WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET27ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามตลาดภูมิภาค เล็งแรงหนุนจาก LTF, RMF - จับตาผลประชุมกนง.วันนี้

    นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงไปมาก ทำให้เช้านี้อาจมีรีบาวด์ได้ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่ติดลบ

     แต่จะเห็นได้ว่าแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลงเนื่องจากเข้าใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ขณะที่ราคาน้ำมันยังนิ่ง ช่วงต่อจากนี้ให้จับตาแรงซื้อกองทุน LTF-RMF ที่จะทยอยเข้ามาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง และนักลงทุนอาจมีการปรับพอร์ตการลงทุนตามการเข้า-ออกของหุ้นใน SET50 และ SET100 รอบใหม่ ซึ่งจะมีผลใช้จริง 1 ม.ค.60

     สำหรับการทำ Window Dressing ปีนี้ไม่น่าจะมี เพราะตลาดฯปรับตัวขึ้นมาประมาณ 17% จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% จึงไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,505 จุด ส่วนแนวต้าน 1,518 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

         - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,974.62 จุด เพิ่มขึ้น 91.56 จุด (+0.46%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,483.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.50 จุด (+0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.76 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด (+0.36%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 52.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 41.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.30 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ธ.ค.59) 1,511.65 จุด ลดลง 10.75 จุด (-0.71%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 842.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ธ.ค.59) ปิดที่ 52.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ธ.ค.59) ที่ 6.80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 36.05 ทิศทางอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 36.00-36.10

      - "เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้" เบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อี เตือนนักลงทุนอย่าเห็นแก่ดอกเบี้ยสูงให้ระวังความเสี่ยง หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เตือนให้ประชาชนระวังความเสี่ยงในการไปลงทุนซื้อตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับเครดิต เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำนานหลายปี ทำให้บริษัทเอกชนหลายแห่งสบช่องในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก ออกตราสารหนี้ในรูปแบบต่างๆ ขายให้นักลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่สามารถวัดระดับความเสี่ยงได้ และขณะนี้ก็ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนในตราสารความเสี่ยงสูงเหล่านี้แล้ว

                - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2560 ตามที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือและทำข้อตกลงไว้ร่วมกัน โดยเห็นชอบกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2560 ที่ 2.5% บวกหรือลบไม่เกิน 1.5%

                - บล.-บลจ.มองเม็ดเงินกองทุน LTF และ RMF หนุนดัชนีหุ้นไทยปี 59 แตะ 1,550 จุด ยอมรับแม้เม็ดเงินลงทุนสุทธิต่ำกว่าปี 2558 แต่ด้วยภาพเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ส่งหุ้นไทยปี 60 พุ่งเหนือ 1,600 จุด ขณะวานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,511.65 จุด ลดลง 10.75 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,238.06 ล้านบาท

                - ผอ.สศค.เผยผลประชุมร่วมอาเซียน+3 เชื่อเศรษฐกิจอาเซียนปี 60 เติบโตดีกว่าปี 59 ส่วนภาคเอกชนยังคงมีความเสี่ยงภาระหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนและค่าเงินที่อ่อนลง เห็นพ้องรัฐบาลต้องรอบคอบในการดำเนินนโยบายและเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

                - นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปี 2560 คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตยังคง เติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนไทยที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่เพียง 38% จากประชากร 65 ล้านคนเท่านั้น ในขณะที่หลายประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ มีอัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตเกิน 100% แสดงให้เห็นว่าตลาดประกันชีวิตในไทยยังขยายตัวและเติบโตได้อีกมาก

                - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้รายย่อยของธนาคารออมสิน โดยจะต้องเป็นลูกหนี้เงินกู้ไม่เกินรายละ 3 แสนบาท ประกอบอาชีพอิสระ มีการส่งชำระเงินกู้เป็นรายเดือน ไม่เป็นลูกหนี้ที่บัญชีใดบัญชีหนึ่งอยู่ระหว่างดำเนินคดี คือตั้งแต่ศาลประทับรับฟ้อง มีประวัติการชาระหนี้ที่ดีในช่วง 12 เดือน ระหว่างเดือน ธ.ค. 2559-พ.ย. 2560

*หุ้นเด่นวันนี้

                - MONO (เคจีไอ) เป้า Consensus 3.34 บาท คาดได้อานิสงส์จากการที่ คสช ใช้ ม.44 ยืดจ่ายค่าไลเซนส์ทีวีดิจิทัลออกไปอีก 3 ปี จากเดิม 6 ปี คิดดอกเบี้ย 1.5% พร้อมประเมินแนวรับ 2.80 บาท แนวต้านแรก 3.02 บาท และถัดไปที่ 3.10 บาท (Stop loss 2.76 บาท) ทั้งนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มฯที่ได้อานิสงส์จากประเด็นนี้ด้วย อาทิ WORK และ RS

                - ALT (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 10 บาท (ยังไม่รวมส่วนเพิ่มจากโครงการท่อร้อยสาย) คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกการเข้าร่วมโครงการร่วมใช้ท่อร้อยสายใต้ดินของ กฟน. โดยได้ลองทำสมมติฐานในการลงทุนโครงการนำสาย Fiber ลงใต้ดินของ ALT จากสมมติฐานจะสร้าง Upside ให้กับราคาหุ้น 1.00 - 2.50 บาท แต่อย่างไรก็ดี Upside ดังกล่าวมาจากสมมติฐานของเราซึ่งเป็นการประมาณการเบื้องต้นเท่านั้น

