- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 07 December 2016 10:53
- Hits: 5054
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นต่อ ตามตลาดหุ้นโลก,ลุ้นครม.พิจารณาช้อปช่วยชาติ-แรงซื้อต่างชาติหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสไต่ขึ้นต่อไปได้ จากปัจจัยหนุนทั้งในและต่างประเทศ โดยต่างประเทศได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับขึ้นต่อ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาค่อนข้างดี ประกอบกับนักลงทุนคลายกังวลต่อปัญหาการเมืองในอิตาลี หลังนายกรัฐมนตรีอิตาลีตกลงเลื่อนการลาออกจนกว่าร่างงบประมาณปี 2560 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับขึ้น
ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้จะพิจารณาโครงการรถเมล์ไฟฟ้า และมาตรการช้อปช่วยชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่เมื่อวานนี้เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างประเทศชัดเจนขึ้นหลังเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ หรือซื้อคืนในช่วงสั้น
พร้อมทั้งให้กรอบแนวต้าน 1,520-1,525 จุด แนวรับ 1,510 และ 1,505 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,251.78 จุด เพิ่มขึ้น 35.54 จุด (+0.18%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.00 จุด เพิ่มขึ้น 24.11 จุด (+0.45%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,212.23 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (+0.34%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.00 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 129.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 4.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ธ.ค.59) 1,516.48 จุด เพิ่มขึ้น 14.82 จุด (+0.99%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,290.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ธ.ค.59) ปิดที่ 50.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ธ.ค.59) ที่ 5.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.63/65 ตลาดโฟกัสผลประชุม ECB พรุ่งนี้ -FOMC ในสัปดาห์หน้า
- รฟม.เผย "บีทีเอส-ราชบุรี-ซิโนไทย" คว้าประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง มูลค่ากว่าแสนล้าน เตรียมเจรจาผลประโยชน์และเงินอุดหนุนจากภาครัฐ พร้อมข้อเสนอเพิ่มขยายส่วนต่อเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว-เชื่อมต่อเมืองทองธานี
- เอกชนมองธุรกิจอีเวนท์เริ่มกระเตื้อง หลังพ้นช่วง 30 วันงดกิจกรรมรื่นเริง ระบุการประชุมระหว่างประเทศ -เอ็กซ์โป เดินหน้า จัดงานในไทย ขณะอีเวนท์เปิดตัวสินค้า เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ไม่ยกเลิกแต่เลื่อนไป ต้นปีหน้า คาดดันยอดจัดงานต้นปีหน้ากลับสู่ภาวะปกติ พร้อมเสนอรัฐนำร่องจัดงานใหญ่ปลายปี เหตุเอกชนกังวลนิยามการจัดงานภายใต้ความเหมาะสม
- กกร.จับตาส่งออก 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ หวั่นฉุด จีดีพีหลุดกรอบโต 3.3-3.5% จับตาปีหน้าเศรษฐกิจโลก อาจฟื้นตัวจากราคาน้ำมัน หวังโครงการลงทุนรัฐดันจีดีพีปีหน้าโต 3.5-4% ขณะ "สมคิด" ดึงยักษ์ใหญ่จีน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทย ด้านคลังเตรียมเข็นมาตรการช้อปช่วยชาติเข้า ครม.วันนี้ คาดเริ่มระหว่าง 15-31 ธ.ค.59 ไม่ห่วงรัฐสูญรายได้ เชื่อได้กลับคืนมากกว่า 6-7 พันล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- ALT (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 8.30 บาท กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q59 และจะเริ่มฟื้นตั้งแต่ 4Q59 แต่ทั้งปียังต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ จึงปรับกำไรปีนี้ลงเหลือโต 7% Y-Y (เดิมคาด +43% Y-Y) แต่คาดกำไรปี 2560 ฟื้นแข็งแกร่ง +40% Y-Y จากเงินลงทุนของ Mobile Operator ที่อยู่ในระดับสูงและมีงานติดตั้งสถานีฐานมากขึ้นหลัง Re-design โครงข่ายเสร็จแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้เช่าโครงข่าย Fiber Optic ตามแนวทางรถไฟเต็มปี
- STEC (บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 33 บาท เมื่อวานรฟม.ประกาศว่า กิจการ่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ซึ่งประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ทั้งนี้ผลที่ออกมาดังกล่าว ดีกว่าที่คาดที่ BSR Joint Venture จะชนะการประมูล 1 เส้นทาง และส่งผลให้มีงานใหม่เพิ่มเติมอีกประมาณ 42.0 พันล้านบาท เทีบยกับ backlog ปัจจุบันที่ 48.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงประมาณการเช่นเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 26.8% YoY ที่ 1.2 พันล้านบาท
- VGI (เคจีไอ)"ซื้อ"เป้าสูงสุด Consensus 5.5 บาท ประเมินผลการชนะประมูลรถไฟฟ้าสีชมพู – เหลือง ของ JV BSR (BTS, STEC,RATCH) จะเป็นผลบวกต่อ VGI ในอนาคต เนื่องจากเป็น บริษัทลูกของทาง BTS ทำให้มีโอกาสที่จะพื้นที่สัมปทานโฆษณาบนรถไฟฟ้าทั้ง 2 สีเพิ่มเติมจากปัจจุบัน ประเมินการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ โดยเฉพาะมาตรการช้อปช่วยชาติ ที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้ จะเป็นตัวกระตุ้นการใช้สื่อโฆษณาของผู้ประกอบการฯ
