- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 26 December 2016 10:26
- Hits: 2155
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-วอลุ่มเทรดน้อย,นักลงทุนชะลอเทรดหลังเข้าช่วงเทศกาลปีใหม่
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และวอลุ่มเทรดคงจะน้อย เนื่องจากมองว่าปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติได้ชะลอลงหลังจากที่เข้าช่วงวันหยุดระยะยาวตามเทศกาลช่วงปลายปีแล้ว ดังนั้นตลาดฯจึงน่าจะมีแค่นักลงทุนในประเทศที่เทรดกันเอง และส่วนใหญ่ก็คงจะชะลอการลงทุนด้วย ส่วนหุ้นที่นักลงทุนจะเล่นก็คงจะเลือกเล่นเป็นรายตัวมากกว่า เนื่องจากขณะนี้ปัจจัยบวก-ลบของตลาดฯไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังน่าจะได้แรงหนุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยประคองให้ดัชนีฯยืนเหนือระดับ 1,500 จุด ได้ ส่วนการทำ Window Dressing ในช่วงปลายปีนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะดัชนีฯได้ปรับขึ้นมาราว 17% แล้วนับแต่ต้นปี
ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน พร้อมให้แนวรับ 1,505-1,502 จุด ส่วนแนวต้าน 1,513-1,515 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,933.81 จุด เพิ่มขึ้น 14.93 จุด (+0.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,462.69 จุด เพิ่มขึ้น 15.27 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,263.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.83 จุด (+0.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 33.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 14.57 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.43 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ธ.ค.59) 1,509.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด (+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 435.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ธ.ค.59) ปิดที่ 53.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ธ.ค.59) ที่ 6.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.98 ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน ตลาดเงียบใกล้ช่วงหยุดยาว
- คลังยอมรับปีหน้าแผนบริหารหนี้รัฐมีความท้าทายมากขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงด้านนโยบายการเงินต่างประเทศ แนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและนโยบายประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐ สร้างความผันผวนการไหลเข้า-ออกเงินทุน ขณะที่ความต้องการเงินทุนภาครัฐยังมีสูงจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ มั่นใจบริหารต้นทุนการเงินอยู่ในระดับต่ำได้
- สรรพากรมั่นใจแนวโน้มจัดเก็บภาษีในปี 60 น่าจะได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐและความคึกคักในการลงทุนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยอมรับปัจจัยราคาน้ำมันที่ร่วงต่ำกว่าสมมติฐานกระทรวงการคลังยังเป็นแรงกดดันการจัดเก็บภาษี
- ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (พ.ศ. 2560-2562) ของ ธปท.ภายใต้สภาพแวดล้อมการเงินโลกในระยะต่อไปที่มีแนวโน้มความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และยากที่คาดการณ์มากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหลายด้าน จึงมองว่าควรเร่งพัฒนา 3 กลุ่มงานสำคัญ ได้แก่ 1. การรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน 2. พัฒนาระบบการเงิน และ 3. สร้างความเข้มแข็งขององค์กร
- ทางหลวงชนบทจัดหนัก 4 พันโครงการปีหน้า ส่วนใหญ่เป็นงบซ่อมแซมถนน พร้อมพัฒนาถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางรวมระยะทาง 800 กิโลเมตร ทยอยเซ็นสัญญาแล้ว 80% คาดลงนามได้ครบภายในมี.ค. 2560
- ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และสถานีกลางบางซื่อว่า ในส่วนของสัญญา 1 (งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง) และสัญญา 2 (งานก่อสร้างทางรถไฟบางซื่อ-รังสิต) นั้น ขณะนี้พบว่า ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด ซึ่งการรถไฟฯได้หารือร่วมกับผู้รับเหมาในการปรับเปลี่ยนแนวทางการก่อสร้างเพื่อให้ตัวโครงการสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563
- ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเครือ สหพัฒน์ เปิดเผยว่า กำลังซื้อผู้บริโภคในปี 2560 จะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างไม่หวือหวา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผลจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำในช่วงปลายปี 2559
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้า 37 บาท ซื้อกิจการอาหารแช่แข็งในสหรัฐฯ สำเร็จ ช่วยหนุนยอดขายปีหน้าเติบโต เล็งวางแผนสร้าง synergy หนุนขยายตลาดได้ระยะยาว, ราคาสัตว์บกอ่อนตัวลงจากระดับสูงผิดปกติกดผลประกอบการระยะสั้น มองทั้งปียังเติบโตโดดเด่นจากกำไรธุรกิจหลักในช่วง 9M59 พร้อมปรับประมาณการขึ้นเล็กน้อยสะท้อนการเข้าซื้อกิจการ มองธุรกิจกุ้งยังเป็นพระเอกหลักหนุน CPF เติบโตในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
