- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 29 December 2016 11:07
- Hits: 4175
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งลงแต่ไม่แรงจากแรงขายทำกำไรแต่มีเม็ดเงิน LTF/RMF ช่วยหนุน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ และมีโอกาสที่จะถูก take profit ออกมา ทำให้ดัชนีฯอาจจะแกว่งตัวลงแต่ก็ไม่น่าแรง เนื่องจากปรับตัวขึ้นไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันช่วงนี้ปัจจัยแวดล้อมก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ติดลบตามดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังน่าจะได้แรงประคองจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุน LTF/RMF มาช่วยหนุน ส่วนการทำ Window Dressing มองว่าได้ทำไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,833.68 จุด ร่วงลง 111.36 จุด (-0.56%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,438.56 จุด ลดลง 48.88 จุด (-0.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,249.92 จุด ลดลง 18.96 จุด (-0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 100.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 163.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 29.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.45 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ธ.ค.59) 1,524.60 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (+0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 275.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ธ.ค.59) ปิดที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ธ.ค.59) ที่ 6.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.97/99 คาดแกว่งแคบธุรกรรมเบาบาง มองกรอบ 35.95-36.02
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยการขยายตัวเศรษฐกิจเดือน พ.ย. 2559 ปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้สูงถึง 10.2% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีการใช้จ่ายขยายตัวดี สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 2.1% และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่เดือน พ.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันที่ 10.6%
- นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ต้องการเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ รฟท.อย่างจริงจัง โดยจะเร่งตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินองค์กรภายใน 3 เดือน โดย รฟท.ถือหุ้น 100% เข้ามาดูแลที่ดินที่จะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์กว่า 4 หมื่นไร่
- บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท ทรู อินคิวบ์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่กลุ่มบริษัทถือหุ้นทั้งหมด จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท แค็ปสตรีม เวนเชอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศแคนาดา 20 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.50 เหรียญแคนาดา รวมเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญแคนาดา หรือประมาณ 268.47 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทย่อยของกลุ่มเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 8.84% ของหุ้นทั้งหมดของแค็ปสตรีมฯ ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสถานการณ์และแนวโน้มนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2560 ว่า ในเดือน ธ.ค.นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวในไทยมากที่สุด คาดว่าในช่วง 7 วันของเทศกาล ปีใหม่ชาวต่างชาติจะเข้ามาไทยเพิ่ม 1.3% จากช่วงเทศกาลปีใหม่ปีก่อนหน้า สำหรับเม็ดเงินที่จะสะพัดไปยังพื้นที่ต่างๆ อาจมีมูลค่าประมาณ 3.83 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.7% จากปีก่อน แต่การเดินทางมาของนักท่องเที่ยวระยะใกล้ อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ อาจลดลงบ้างจากค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่า ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเริ่มฟื้นในตลาดระดับบน
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLE-W3 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 51,368,814 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ธ.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 ธ.ค. 2561
- UNIQ (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 23.3 บาท แนวโน้มกำไร ปี 2560–2561 จะโตเฉลี่ย 19% ต่อปี CAGR จากแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯที่กำลังเข้าสู่ขาขึ้น, การเป็นผู้รับเหมาฯหลักครบวงจรทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้รับเหมาช่วง (เช่น งานเสาเข็ม) แบบ CK และ STEC ทำให้ประเมินแนวโน้มอัตรากำสุทธิของ UNIQ เฉลี่ย >7% สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิของ CK และ STEC (ฝ่ายวิจัยฯคาดอัตรากำไรสุทธิของ CK และ STEC สำหรับปี 2560 ไว้ที่ 3.4% และ 6% ตามลำดับ) พร้อมประเมินแนวรับ 19.5 บาท แนวต้าน 20 บาท และถัดไปที่ 20.7 บาท (Stop loss 19 บาท)
- AP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท แนวโน้มกำไร 4Q59 จะสูงสุดของปีจากคอนโดที่ครบกำหนดโอนถึง 8 โครงการ คาด +162% Q-Q, +137% Y-Y เป็น 1.2 พันล้านบาท ทำให้กำไรปกติทั้งปี +0.6% Y-Y flat ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่กำไรจะเติบโตในอัตราเร่งขึ้นเป็น +27% Y-Y ในปี 2560 ตามการรับรู้รายได้คอนโด 8 โครงการต่อเนื่องจาก 4Q59 และอีก 3 โครงการที่ครบกำหนดโอนปีหน้า ราคาหุ้น +0.7% 4QTD laggard กว่ากลุ่มมาก ทำให้มี 2017PE เพียง 7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8.4 เท่า และคาด Dividend yield 4% (จ่ายปีละครั้ง) ถือว่าถูกกว่าหุ้นหลายตัวในกลุ่ม
