WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

lovdonภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ ตามหุ้นทั่วโลกเมินผลลงประชามติอิตาลี,ลุ้นครม.เคาะมาตรการช้อปช่วยชาติสัปดาห์นี้

  นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะรีบาวด์ ตามต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับผลลงประชามติของอิตาลีค่อนข้างเร็วและน้อยมาก แม้ประชาชนส่วนใหญ่โหวตโนแสดงการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้น

    ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้จับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ที่คาดว่ากระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช้อปช่วยชาติให้ครม.พิจารณา และโครงการลงทุนรถเมล์ไฟฟ้า

    "คำแนะนำช่วงนี้แนะเพียงเทรดดิ้ง หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ และโครงการรถเมล์ไฟฟ้า"นายอภิชาติ กล่าว

พร้อมให้แนวต้าน 1,510-1,515 จุด แนวรับ 1,495 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,216.24 จุด เพิ่มขึ้น 45.82 จุด (+0.24%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,308.89 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด (+1.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,204.71 จุด เพิ่มขึ้น 12.76 จุด (+0.58%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 182.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.68 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 188.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 49.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.10 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ธ.ค.59) 1,501.66 ลดลง 10.72 จุด (-0.71%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 469.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ธ.ค.59) ปิดที่ 51.79 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ธ.ค.59) ที่ 5.68 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.60/62 แนวโน้มแกว่งแคบ ไร้ปัจจัยสำคัญ มองกรอบวันนี้ 35.50-35.65

    - สคร.เสนอครม.เดือนธ.ค.นี้ อนุมัติตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์กองแรก วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดเสนอขายนักลงทุนทั่วไปต้นปีหน้า เผยขณะนี้นักลงทุน กลุ่มสถาบันให้ความสนใจลงทุนจำนวนมาก

    - ตลาดเอ็มเอไอคึกคัก มูลค่าหลักทรัพย์ ตามราคาตลาดทะลุ 3.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% พร้อมแนวโน้มเงินปันผล เพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์ประเมินโตจากหุ้นพลังงานทดแทน แนะระวังการลงทุนเพราะพีอีสูงเกินพื้นฐาน

    - ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุปีหน้ายังเป็นปีที่ยากลำบากของแบงก์พาณิชย์ จากแรงกดดันคุณภาพสินทรัพย์ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และจะค่อยลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะต่อไป ขณะที่ผลประกอบการยังได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและสินเชื่อที่ขยายตัวได้ไม่ดีนัก

   - ทีวีดิจิทัลสู่ยุค'เปลี่ยนมือ'ดึงทุนใหญ่ประคองธุรกิจ-แบงก์ชี้มีโอกาสขายหุ้น-ควบรวมเพิ่ม ชี้ผลกระทบเทคโนโลยีทดแทนพฤติกรรมผู้บริโภคเสพคอนเทนท์ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม

    - เอกชน-นักวิชาการ แนะธุรกิจแข่งขันสูง "อุปโภคบริโภค-แบงก์" เร่งลงทุน "บิ๊กดาต้า" ดึงข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภคเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุน-เข้าถึงลูกค้า ระบุเงินลงทุนบิ๊กดาต้ายังต่ำกว่า "พันล้าน" หวั่นเสียเปรียบเพื่อนบ้านโตก้าวกระโดดทุกด้าน

    - ค่าเงินยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดรอบ 20 เดือน หลังผู้นำอิตาลีประกาศลาออก เหตุปราชัยในการลงประชามติปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ตลาดวิตกภาวะไร้เสถียรภาพในอิตาลี จุดชนวนวิกฤติการเงิน-กระทบภาคธนาคาร นักเศรษฐศาสตร์ ฟันธงระยะสั้น ผลกระทบไทยน้อย ชี้ปีหน้าปัจจัยลบยุโรปกดดันทั้งส่งออก-ท่องเที่ยวไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

     - AP (กสิกรไทย)"ซื้อ"เป้าพื้นฐาน 8.50 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดสูงสุดใหม่ ก่อนที่จะสร้าง presales ระดับสูงไดในไตรมาส 1/60 จากแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งนี้ประเด็นความเสียหายของบ้านในโครงการบ้านกลางเมืองพระราม 3–ราษฏร์บูรณะ (600 ลบ.จำนวน 114 หน่วย) จำนวน 8 หน่วย เห็นว่า AP จะไดรับผลกระทบไม่มาก แม้จะเขาไปช่วยซ่อมแซมให้ทั้งหมด โดยความเสียหายดังกล่าวยังถือว่าเล็กหากเทียบกับประเด็นดินทรุดในโครงการบ้านกลางกรุง เดอะรอยัล เวียนนา (1.85 พันลบ.จำนวน 330 หน่วย) ที่เกิดขึ้นในปีก่อน

    - COM7 (เคจีไอฯ)"ซื้อสะสม"เป้าสูงสุดใน Consensus 15 บาท คาดครม.เตรียมพิจารณามาตรการช้อปช่วยชาติสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า (ข้อมูลจากปี 2558 มาตรการช้อปช่วยชาติหนุนรายได้โต 10% จากปกติ ขณะที่ปีนี้คาดกรอบวงเงินที่มากกว่า และระยะเวลาที่นานกว่า จะเป็นบวกต่อยอดขายมากกว่าปีที่แล้ว) ประเมินกำไร 4Q59 ทำนิวไฮ (คาดจะมากกว่าประมาณการฯ Consensus) จาก High season,iPhone7 การเป็นพันธมิตร TRUE (ขายซิม True รับค่าคอมฯ และเข้าบริหาร True shop แล้ว 30 สาขา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ,ได้แรงหนุนจากมาตรการช้อปช่วยชาติ,การเข้าซื้อกิจการร้านโทรศัทพ์มือถือ บางกอก เทเลคอม 999" ทำให้สาขาของ COM7 เพิ่มทันทีกว่า 40 แห่ง เป็นทำเลที่ตั้งที่ COM7 อยากได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถหาพื้นที่ได้ คาดกำไรเพิ่มจากดีลนี้ทันทีราว 10–20 ล้านบาทต่อปี (3-5% ของฐานกำไร) และคาดได้อานิสงส์จากโครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้านที่จะเข้า ครม ในเดือน ธ.ค.นี้ (ความต้องการใช้ สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น)