- PTTEP (ไอร่า) เป้าปีหน้า 95 บาท ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาน้ำมันดิบดูไบ ล่าสุด อยู่ที่ 52.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วง 4Q/59 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 45-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนผลการดำเนินงานของ PTTEP ในช่วงปี 60 สามารถรับมือกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงได้ เนื่องจากได้มีการทำ hedging ไว้แล้วจำนวน 30% ของการผลิตทั้งหมด ขณะที่ราคาก๊าซจะปรับลดลงมาต่ำสุดในช่วงประมาณ 1Q/60 จากการปรับสัญญาราคาขายก๊าซตามราคาน้ำมันดิบในช่วงเดือน ต.ค.59 และคาดปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2Q/60 เป็นต้นไป พร้อมคาดรายได้ในปี 60 เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 173,740 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% คาดเงินปันผล 2.63 บาท คิดเป็น Div.Yield ประมาณ 3.0%
- ADVANC (เคจีไอฯ) "ซื้อ"เป้า 179 บาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะโดดเด่นกว่าคู่แข่งในปี 2559-2561 และราคหุ้นปัจจุบันยังมี upside ถึง 24% จากราคาเป้าหมาย รวมถึงยังคาดหมายอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่จูงใจอยู่ราว 5.3% ในปี 2560 ทั้งนี้ ถึงแม้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นใน 4Q59 จากปัจจัยด้านฤดูกาล และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะถูกกดดันจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ากำไรจะกลับมามีทิศทางดีขึ้นตั้งแต่ 2H60 เป็นต้นไป และจะเห็นการเติบโตได้ในปี 2561
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นลท.ชะลอลงทุนช่วงคริสต์มาส
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนตัวผันผวนระหว่างแดนบวกและแดนลบ ขณะที่นักลงทุนปลีกตัวอยู่นอกตลาดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,394.41 จุด ลดลง 33.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,095.58 จุด ลดลง 14.57 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,088.99 จุด เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,038.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นแบงก์ร่วงถ่วงฟุตซี่ปิดบวกแค่ 4.49 จุด ก่อนคริสต์มาส
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายก่อนคริสต์มาส โดยช่วงบวกถูกจำกัด เนื่องจากหุ้นธนาคารปรับตัวลง ภายหลังสหรัฐได้สั่งฟ้องบาร์เคลย์ส ข้อหาหลอกลวงขายหนี้เน่าต้นเหตุวิกฤตการเงินโลก
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 4.49 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 7,068.17 จุด ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ทำการฟ้องร้องธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษในข้อหาฉ้อโกงจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 แต่บาร์เคลย์สปฏิเสธข้อกล่าวหา
สำนวนการฟ้องของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า บาร์เคลย์สได้หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับคุณภาพของสินเชื่อที่หลักทรัพย์ MBS มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ใช้อ้างอิงในช่วงปี 2548-2550 โดยสินเชื่อดังกล่าวมีการปล่อยให้แก่ลูกหนี้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระคืน และอิงจากการตีราคาบ้านที่สูงเกินความจริง
ทางด้านบาร์เคลย์สออกแถลงการณ์ระบุว่า คดีดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และทางธนาคารจะทำการปกป้องต่อคำกล่าวหา และข้อเรียกร้องที่ไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ บาร์เคลย์สยังระบุว่า ทางธนาคารจะทำการเจรจากับกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษได้เปิดเผยว่า เศรษฐกิจประเทศขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 0.5%
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสถิติได้ปรับลดตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปีนี้ลง
หุ้นกลุ่มวัสดุ การเงิน น้ำมันและก๊าซปรับตัวลดลง แต่ได้รับการชดเชยด้วยแรงซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค บริการด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และกลุ่มอุปโภคบริโภค
หุ้นบาร์เคลย์สร่วง 0.9% จากกรณีที่ธนาคารถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องร้อง อย่างไรก็ดี หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ปิดบวก 1.36% โดยธนาคารยังไม่ได้ข้อสรุปกับทางการสหรัฐเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการขายหลักทรัพย์ MBS โดยขาดความระมัดระวังหรือทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด
หุ้นเอชเอสบีซีร่วง 1.33% สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลบ 0.33% และลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 0.31%
หุ้นเฟรสนิลโลร่วง 1.07% บีเอชพี บิลลิตัน ลบ 1.02% หุ้นคิงฟิชเชอร์ลบ 0.91%
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป บริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส บวก 1.4% จากแผนการเปิดเส้นทางบินต้นทุนต่ำข้ามแอตแลนติก
หุ้นยูนิลีเวอร์บวก 0.34% หลังโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย ก่อนหยุดเทศกาลคริสต์มาส
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกไม่ถึง 1 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายเบาบางในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารมีการเคลื่อนไหว หลังจากที่ธนาคารในยุโรปได้บรรลุข้อตกลงยอมความกับทางการสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลอิตาลีเตรียมให้เงินช่วยเหลือธนาคารในประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.16 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 359.98 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,839.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.05 จุด หรือ +0.10% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,449.93 จุด ลดลง 6.17 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,068.17 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด หรือ +0.06%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากบรรดานักลงทุนเตรียมหยุดคริสต์มาส อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นที่จับตา ท่ามกลางข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น โดยธนาคารดอยซ์แบงก์ได้บรรลุข้อตกลงจ่ายเงินค่าปรับ 3.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