- TISCO (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 65 บาท คาดกำไร 4Q59 ที่ 1,310 ล้านบาท ดีขึ้น 5%QoQ และ 5%YoY โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับสูง แต่แรงหนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจะมีน้ำหนักมากกว่า นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเห็นคุณภาพหนี้โดยรวมดีขึ้นอย่างมากภายหลังการจัดชั้น SSI จาก NPL กลับมาเป็นสินเชื่อ SM เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 65 บาท อิง PBV 1.57 เท่า แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสะท้อนข่าวดีมาบ้างแล้ว ทำให้ Upside เริ่มจำกัด แต่มีโอกาสที่จะปรับประมาณการเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน หลังดัชนีทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.ของสหรัฐ ร่วงลง 2.5% สู่ระดับ 107.3 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับตัวลดลง 0.2%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,301.04 จุด ลดลง 100.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,095.84 จุด ลดลง 6.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,591.04 จุด ลดลง 163.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,172.39 จุด ลดลง 29.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,020.42 จุด ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,885.16 จุด ลดลง 13.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,629.85 จุด ลดลง 0.45 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 37.91 จุด รับหุ้นเหมืองพุ่งแรง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายบางเบา หลังจากที่ตลาดปิดทำการในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,106.08 จุด เพิ่มขึ้น 37.91 จุด หรือ +0.54%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนนจากการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ทะยานขึ้น 4.3% และหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 5.2%
หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากบีพีตกลงซื้อธุรกิจด้านเชื้อเพลิงของบริษัทวูลเวิร์ธส์ ซึ่งเป็นบริษัทของออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 1.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นสปอร์ทส์ ไดเร็ค อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์กีฬา พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากทางบริษัทได้ตกลงขายแบรนด์ 'Dunlop' ให้กับซูมิโตโม่ รับเบอร์ อินดัสเทรียลส์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นเหมืองแร่พุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลียังคงร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินของธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของอิตาลี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 361.53 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,474.99 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,106.08 จุด เพิ่มขึ้น 37.91 จุด หรือ +0.54% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,848.01 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นเฟรสนิลโล ทะยานขึ้น 5.2% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารของอิตาลียังคงได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาเตือนว่า ธนาคาร BMPS จำเป็นต้องมีการระดมทุนเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม 5 พันล้านยูโร เป็น 8.8 พันล้านยูโร เพื่อจัดการกับปัญหาด้านเงินทุนภายในธนาคาร หลังผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) พบว่า ธนาคาร BMPS มีสถานะการเงินที่ย่ำแย่ที่สุด อันเนื่องมาจากหนี้เสียที่มีมูลค่าสูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร หรือ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ หลังจากที่ BMPS ไม่สามารถหานักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อระดมทุน ทางธนาคารจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งตามกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป ผู้ที่ถือหุ้นกู้ของธนาคารจะต้องแบกรับผลขาดทุนของธนาคาร ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล
หุ้น Banca Popolare di Milano Scarl ร่วงลง 2.7% หุ้น Banco Popolare ดิ่งลง 2.2% หุ้น Unione di Banche Italiane ร่วงลง 3.3% ส่วนหุ้น BMPS ยังคงถูกระงับการซื้อขาย
หุ้นบีพี ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากบีพีตกลงซื้อธุรกิจด้านเชื้อเพลิงของบริษัทวูลเวิร์ธส์ ซึ่งเป็นบริษัทของออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 1.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 111.36 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลอสังหาฯย่ำแย่
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,833.68 จุด ร่วงลง 111.36 จุด หรือ -0.56% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,438.56 จุด ลดลง 48.88 จุด หรือ -0.89% ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 2,249.92 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ -0.84%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.5% สู่ระดับ 107.3 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย
การร่วงลงของดัชนีการทำสัญญาขายบ้านได้ฉุดหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวลงด้วย นำโดยหุ้นวิลเลียม ลีออง โฮมส์ ดิ่งลง 3.2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน (PHLX housing sector index) ร่วงลง 1.2% และปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ส่วนดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากหุ้นอินวิเดียร่วงลงเกือบ 7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่คำนวณใน S&P 500ปรับตัวลง 0.9%
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.9% ส่วนหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.7% หลังจากสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ ประกาศยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น Dreamliner ของบริษัทโบอิ้ง จำนวน 18 ลำ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพี ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากบีพีทำข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทวูลเวิร์ธส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 1.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก
อินโฟเควสท์