                - SC (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 3.80 บาท คาดกำไรปี 60 ยังหดตัว 9 % Y-Y ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาด -8% Y-Y เพราะคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมโอนปี 60 มีเพียง 2 โครงการและเป็นโครงการขนาดเล็ก มูลค่า 800 ล้านบาทและ 930 ล้านบาท รายได้หลักในปีหน้าจึงมาจากบ้านแนวราบเป็นหลัก แต่ SC มีคอนโดหรูมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มโอนในปี 61 ทำให้กำไรจะเติบโตดีขึ้น และราคาหุ้นมี 2560PE เพียง 8 เท่า ต่ำกว่าอดีตที่ 10 เท่า คาด Dividend yield  5% ต่อปี

                - SMT (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 8.25 บาท โดย Consensus คาดปี 59 Turnaround พลิกมีกำไรราว 200 ลบ.จากสินค้า Value added (margin สูง) โดยเฉพาะ IC Packaging/Wafer dicing ที่โตสูงมาก แม้ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะมียอดขายลดลงมาก (margin ต่ำ) คาดกำไร Q4/59 โตสูงจาก Order ใหม่ลูกค้าสหรัฐฯในสินค้า Solar Panel กำลังการผลิต 40 MW รับรู้ฯไปอีก 3 ปี (ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายขยายได้ถึง 200 MW ) อีกทั้งบริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปี 2560 อีก 30-40% ในกลุ่มสินค้าประเภท high margin เช่น IC Packaging / Wafer dicing

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับ BOJ ปรับเพิ่มมุมมองเศรษฐกิจ

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินและปรับเพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจในการประชุมเมื่อวานนี้

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,547.28 จุด เพิ่มขึ้น 52.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,107.24 จุด เพิ่มขึ้น 4.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,770.89 จุด เพิ่มขึ้น 41.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,234.94 จุด ลดลง 7.47 จุด

                ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,049.47 จุด เพิ่มขึ้น 7.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,912.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,638.82 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด

                ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% และคงระดับฐานเงินรายปีอยู่ที่ 80 ล้านล้านเยน ผ่านโครงการรับซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่

                นอกจากนี้ BOJ ยังได้ปรับเพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจโดยระบุว่า การส่งออกและการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณขยายตัว และเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวระดับปานกลาง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นแบงก์,ตลาดคลายวิตกก่อการร้ายในยุโรป

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับข่าวการก่อการร้ายในยุโรป นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงซื้อหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอันเนื่องมาจากข่าวการเข้าซื้อกิจการของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 26.80 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 7,043.96 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนหลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกจากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนในตลาดที่กำลังจัดงานเทศกาลคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน และเหตุการณ์ลอบสังหารเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีที่กรุงอังการา เมื่อวันจันทร์

                หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยวปรับตัวผันผวนระหว่างวัน โดยหุ้นอีซีเจ็ท ลดลง 0.6% หุ้นวิตเบรด ซึ่งเป็นเจ้าของเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้นอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเทลส์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.5%

                หุ้นทียูไอ เอจี เพิ่มขึ้น 0.5% และหุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริติช แอร์เวย์ส ลดลง  0.5%

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นกลุ่มลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากที่ธนาคารได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการของบริษัทเอ็มบีเอ็นเอ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจบัตรเครดิตของแบงก์ ออฟ อเมริกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายธุรกิจบริการด้านการเงิน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวรัฐบาลอิตาลีอุ้มภาคธนาคาร

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนนจากการพุ่งขึ้นของธนาคารอิตาลี หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีกำลังเตรียมให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 361.32 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,849.89 จุด เพิ่มขึ้น 27.12 จุด หรือ +0.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,464.74 จุด เพิ่มขึ้น 38.04 จุด หรือ +0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,043.96 จุด เพิ่มขึ้น 26.80 จุด หรือ +0.38%

                หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลอิตาลีเตรียมให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคาร Monte dei Paschi di Siena (MPS) โดยคาดว่ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวจะมีวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร

                ทั้งนี้ หุ้น Unione di Banche Italiane พุ่งขึ้น 5.8% หุ้น Banco Popolare SC พุ่งขึ้น 4.3% และหุ้น Banca Popolare di Milano Scarl ทะยานขึ้น 4.3% อย่างไรก็ตาม หุ้น MPS ปิดตลาดลดลง 0.4%

                หุ้นโททาล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากโททาลประกาศเข้าซื้อหุ้น 23% ในบริษัทเทลลูเรียน อินเวสท์เมนท์ เพื่อพัฒนาโครงการก๊าซ

                หุ้นโนวาร์ติส ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสวิส ขยับขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทสามารถทำข้อตกลงกับบริษัทโคนาตัส ฟาร์มาซูติคัลส์ เกี่ยวกับใบอนุญาตในการพัฒนายารักษาโรคตับเรื้อรัง

                สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นยุโรปนั้น สำนักงานสถิติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2556

                ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PPI เดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : หุ้นแบงก์พุ่ง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 91.56 จุด

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และเคลื่อนตัวเข้าใกล้แนวต้านที่ระดับ 20,000 จุด เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งมีมติคงนโยบายการเงินและปรับเพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจ ในการประชุมเมื่อวานนี้

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,974.62 จุด เพิ่มขึ้น 91.56 จุด หรือ +0.46% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,483.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.50 จุด หรือ +0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.76 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด หรือ +0.36%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดหวังว่า คณะทำงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้แข็งแกร่งขึ้น โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.7%

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% และคงระดับฐานเงินรายปีอยู่ที่ 80 ล้านล้านเยน ผ่านโครงการรับซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ ขณะเดียวกัน BOJ ได้ปรับเพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจโดยระบุว่า การส่งออกและการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณขยายตัว และเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวระดับปานกลาง

                หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด

                หุ้นแบล็คเบอร์รี ร่วงลง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเครื่องโทรศัพท์ร่วงลงสู่ระดับ 62 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากระดับ 220 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จีดีพีในไตรมาส 3/2559 (ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย),  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์,  การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน และ ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!