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับดาวโจนส์ที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,434.54 จุด เพิ่มขึ้น 74.00 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,198.47 จุด ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,805.13 จุด เพิ่มขึ้น 129.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,279.00 จุด เพิ่มขึ้น 28.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,995.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,957.42 จุด เพิ่มขึ้น 8.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,633.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,810.24 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 หรือในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3 โดยพุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ส่วนผลผลิตต่อแรงงานพุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นแบงก์ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 33.01 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เพราะได้รับปัจหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นบลูชิพ ตามการทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 33.01 จุด หรือ 0.49% แตะที่ 6,779.84 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปรับเพิ่มขึ้น เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena SpA ของอิตาลีจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.7% ในขณะที่หุ้นบาร์เคลย์สเพิ่มขึ้น 4.6% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.1%
อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มบริษัทพนัน หลังจากเจ้าหน้าที่กำกับกฎระเบียบระบุว่า จะกวดขันจับกุมการออกผลิตภัณฑ์บางรายการที่ผิดกฎหมาย
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 4.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของธนาคาร
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นแบงก์,สาธารณูปโภค
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคารของอิตาลี หลังจากที่ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ร่วงลงอย่างหนัก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1% ปิดที่ 344.57 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,775.32 จุด เพิ่มขึ้น 90.49 จุด หรือ +0.85% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,631.94 จุด เพิ่มขึ้น 57.62 จุด หรือ +1.26% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,779.84 จุด เพิ่มขึ้น 33.01 จุด หรือ +0.49%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้น E.ON พุ่งขึ้น 5% หุ้น RWE AG ดีดขึ้น 1.5% หลังจากศาลเยอรมนีวินิจฉัยว่า การที่รัฐบาลเยอรมนียกเลิกกฎหมายการใช้พลังงานนิวเคลียร์บางส่วนนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทด้านสาธารณูปโภคสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาล
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเมดิโอบังคา พุ่งขึ้น 9.9% หุ้นอินเทซา ซานเปาโล ทะยานขึ้น 8.2% และหุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ โซเซียตา พุ่งขึ้น 9.7%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนต.ค. หลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. โดยยอดสั่งซื้อที่แข็งแกร่งเกินคาดนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวขึ้นของคำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมยานยนต์
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ โดยคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ ECB จะหารือกันในการประชุมครั้งนี้ว่าจะมีการขยายเวลาสำหรับการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.77 ล้านล้านยูโร (1.87 ล้านล้านดอลลาร์) หรือไม่
ก่อนหน้านี้ ECB ได้ประกาศเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี หากผลการลงประชามติทำให้อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นอย่างมาก โดย ECB จะใช้เงินจากกองทุนซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ในการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลี เพื่อคลายความผันผวนในตลาด
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 35.54 จุด รับหุ้นแบงก์พุ่ง,ข้อมูลศก.สดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเอื้ออำนวยต่อภาคธนาคาร
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,251.78 จุด เพิ่มขึ้น 35.54 จุด หรือ +0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.00 จุด เพิ่มขึ้น 24.11 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,212.23 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 หรือในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3 โดยพุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ส่วนผลผลิตต่อแรงงานพุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์จะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่จดทะเบียนใน S&P500 พุ่งขึ้นเกือบ 1% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็ปิดตลาดปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากซีอีโอของธนาคารได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารจะสามารถทำกำไรได้ในระยะใกล้นี้
หุ้นกลุ่มสื่อสารดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเอทีแอนด์ที พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายการ "DirectTV Now" ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งทีวี ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเวริซอน ดีดขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทตัดขายธุรกิจด้านข้อมูลบางส่วนให้กับอิควินิกซ์ มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์
หุ้นสปรินท์ และหุ้นที-โมบาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มสื่อสารด้วยนั้น ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5% หลังจากนายทรัมป์เปิดเผยว่า ซอฟต์แบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสปรินท์ จะลงทุนมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 50,000 อัตราในช่วง 4 ปีข้างหน้า
หุ้นโบอิ้งปิดเกือบทรงตัว หลังจากที่ร่วงลงกว่า 1% ในระหว่างวัน ภายหลังจากนายทรัมป์ทวิตข้อความระบุว่า ต้นทุนในการสร้างเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หรือแอร์ฟอร์ซวัน ซึ่งเป็นโบอิ้ง 747 มีราคาแพงเกินไป และขู่ว่าจะยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิ้ง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.
อินโฟเควสท์