    - PTT (ธนชาต)"ซื้อ" แนวต้าน 378 บาท มีประเด็นนำ PTTOR เข้าตลาดในช่วง 12-15 เดือนข้างหน้า และ PTTGC (ได้รับผลดีจากน้ำมันขึ้น และกำลังการผลิตเพิ่ม หนุนกำไรโต 35-18% ในปี 60-61)

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 22.21 จุด ขณะตลาดจับตาการลงประชามติอิตาลี

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุน ก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติเกี่ยวกับแก้ไขรัฐมนูญของอิตาลีในวันพรุ่งนี้

    ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,730.72 จุด ลดลง 22.21 จุด หรือ -0.33%

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายขณะรอดูผลการลงประชามติของอิตาลีในวันพรุ่งนี้ ในขณะที่นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศเดิมพันอนาคตทางการเมือง โดยยืนยันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ

    ผลการสำรวจของสำนักโพลล์หลายสำนักออกมาในทิศทางเดียกวันว่า ชาวอิตาลีจะออกมาลงประชามติไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้นายเรนซีต้องลาออกจากตำแหน่งตามที่เขาเคยลั่นวาจาไว้ และจะทำให้เกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมืองไปสู่พรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากยูโรโซน

    ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การลงประชามติต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญอิตาลีในครั้งนี้ จะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดการเงินทั่วโลก ไม่น้อยไปกว่ากรณีที่อังกฤษลงมติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

    หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ลดลง 3.2% และหุ้นบาร์เคลย์สลดลง 2.8%

    ขณะที่หุ้นเบิร์กลีย์พุ่งขึ้น 8.4% หลังจากบริษัททำกำไรสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ตลาดหุ้นยุโรปบวก ขณะเงินยูโรพลิกดีดตัวขึ้น หลังนลท.เมินผลลงประชามติอิตาลี

   ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น ขณะที่สกุลเงินยูโรพลิกกลับมาดีดตัวขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนในการซื้อขายช่วงก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักต่อผลการลงประชามติของอิตาลี

    ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.59 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 340.95 ณ เวลาประมาณ 23.00 น.ตามเวลาไทย

    ด้านสกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้น 0.59% แตะที่ 1.0731 ดอลลาร์

    หุ้นยุโรปปรับตัวเคลื่อนไหวแดนบวก แม้หุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลีร่วงลงหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังผลการลงประชามติชี้ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

    นายกรัฐมนตรีเรนซีได้แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ในการลงประชามติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดทอนอำนาจของวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การผ่านกฎหมายเป็นไปได้ง่ายขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งกล่าวว่าเขาเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง ตามที่เคยประกาศไว้ว่าเขาจะลาออก หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือโหวต NO

     ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจอิตาลี และอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในยูโรโซน และเป็นอันดับสี่ในยุโรป

     ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าพรรคไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ (5SM) พรรคฝ่ายค้านของอิตาลี ซึ่งมีจุดยืนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและชูนโยบายนำอิตาลีแยกตัวออกจากยูโรโซน จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งก่อนกำหนดและก้าวขึ้นบริหารประเทศ

    หุ้นบังคา โปโปลาเร ดิ มิลาโน และหุ้นยูนิเครดิต ร่วงหนักกว่า 5% เนื่องจากผลการลงประชามติทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปภาคธนาคารของอิตาลี

    ดัชนี FTSE MIB ตลาดหุ้นอิตาลี ปรับตัวลดลง 73.94 จุด หรือ 0.43% แตะที่ระดับ 17,012.91 หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 2.1% ในการซื้อขายช่วงก่อนหน้านี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 21.51 จุด หลังตัวเลขจ้างงานแกร่งหนุนคาดการณ์เฟดขึ้นดบ.

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (2 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสนับสนุนความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดลงในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเริ่มซึมซับข้อมูลดังกล่าว ในขณะที่ดัชนี NASDAQ และดัชนี S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อย

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,170.42 จุด ลดลง 21.51 จุด หรือ -0.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,255.65 จุด เพิ่มขึ้น 4.54 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,191.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.87 จุด หรือ +0.04%

   ดัชนี ดาวโจนส์ปรับตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี

   นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 4.9%

   กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 161,000 ตำแหน่ง

    ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ย. หลังจากพุ่งแรงในเดือนก่อนหน้า

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่อิตาลีจะจัดการลงประชามติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.

   หุ้นสตาร์บัคส์ร่วง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า นายฮาเวิร์ด ชูลทซ์ จะก้าวลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารในวันที่ 3 เม.ย. ปีหน้า

   หุ้นบิ๊กล็อตส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าจำหน่ายสินค้าลดราคา เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากปรับเพิ่มแนวโน้มทำกำไรในปีนี้

   หุ้นวาสคูลาร์ โซลูชั่นส์ ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากมีข่าวว่า บริษัทเทเลเฟล็กซ์เตรียมเข้าซื้อกิจการของวาสคูลาร์ โซลูชั่นส์

  สำหรับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้น 0.1% ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 1.0% และดัชนี NASDAQ ร่วง 2.7%

            อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!