- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 29 November 2016 14:14
- Hits: 4509
ดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงขาขึ้น หลังแรงขายต่างชาติแผ่ว-บาทแข็งค่า-ให้น้ำหนักปัจจัยในปท.มากภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway up เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติแผ่วลง และเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นหนุนให้มีการซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณในตลาดล่วงหน้าได้มีการปิด long ในยอดสะสมของเดือนพ.ย.ถึง 8,500 สัญญา
ทั้งนี้ ตลาดฯคงจะให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศที่เป็นบวกมากขึ้น โดยวันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณามาตรการช้อปช่วยชาติ และเช้านี้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระพิเศษที่จะต้องติดตามดูด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย ภายหลังจากที่ดาวโจนส์ปรับตัวลง และตลาดในยุโรปก็ติดลบด้วย ซึ่งตลาดในยุโรปติดลบอันเนื่องมรจากความกังวลการลงประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี ซึ่งถ้าไม่ผ่านนายกรัฐมนตรีของอิตาลีก็อาจจะลาออกไป ทำให้วิตกจะกระทบภาคการเงิน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,097.90 จุด ลดลง 54.24 จุด (-0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,368.81 จุด ลดลง 30.11 จุด (-0.56%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,201.72 จุด ลดลง 11.63 จุด (-0.53%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 93.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 7.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 91.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 1.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.31 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ย.59) 1,500.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.38 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 64.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 พ.ย.59) ปิดที่ 47.08 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ย.59) ที่ 7.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.52 คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.40-35.60 ตลาดรอปัจจัยใหม่
- สนช.พร้อมประชุมวาระพิเศษวันนี้ รับมติ ครม. เตรียมถ่ายทอดสดทีวี 2 ช่อง หรืออาจถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ "ประวิตร" ย้ำโรดแมปยังเดินตามแผน ยกเว้นมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
- นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 2559 มีสัญญาณการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 1.2% ของแรงงานรวม หรือ 4.5 แสนคน จาก 0.9% ในเดือน ก.ย. 2559 หรือ 3.3 แสนคน เพิ่มขึ้น 1.2 แสนคน เนื่องจากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมมีการว่าจ้างงานลดลง โดยภาคเกษตรกรรมเกี่ยวข้องกับฤดูการผลผลิตที่มีจำนวนน้อย ทำให้การจ้างงานลดลง
- "พิมพ์ชนก วอนขอพร" รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือน ต.ค. 2559 มีมูลค่า 1.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.22% เป็นการกลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการส่งออกสินค้าทองคำและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันลดลง โดยการส่งออกน้ำมันลดลง 27% และส่งออกทองคำลดลง 40%
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายรายได้ทางการท่องเที่ยวปี 2561 อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 แสนล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวราว 34 ล้านคน เทียบกับเป้าหมายปี 2560 อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 33 ล้านคน
- แบงก์ชาติเล็งทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 59-60 หลังในช่วงไตรมาส 4 กิจกรรมเศรษฐกิจแผ่ว ระบุรัฐแจกเงินผู้มีรายได้น้อยเป็นการตื่นตัวภาครัฐที่ดีช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อยช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวและช่วงรอยต่อก่อนโครงการใหญ่รัฐจะเกิดในปีหน้า ยันอ่อนค่าน้อยกว่าสกุลเงินภูมิภาคไม่เป็นอุปสรรคส่งออกไทย ขณะที่สมาคมแบงก์ก็เตรียมประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใหม่ต้น ธ.ค.
