WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET38ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ขานรับ ECB ขยาย QE ,ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์-เงินทุนไหลเข้าหนุน

  นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ไต่ขึ้นต่อแต่ไม่มาก ขานรับผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าคาด โดยได้ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ( QE) ออกไปอีก 9 เดือน จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายเวลาเพียง 6 เดือน แต่ ECB ได้ลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรจากเดิม 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน เหลือ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เม.ย.-ธ.ค.60

    นอกจากนั้นตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบรีบาวด์กลับเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อีกครั้ง ขณะที่ยังต้องจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปกในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับมีสัญญาณเชิงบวกกระแสเงินทุนไหลกลับ และยังมีเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย แม้ว่าภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้จะบวกลบคละเคล้ากันก็ตาม

พร้อมให้แนวต้าน 1,530-1,535 แนวรับ 1,520 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,614.81 จุด เพิ่มขึ้น 65.19 จุด (+0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,417.36 จุด เพิ่มขึ้น 23.60 จุด (+0.44% ), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,246.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด (+0.22%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 96.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 22.03 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ธ.ค.59) 1,525.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด(+0.32%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,060.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ธ.ค.59) ปิดที่ 50.84 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.2%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ธ.ค.59) ที่ 6.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.65/67 อ่อนค่าตามยูโร ขานรับ ECB ขยายเวลา QE เพิ่มตามคาด

   - "สมคิด"เดินสายโรดโชว์จีน ถก "แจ๊ค หม่า" ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือระหว่างไทย-อาลีบาบา พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 4 ด้าน ปั้นเอสเอ็มอี 3 หมื่นราย ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล 1 พันราย "สมคิด" เผยมีโอกาสอาลีบาบา ร่วมลงทุนโครงการอีอีซี พัฒนาไทยสู่ศูนย์กลางข้อมูลดิจิทัลอาเซียน ด้านผู้ประกอบการหวั่นสินค้าจีนท่วมตลาด ตัดโอกาสเอสเอ็มอี

    - กพช.เคาะแผนเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจี ยกเลิกระบบโควตานำเข้า ชี้ไม่กระทบราคาขายปลีก พร้อมเตรียมแผนนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเพิ่ม รับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติทะลุ 5,000 ล้านลบ.ฟ./วัน  "อนันตพร"เผยชี้ขาดโรงไฟฟ้ากระบี่ ในการประชุมเดือนหน้า ยันมีแผนรองรับ

    - กระทรวงการคลังส่งหนังสือถึงออมสิน -ธ.ก.ส.-กรุงไทย ให้เริ่มจ่ายเงินคนจน  คาดแต่ละแห่งเริ่มจ่ายได้ตั้งแต่วันนี้ โดยจะต้องให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 ธ.ค.59

    - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดต่อเนื่องเดือนที่ 2 ชี้ประชาชนยังวิตกเศรษฐกิจ-ส่งออกยังฟื้นช้า หวังปลายปีเม็ดเงินกระตุ้น 5-8 หมื่นล้านบาท แนะรัฐเร่งอัดฉีดโดยเร็ว ปลุกกำลังซื้อ ระบุหากจีดีพีไม่ถึง 4% ถือว่ายังเสี่ยง

*หุ้นเด่นวันนี้

    - หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SCB,KTB)(เคจีไอฯ)"ซื้อ" จากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้ามา รวมกับโครงการลงทุนภาครัฐฯที่เริ่มมีความชัดเจน จากการประกาศผลการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูเหลือง และคาดสายสีส้มจะประกาศผลเร็วๆ นี้ รวมถึงการขายซองฯรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีโอกาส Outperfrom ตลาดฯในระยะสั้น SCB เป้าพื้นฐาน 165 บาท ประเด็นบวกเรื่องคดี SSI วันที่ 15 ธ.ค.นี้ มีโอกาสที่ศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ส่วน KTB เป้าพื้นฐาน 19.8 บาท ประเด็นบวกเรื่องโครงการลงทุนภาครัฐฯ คาด KTB มีโอกาสเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อหลัก

      - ASK (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 27 บาท ให้สินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 เติบโต 15% Y-Y สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัว 10% Y-Y เน้นสินเชื่อรถบรรทุก ซึ่งได้อานิสงส์จากการขนส่งในประเทศและการค้าชายแดนที่จะคึกคักขึ้นในปีหน้า ในบรรดาผู้เล่นในธุรกิจเดียวกัน ต้นทุนทางการเงินของ ASK ลดลงช้าที่สุดโดยเพิ่งเริ่มลดลงตั้งแต่ 3Q59 และใน 4Q59 จะมีหุ้นกู้ดอกเบี้ยสูงครบอายุอีก ทำให้ ASK ได้ประโยชน์เต็มที่เต็มปีในปี 60 ในขณะที่บริษัทอื่นในกลุ่มรับรู้ประโยชน์ไปแล้วในปีนี้ กำไรของ ASK ในปีหน้าจึงเด่นสุด คาด +11.5% Y-Y และคาด Dividend yield 6-7%

