WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET54ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบคาดแรงขายต่างชาติชะลอ LTF-RMF หนุน

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากไม่ได้มีปัจจัยบวก/ลบมากนัก ประกอบกับ ราคาน้ำมันทรงตัว ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบเล็กน้อย

       อย่างไรก็ดี การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.59 เป็นต้นไป อาจทำให้นักลงทุนต่างปรับพอร์ตตาม นอกจากนี้ มองว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติคงจะชะลอแล้ว ขณะที่ยังมีกองทุน LTF-RMF ช่วยหนุน ดังนั้น ทิศทางตลาดฯน่าจะแกว่ง Sideway up ในช่วงปลายปีนี้

      พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,525 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,852.24 จุด เพิ่มขึ้น 59.71 จุด (+0.30%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,456.85 จุด เพิ่มขึ้น 20.18 จุด (+0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,262.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.75 จุด (+0.39%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 164.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 63.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.68 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ธ.ค.59) 1,519.65 จุด ลดลง 1.60 จุด (-0.11%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,507.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ธ.ค.59) ปิดที่ 50.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ธ.ค.59) ที่ 6.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.78/80 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 35.70-35.85

      - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี) อนุมัติให้ต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ต.บางพระ และ ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ของบริษัท ไทยออยล์ ที่จะหมดอายุลงในปี 2565 ออกไปอีก 30 ปี โดยบริษัทจะลงทุนเพิ่มในพื้นที่ดังกล่าวอีกเป็นเงิน 1.2 แสนล้านบาท

      - ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมีความพร้อมในการลงทุน 2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยเบื้องต้นต้องใช้เงินทุนจดทะเบียนในกิจการร่วมค้า 2.8 หมื่นล้านบาท และ เงินลงทุนอีก 7.2 หมื่นล้านบาท ที่มาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือการระดมทุนจากตลาดทุนในรูปแบบอื่น ที่รัฐบาลต้องทยอยใช้คืนภายในระยะเวลา 10 ปี

      - ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานสัมมนาเจาะลึกเศรษฐกิจและการเงินไทยปี 2017 ว่า เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในปี 60 จะเข้าสู่สภาวะที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยจีดีพีจะขยายตัวที่ 3.5-4% เนื่องจากตลอดปี 59 ตลาดยังกังวลภาวะภัยแล้ง ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรไม่ขยายตัวมาก

      - ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. 2559 และช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ซึ่งประชาชนมีความต้องการใช้ธนบัตรในระดับสูงกว่าปกตินั้น ธปท.ประมาณการว่าธนาคารพาณิชย์น่าจะมีการเบิกจ่ายธนบัตรจาก ธปท.ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลปีใหม่ 2560 นี้ คิดเป็นมูลค่าสุทธิประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4% ซึ่ง ธปท.ได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดต่างๆ ไว้รองรับความต้องการอย่างเพียงพอ

       - กสทช.เปิดแผนประมูลคลื่นความถี่ แย้มภายใน 4 ปี (ปี 60-63) เตรียมเปิดประมูลอีก 3 ย่านความถี่ ทั้งคลื่น 2600 คลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ คาดคลื่นนี้จะใช้สำหรับ 5จี ประมูลได้ปี'63

*หุ้นเด่นวันนี้

       - KSL (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 5.40 บาท แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งจากราคาน้ำตาลที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ รวมถึงการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่กลับสู่ภาวะปกติ และปริมาณการผลิตเอทานอลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ EPS โตได้ถึง 43.4% CAGR ในช่วงปี 2560-2561E

       - THANI (ไอร่า) เป้าปีหน้า 5.90 บาท คาดสินเชื่อปี 60 มีโอกาสเติบโต 16.87% ภายใต้ Port สินเชื่อส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกถึง 73% คาดรับประโยชน์น Mega Project ภาครัฐ และสินค้าเกษตรกลับเข้าสู่ภาวะปกติเป็นตัวกระตุ้นความต้องการปีหน้า สัดส่วนการขนส่งสินค้าเกษตรกับการก่อสร้างรวมกันสูงถึง 70% ของการขนส่งทางถนนรวมทั้งประเทศ และคาดต้นทุนการเงินลดลงต่อเนื่องหลัง TRIS ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้จาก BBB+ เป็น A- และ NPL มีแนวโน้มลดลงในปี 60

       - TRC (โกลเบล็ก) "ซื้อ" โครงการก่อสร้างเหมืองแร่ APOT ล่าช้าแต่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นหลัง APOT ลงนามสัญญากู้เงินกับธนาคาร ICBC ประเทศจีนในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมคาดกำไรปี 59 อยู่ที่ 252 ล้านบาทหดตัว 16% แต่จะเติบโตในปี 60 ที่ 85% สู่ 467 ล้านบาทเนื่องจากรับรู้รายได้จากการก่อสร้าง APOT ส่วนปี 60 มีงานประมูลราว 4.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโรงงาน 2 พันล้านบาท และงานวางท่อก๊าซ PTT อีก 4.3 หมื่นล้านบาท

    - BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ลุ้นการเจรจารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และ หัวลำโพง-บางแค ได้ข้อสรุปวันนี้ สำหรับส่วนเชื่อมต่อ 1 สถานีที่เตาปูนของสายสีม่วง กับบางซื่อของสีน้ำเงิน อยู่ระหว่างเสนอก.คมนาคมและครม.ให้พิจารณาภายในเดือนนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน เปิดเดินรถได้ภาย ส.ค.60 ส่วนราคาพื้นฐาน 12 บาท โดยรวมส่วนต่อขยายของสีน้ำเงินแล้ว

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอ

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,438.39 จุด เพิ่มขึ้น 164.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,111.51 จุด ลดลง 6.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,996.38 จุด ลดลง 63.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,352.27 จุด ลดลง 8.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,037.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,934.29 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,634.31 จุด ลดลง 2.68 จุด

       เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 254,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 255,000 ราย

      ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 7 จุด แตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปี โดยผู้สร้างบ้านมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เนื่องจากคาดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามที่เขาได้สัญญาไว้

     ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.2 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าระดับ 54.1 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 49.82 จุด จากแรงซื้อหุ้นแบงก์, ปอนด์อ่อนหลังเฟดขึ้นดบ.

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สืบเนื่องจากการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,999.01 จุด เพิ่มขึ้น 49.82 จุด, +0.72%

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นบาร์เคลย์ส เพิ่มขึ้น 3.5% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ขยับขึ้น 0.7% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.5%

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 5.6% หุ้นแรนด์โกล์ รีซอส ดิ่งลง 7.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 3.2% หุ้นริโอ ตินโต ลดลง 2.5% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 4%

     ด้านธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้

    นอกจากนี้ BoE ยังได้ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังหุ้นแบงก์พุ่งรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ เฟดยังได้แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ด้วยการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 358.79 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,819.23 จุด เพิ่มขึ้น 49.99 จุด หรือ +1.05% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,366.40 จุด พุ่งขึ้น 121.56 จุด หรือ +1.08% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,999.01 จุด เพิ่มขึ้น 49.82 จุด หรือ +0.72%

    หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นบังเกีย ซึ่งเป็นธนาคารของสเปน พุ่งขึ้น 6.2% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปรับตัวขึ้น 4.4%

    ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%

     นอกจากนี้ เฟดยังได้แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ด้วยการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 1.9% จากระดับ 1.8% และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวในปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 2.1% จากระดับ 2.0%

       ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งระบุว่า ดัชนีรวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศสในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 51.4 ในเดือนก่อนหน้า

     หากแยกเป็นภาคส่วนพบว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 จากระดับ 51.6 ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 67 เดือน จากระดับ 51.7

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลง เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 5.6% หุ้นเซนทามิน ดิ่งลง 12% หุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ปรับตัวลง 8% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ลดลง 1.6%

ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่งกว่า 150 จุด เมินเฟดขึ้นดอกเบี้ย จ่อพังแนวต้าน 20,000 จุด

       ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุด หลังจากที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีหน้า

       ทั้งนี้ เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากจำนวน 2 ครั้งที่มีการคาดการณ์ในเดือนก.ย.

     ณ เวลา 23.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,945.57 จุด เพิ่มขึ้น 153.04 จุด หรือ 0.77%

     หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดในวันนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์หนุนตลาดขึ้นมากที่สุด

     นายนาอีม อัสลาม หัวหน้านักวิเคราะห์ของธิงค์ มาร์เก็ต กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าการทะยานขึ้นนี้ยังคงมีแรงหนุนต่อไป และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ไม่สามารถมาขัดขวางได้ ซึ่งข้อมูลความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านได้ยืนยันว่าตลาดบ้านมีความแข็งแกร่ง ขณะนี้สายตาทุกคู่กำลังมองไปที่ระดับ 20,000 จุด ขณะที่ตลาดกำลังอยู่ในภาวะกระทิง"

    นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากในคืนนี้

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 7 จุด แตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2005

    ดัชนีความเชื่อมั่นไม่เคยพุ่งขึ้น 7 จุดภายในเดือนเดียวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

     ผู้สร้างบ้านมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เนื่องจากคาดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามที่เขาได้สัญญาไว้

     กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงในไตรมาส 3 สู่ระดับ 1.130 แสนล้านดอลลาร์ แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.116 แสนล้านดอลลาร์

     ก่อนหน้านี้ สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.183 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 1 ขาดดุล 1.318 แสนล้านดอลลาร์

      ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 21.5 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9% หลังจากอยู่ที่ระดับ 7.6 ในเดือนพ.ย.

     ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว หากอยู่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ภาวะขยายตัว

      ส่วนเฟดสาขานิวยอร์ค รายงานวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยายตัวอย่างมากในเดือนธ.ค. ขณะที่ได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่

     ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 1.5 ในเดือนพ.ย.

     ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ภาวะหดตัว ขณะที่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว

    กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. โดยได้แรงหนุนจากค่าเช่าที่พุ่งขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันชะลอตัวลง และราคาอาหารเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

       กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 254,000 ราย ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 255,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 258,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!