลิตเนื้อไก่สดแข่แข็งจากไทยเพิ่มเติม พร้อมประเมินมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 31 บาท แนวรับ 29.25 บาท (Stop loss 28 บาท)

                - WICE (โกลเบล็ก) เป้า 4.45 บาท คาดกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 87.4 ลบ. (+44.2% YoY) เนื่องจากการควบรวม SEL (Sun Express Logistics) สิงคโปร์  เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตารางเมตรตั้งแต่พ.ค. 59  ส่วนปี 2560 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น 145 ลบ. (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง , ขยายลานตู้คอนเทนเนอร์พื้นที่ 4,000 ตรม. และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตรม. ที่แหลมฉบัง

                - SCB (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 178 บาท คิดเป็น PBV 1.6 เท่าสำหรับปี 2560 โดยปัจจุบันหุ้นซื้อขายกันในระดับ PBV 1.4 เท่าสำหรับปี 2560 หรือคิดเป็น -1.5SD ต่อค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PBV นอกจากนี้หุ้นก็ดูมีความน่าดึงดูด ด้วย upside 14% ต่อราคาเป้าหมาย และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.8% สำหรับปี 2560 ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรจะเข้าสู่ทิศทางขาขึ้น ณ ไตรมาส 4/2559

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

                ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งอ่อนตัวลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,393.55 จุด ลดลง 127.14 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,163.78 จุด ลดลง 1.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,583.29 จุด เพิ่มขึ้น 126.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,371.41 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,048.11 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,964.82 จุด เพิ่มขึ้น 10.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,658.42 จุด ลดลง 1.40 จุด

                ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

                ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่า อัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มสร้างบ้านหนุนฟุตซี่ปิดบวก 5.57 จุด

         ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสร้างบ้านที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ภายหลังจากบริษัทเพอร์ซิมมอน ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 5.57 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 7,195.31 จุด

        ดัชนี FTSE 100 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เกือบตลอดทั้งวันทำการ ขณะที่ตลาดซึมซับรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งออกมาภายหลังจากตลาดได้ปิดทำการในวันพุธ โดยรายงานระบุว่า สหรัฐเผชิญกับปัจจัยความไม่แน่นอนที่สำคัญจากผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนในช่วงท้ายจากหุ้นกลุ่มบริษัทสร้างบ้านก่อนขยับขึ้นไปปิดในแดนบวก

                หุ้นเพอร์ซิมมอน ทะยานขึ้น 7.2% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ตลอดทั้งปี 2559 ขยายตัว 8% โดยบริษัทมียอดขายบ้านมากกว่าปีก่อนหน้า 599 หลัง ขณะที่หุ้นกลุ่มสร้างบ้านอื่นๆก็ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้าอันเนื่องมาจากข่าวดังกล่าว โดยหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ เพิ่มขึ้น 5% และหุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส เพิ่มขึ้น 2.8%

                หุ้นกลุ่มผู้ผลิตแร่มีค่าปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 6.4% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส เพิ่มขึ้น 4.8%

                ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ภายหลังจากบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน และสถาบันจัดซื้อและอุปทาน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษ ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 56.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน จากระดับ 55.2 ในเดือนพ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) จากการที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อันเนื่องมาจากความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น หลังจากมีรายงานว่าดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนมีการขยายตัวได้ดีในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้สกัดแรงบวกของหุ้นกลุ่มส่งออก

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดขยับขึ้น 0.1% แตะที่ 365.64 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,900.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,584.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด หรือ +0.01% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,195.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.57 จุด หรือ +0.08%

                นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มต่างๆ โดยหุ้นเพอร์ซิมสัน ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2559

                ขณะที่หุ้นแอร์บัส ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอร์บัส

                ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ซึ่งระบุว่า ดัชนีรวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 54.4 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.9 เมื่อเดือนพ.ย.

                อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินยูโรได้สกัดแรงบวกของหุ้นกลุ่มส่งออก ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

        ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่า อัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 42.87 จุด วิตกจ้างงานภาคเอกชน,หุ้นค้าปลีกร่วง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก หลังจากบริษัทเมซีส์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังและประกาศปิดสาขามากกว่า 60 แห่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,899.29 จุด ลดลง 42.87 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,487.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,269.00 จุด ลดลง 1.75 จุด หรือ -0.08%

       หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเมซีส์ ร่วงลง 13.9% หุ้นโคลท์ ดิ่งลง 19% หุ้นนอร์ดสตร็อม และหุ้นเจซี เพนนี ต่างก็ร่วงลงราว 7%

       สาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงนั้น มาจากความวิตกกังวลหลังจากบริษัทเมซีส์เปิดเผยยอดขายร่วงลง 2.1% ในเดือนพ.ย.และธ.ค. พร้อมกับคาดการณ์ว่ายอดขายตลอดปี 2559 จะลดลง 2.5-3.0%  นอกจากนี้ เมซีส์ยังประกาศลดจำนวนพนักงาน 6,200 คน ขณะที่พนักงานอีก 3,900 คนจะถูกปลดออกจากงาน อันเนื่องจากการปิดสาขาจำนวน 68 สาขา จากทั้งหมด 100 สาขา

       ทั้งนี้ เมซีส์คาดว่า มาตรการปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายราว 550 ล้านดอลลาร์/ปี โดยเริ่มต้นในปีนี้ ซึ่งบริษัทจะนำเงินจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ไปลงทุนในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

      หุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนแรงลง ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดซบเซาลงด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวลง 0.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.7% ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 0.5%

         นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลของ ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 215,000 ตำแหน่งของเดือนพ.ย.

       อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนบวก และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากหุ้น Amazon.com ที่พุ่งขึ้น 3.1%

       นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

     ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่า อัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!