   - PTTEP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 95.00 บาท ภายใต้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 51.41 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล +2% dod ภายใต้ปัจจัยหนุนจากผลการประชุมล่าสุดของโอเปก ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วง 4Q/59 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 45-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนผลการดำเนินงานของ PTTEP ในช่วงปี 60 สามารถรับมือกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงได้ เนื่องจากได้มีการทำ hedging ไว้แล้วจำนวน 30% ของการผลิตทั้งหมด ขณะที่ราคาก๊าซจะปรับลดลงมาต่ำสุดในช่วงประมาณ 1Q/60 จากการปรับสัญญาราคาขายก๊าซตามราคาน้ำมันดิบในช่วงเดือน ต.ค.59 และคาดปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2Q/60 เป็นต้นไป คาดรายได้ในปี 60 เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 173,740 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% คาด

     เงินปันผล 2.63 บาท คิดเป็น Div.Yield ประมาณ 3.0%

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลงเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลศก.สหรัฐ

    ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,839.98 จุด เพิ่มขึ้น 74.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,209.34 จุด ลดลง 6.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,765.84 จุด ลดลง 96.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,383.07 จุด เพิ่มขึ้น 7.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,024.52 จุด ลดลง 6.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,957.53 จุด ลดลง 1.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,641.85 จุด ลดลง 1.90 จุด

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 29.32 จุด ขานรับ ECB มีมติขยาย QE

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือนในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้แข็งแกร่งขึ้น

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 29.32 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 6,931.55 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนหลังจากที่ประชุม ECB มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017

   ขณะเดียวกัน ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์  รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

   นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE จะช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนได้อย่างมาก พร้อมระบุว่า การขยายระยะเวลาของมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน แทนที่จะเป็น 6 เดือนตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้นั้น บ่งชี้ถึงตลาดที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และจะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB มีความยั่งยืนมากขึ้น

       หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.4% ในขณะที่หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 1.8% แต่หุ้นเอสเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ลดลง 0.5%

      หุ้นทียูไอ เอจี เพิ่มขึ้น 4.4% หลังบริษัทรายงานว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นในปีงบการเงินปัจจุบัน พร้อมกับประกาศจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่า มีรายได้ในช่วงฤดูหนาวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับผลประชุม ECB มีมติขยาย QE

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือนในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้แข็งแกร่งขึ้น

     ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.2% ปิดที่ 351.96 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,179.42 จุด เพิ่มขึ้น 192.73 จุด หรือ +1.75% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,735.48 จุด เพิ่มขึ้น 40.76 จุด หรือ +0.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,931.55 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 จุด หรือ +0.42%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากที่ประชุม ECB มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017

     ขณะเดียวกัน ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์  รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

    นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE จะช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนได้อย่างมาก พร้อมระบุว่า การขยายระยะเวลาของมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน แทนที่จะเป็น 6 เดือนตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้นั้น บ่งชี้ถึงตลาดที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และจะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB มีความยั่งยืนมากขึ้น

    หุ้นบริษัทเยอรมนีปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากผลการประชุม ECB ได้ฉุดสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทหลายแห่งที่ต้องพึ่งพาการส่งออก โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นเดมเลอร์ ปรับขึ้น 2.5% หุ้นธิสเซ่นครุปป์ เอจี (Thyssenkrupp AG) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเยอรมนี ทะยานขึ้น 3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 65.19 จุด ขานรับ ECB มีมติขยาย QE

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,614.81 จุด เพิ่มขึ้น 65.19 จุด หรือ +0.33% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,417.36 จุด เพิ่มขึ้น 23.60 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,246.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด หรือ +0.22%

      ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยปัจจัยล่าสุดที่หนุนตลาดทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ มาจากผลการประชุมล่าสุดของ ECB ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017

      ขณะเดียวกัน ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์  รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

     นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวภายหลังการประชุมว่า การตัดสินใจขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE จะช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนได้อย่างมาก พร้อมระบุว่า การขยายระยะเวลาของมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน แทนที่จะเป็น 6 เดือนตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้นั้น บ่งชี้ถึงตลาดที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และจะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB มีความยั่งยืนมากขึ้น

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 ราย สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวขึ้นกว่า 1%

     หุ้นคอสท์โค โฮลเซล ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.43% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

     อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยายังคงร่วงลง นำโดยหุ้นซีวีเอส เฮลธ์ ที่ดิ่งลงหนักสุดถึง 3% หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะกดราคายาให้ถูกลง และจะเปิดกว้างต่อการนำเข้ายาราคาถูกจากต่างประเทศ

       นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!