นอกจากนี้ ดอยช์แบงก์จะจ่ายเงินชดเชยมูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร้ให้กับลูกค้า ตามกฎหมายการยุติคดีความของสหรัฐ
ทั้งนี้ วงเงินที่ดอยซ์แบงก์ยอมจ่ายเพื่อยุติคดีความกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐนั้น มีมูลค่าน้อยกว่าที่ทางกระทรวงเรียกร้องในเบื้องต้นมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เครดิตสวิส ธนาคารรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ บรรลุข้อตกลงจ่ายเงินค่าปรับ 2.48 พันล้านดอลลาร์ ให้กับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ MBS เช่นกัน พร้อมทั้งจะจ่ายเงินชดเชยให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียอีก 2.8 พันล้านดอลลาร์
ด้านธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฟ้องร้องในข้อหาฉ้อโกงจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ MBS โดยสำนวนการฟ้องของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า บาร์เคลย์สได้หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับคุณภาพของสินเชื่อที่หลักทรัพย์ MBS มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ใช้อ้างอิงในช่วงปี 2548-2550
สำหรับ สถานการณ์ในภาคธนาคารของอิตาลีนั้น คณะรัฐมนตรีอิตาลีได้อนุมัติเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของประเทศที่กำลังประสบปัญหา เป็นวงเงิน 2.0 หมื่นล้านยูโร ซึ่งรวมถึงบังคา มอนเต เด ปาสคี ดิ ซิเอน่า (BMPS) ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ธนาคาร BMPS ไม่สามารถหานักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นของทางธนาคาร ตามแผนการระดมทุน 5 พันล้านยูโร (5.2 พันล้านดอลลาร์) โดยเส้นตายในการเสนอขายหุ้นของธนาคารได้สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี เวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ หลังจากที่ BMPS ไม่สามารถหานักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อระดมทุน ทางธนาคารจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งตามกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป ผู้ที่ถือหุ้นกู้ของธนาคารจะต้องแบกรับผลขาดทุนของธนาคาร ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล
หุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐาน การเงิน และคอนซูเมอร์ร่วงลง แต่ได้แรงบวกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สาธารณูปโภค และสื่อสารมาช่วยพยุงไว้
หุ้นดอยซ์แบงก์บวก 0.43% หุ้นเครดิตสวิสร่วง 0.91% หุ้นบาร์เคลย์ส ลดลง 0.90%
หุ้นบังคา มอนเต เด ปาสคี ดิ ซิเอน่า (BMPS) ร่วง 7.48% อย่างไรก็ดี หุ้นธนาคารอื่นๆของอิตาลีกลับปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเมดิโอบังคา (MB) บวก 1.28% หุ้นบังคา โปโปลาเร ดิ มิลาโน (PMI) บวก 1.27% หุ้นอินเตซา ซานเปาโล (ISP) บวก 1.23% แต่หุ้นยูนิเครดิต ลบ 0.56%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 14.93 จุด วอลุ่มบางตา เหตุนลท.ชะลอลงทุนก่อนเข้าคริสต์มาส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (23 ธ.ค.) หลังจากที่เคลื่อนตัวผันผวนระหว่างแดนบวกและแดนลบ ขณะที่นักลงทุนปลีกตัวอยู่นอกตลาดเพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,933.81 จุด เพิ่มขึ้น 14.93 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,462.69 จุด เพิ่มขึ้น 15.27 จุด หรือ 0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,263.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.83 จุด หรือ 0.13%
สำหรับ ทั้งสัปดาห์ ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.3%
ปริมาณการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันศุกร์และตลอดสัปดาห์นั้นเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนเตรียมตัวหยุดเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 592,000 ยูนิต หลังจากอยู่ที่ระดับ 563,000 ยูนิตในเดือนต.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น สู่ระดับ 575,000 ยูนิตในเดือนพ.ย.
ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. เนื่องจากชาวสหรัฐแห่เข้าซื้อบ้าน จากความวิตกที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะดีดตัวขึ้นต่อไป หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่เขามีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ โดยนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปีได้พุ่งขึ้นมากกว่า 0.70% สู่ระดับ 4.30% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2557
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. แตะระดับ 98.2 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.0 รวมทั้งสูงกว่าระดับ 93.8 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557 ได้รับปัจจัยบวกจากชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
หุ้นกลุ่มบริการสุขภาพเป็นแกนนำหุ้นบวก ขณะที่หุ้นลบนำโดยหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค
อินโฟเควสท์