- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 27 December 2016 15:12
- Hits: 2796
ภาวะตลาดหุ้นไทย : ปิดเช้าบวก 1.33 จุด แกว่งแคบ สอดคล้องภูมิภาค,รับปัจจัยบวกตัวเลขส่งออกพ.ย.ออกมาดี
ตลาดหลักทรัพย์ ดัชนี ปิดเช้านี้ที่ 1,516.56 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด ซื้อขาย 11,453.65 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,518.51 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,513.98 จุด
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ต่างก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากตัวเลขการส่งออกในเดือนพ.ย.ที่ออกมาค่อนข้างดี เติบโต 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การดีดตัวของดัชนียังอยู่ในกรอบที่จำกัดอยู่ เนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติชะลอตัวตั้งแต่ช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะแกว่งตัวแคบๆ เหมือนกันกับช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมให้แนวรับ 1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,525 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PERM มูลค่าการซื้อขาย 535.96 ล้านบาท ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.74 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 452.18 ล้านบาท ปิดที่ 392.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
SRICHA มูลค่าการซื้อขาย 312.04 ล้านบาท ปิดที่ 21.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
TKN มูลค่าการซื้อขาย 300.73 ล้านบาท ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 275.27 ล้านบาท ปิดที่ 365.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ขานรับปัจจัยในปท.หลังส่งออกเดือนพ.ย.ดีกว่าคาด,เม็ดเงิน LTF-RMF หนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อ ด้วยมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดมีมูลค่าซื้อขายต่ำสุดในรอบ 1 ปี จากการที่ตลาดหุ้นหลายประเทศปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส แต่ในวันนี้หลายตลาดกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติแล้ว
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนภายในประเทศเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย.เติบโต 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่าดีกว่าที่ทางทิสโก้คาดว่าจะเติบโตระดับ 6% และสูงกว่าที่ตลาดคาดโตราว 2% เท่านั้น ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกในเดือนธ.ค.น่าจะยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และเพิ่มความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ซึ่งทางทิสโก้ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีหน้าจะเติบโต 3.6% เมื่อเทียบกับ consensus ที่คาดว่าจีดีพีของไทยปี 60 จะเติบโต 3.4%
นอกจากนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่น่าจะมีเข้ามามากขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,510-1,512 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,520-1,522 และ 1,525-1,527 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค. เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 43.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.99 จุด ,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.45 จุด ,ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.33 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 15.54 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ธ.ค.59) 1,515.23 จุด เพิ่มขึ้น 5.25 จุด (+0.35%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 330.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.59
- ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค. เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
- ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ปิดทำการวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค. เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
- เงินบาทเปิด 35.97/36.01 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 35.95-36.05 รอปัจจัยใหม่
- พาณิชย์ปรับเป้าส่งออก คาดปีนี้บวก 0.2% หลังเดือนพ.ย.บวกแรง 10.2% จากตลาดหลัก ฟื้นตัว หวังส่งผลต่อเนื่อง ดันปีหน้าโต 2.5-3.0% ขณะนักวิเคราะห์ชี้ตัวเลขดีเกินคาด ช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจ จับตาเดือนธ.ค.หวั่นฟื้นชั่วคราว
- "กระทรวงดีอี" ลุยโครงการเน็ตหมู่บ้าน ชื่อใหม่ "เน็ตประชารัฐ" ยันโครงการโปร่งใส ลั่นโครงการช่วงแรกติดตั้งช้า เหตุต้อง จัดซื้ออุปกรณ์ คาดกลางปี 2560 ติดตั้ง เสร็จ 4,000 หมู่บ้าน มั่นใจ "ทีโอที" ดำเนินการ เสร็จภายในสิ้นปี 2560
- บีโอไอบุก 5 ประเทศ เปิดเกมรุก ดึงลงทุน "อีอีซี" เร่งขับเคลื่อนอุตฯเป้าหมายลงทุนไทยในปี 2560 ชี้เตรียมความพร้อมทั้งกฎหมาย สิทธิประโยชน์ วาง 5 แนวทางยกเครื่อง ส่งเสริมการลงทุนไทย หวังเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 คงเป้าส่งเสริมการลงทุนปีหน้า 6 แสนล้านบาท
- กรมธนารักษ์ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการลงทุนโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ 2 โครงการ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าเพิ่มขึ้นอีก 2.6 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุหมอชิต มูลค่าโครงการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท อายุสัมปทาน 30 ปี ให้ผู้ได้รับสัญญาสัมปทานเดิม คือ บริษัท บางกอกเทอร์มินอล ซึ่งรูปแบบของโครงการจะพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารพาณิชย์ให้เช่า และคอนโดมิเนียมสำหรับอยู่อาศัย
- บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน ยังไม่ได้เข้ามาเสียภาษีและค่าปรับเพื่อนำรถเมล์ออกจากด่านท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะทำให้การส่งมอบรถให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไม่ทันภายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ เพราะกรมศุลกากรต้องใช้เวลาตรวจสอบเอกสาร 2-3 วัน ถึงจะตรวจปล่อยรถเมล์ออกจากด่านได้
- กระทรวงคมนาคมประชุมแผนลงทุนปีหน้า 36 โครงการ มูลค่า 895,757 ล้านบาท พร้อมให้หน่วยงานส่งแผนเบิกจ่ายต้นปีหน้า รมว.คมนาคมเร่งเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู ส้ม จ่อชงไฮสปีดเทรนไทย-จีน เข้า ครม.ภายในต้นเดือน ม.ค.60
*หุ้นเด่นวันนี้
- TCAP (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 50 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 จะอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่ม 23% YoY และ 11% QoQ กำไรเติบโตแข็งแกร่งจากการบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิจากค่านายหน้าขายประกันภัยพรูเด็นเชียล,รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น คาดสินเชื่อในไตรมาสนี้จะเติบโตเล็กน้อย 0.7% เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ไตรมาส ส่วน NIM คาดทรงตัว QoQ ที่ 3.1% และ NPL% จะลดลงจาก 2.8% ในไตรมาส 3/59 มาที่ 2.7%
- UNIQ (ไอร่า) ราคาเป้าหมาย 30 บาท มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่ม แม้ระดับ Backlog และรายได้งานก่อสร้าง ของ UNIQ จะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ ITD, CK และ STEC แต่ภายใต้โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างปัจจุบัน จำนวน 7 โครงการ (ไม่รวมสายสีส้ม จำนวน 1 สัญญา ที่อยู่ระหว่างเจรจาต่อรอง) ทำให้ UNIQ สามารถควบคุมงานก่อสร้างทั้งคุณภาพและต้นทุนจากส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีและสูงต่อเนื่อง
- KSL (เคจีไอฯ) ให้ราคาพื้นฐาน 5.40 บาท มุมมองบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำตาลและผลการดำเนินงานในปี 59/60 (ปิดงบเดือนต.ค.) จากการขายล่วงหน้าน้ำตาลโควต้าส่งออกได้ในราคาที่ดี และความต้องการเอทานอลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เป้าพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯคำนวณไว้ที่ 5.4 บาทใช้ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 16.4 เท่า ดังนั้น ในกรณีที่แนวโน้มอุตสาหกรรมฯเป็นขาขึ้น ประเมินมีโอกาสที่หุ้น KSL จะเทรดในระดับ PE ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยในเบื้องต้น หากอิง PE ที่ 20 เท่า (คิดเป็นเพียง +0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ย) จะได้เป้าพื้นฐาน 6.4 บาท (ยังมี Upside 17.4%)
อินโฟเควสท์