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคและไทยไม่น่าจะรุนแรง โดยตลาดได้คาดการณ์และตอบรับข่าวทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุมเดือน ธ.ค.นี้ ไปพอสมควร บวกกับมีเงินทุนบางส่วนทยอยไหลกลับไปสหรัฐบ้างแล้ว
- ธุรกิจ "หนุนมาตรการ "ช้อปช่วยชาติ" เข้าครม.วันนี้ คาดช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย เพิ่มขึ้น 10-20% ใกล้เคียงปีก่อน ผสมโรงร่วมพันธมิตรลดราคาสินค้า "เทสโก้ โลตัส" ผนึก 14 ยักษ์ซัพพลายเออร์ ลดราคาสินค้า 20% ด้านปลัดคลังชี้สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส 4 แผ่วจึงต้องเสนอครม.อนุมัติมาตรการ ช้อปช่วยชาติกระตุ้นใช้จ่าย
*หุ้นเด่นวันนี้
- TNR (บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเสนอขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น ด้านบล.กสิกรไทย แนะ"ซื้อ"ที่ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 20.5 บาท อิงวิธี PER ปี 2560 ที่ 20 เท่า โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ TNR จะสามารถเติบโตด้วยอัตรา CAGR ที่ 18.9% ในปี 2559-61 หลัก ๆ จากยอดขายที่สูงขึ้น และสัดส่วนยอดขายที่ดีขึ้น รวมถึงการได้รับประโยชน์จากเทรนด์เงินบาทอ่อนค่า
บริษัทฯเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยอันดับต้นๆ ของโลกด้วยกำลังการผลิต 1.96 พันล้านชิ้นต่อปี TNR อยู่ในอุตสาหกรรมที่ ผู้เล่นรายใหม่มีอุปสรรคในการเข้าตลาด จากกฎเกณฑ์ของอุตสาหกรรมที่เข้มงวด และยังมีความได้เปรียบจากการที่ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีอุปทานน้ำยางคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้ดี โดยมีการคาดการณ์มูลค่าตลาดถุงยางทั่วโลกจะสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 9.3% ซึ่งส่งผลดีต่อ TNR ซึ่งมีการส่งออกไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกผ่านธุรกิจ OEM นอกจากนี้ แบรนด์ของตัวเองอย่าง Onetouch เองก็ได้รับความนิยม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2556 ทำให้
- MC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท ปันผลสูง PE ไม่แพง คาด Same Store Sales Growth 4Q59 เป็นบวกเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันหลังปรับกลยุทธ์เน้นเพิ่มสินค้าเสื้อผ้าขาว-ดาวหรือโทนสีเข้มมากขึ้น ที่ผ่านมา MC ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าท่อนบน (ลูกค้าซื้อบ่อยกว่า) ให้มากขึ้น โดยสัดส่วนการขายสินค้าท่อนบนต่อท่อนล่าง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1 ต่อ 1 (จำนวนชิ้น) จากในอดีต 1 ต่อ 3 และตั้งเป้าให้เป็น 2-3 ต่อ 1 ใน 3 ปีข้างหน้า โดยคาดกำไรปีนี้ +8% ปีหน้า +10% คาด Dividend yield 5.7% ต่อปี
- SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) ธนาคารใหญ่ที่ผ่านวงจรสูงสุดของหนี้เสียแล้ว ขณะที่มี upside จากการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา ปี 2560 คาดการณ์ dividend yield ที่ 4.4% และกำไรเติบโต 15.6% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่
- VNG (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 16 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q59 จะเติบโต YoY โดดเด่น จากการเริ่มรับรู้กำลังการผลิตใหม่ และแนวโน้มตลาดส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะแผ่น MDF และแผ่น Particle ส่วนตลาดในประเทศความต้องการ Laminated Flooring ยังเพิ่มขึ้น พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากแผนขยายกำลังการผลิตใหม่ๆ เพิ่มรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และในอนาคตอาจมี upside เพิ่มหากเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,263.63 จุด ลดลง 93.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,269.23 จุด ลดลง 7.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,739.51 จุด ลดลง 91.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,220.95 จุด ลดลง 1.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,977.10 จุด ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,881.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,629.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเปิดฉากขึ้นในวันพูธที่ 30 พ.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 41.28 จุด วิตกประชุมโอเปกคว้าน้ำเหลว
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งคาดว่าจะประสบความล้มเหลว
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 41.28 จุด หรือ 0.60% แตะที่ 6,799.47 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลังจากหลังจากโอเปกได้ยกเลิกการประชุมผู้เชี่ยวชาญกับกลุ่มประเทศนอกโอเปกเมื่อวานนี้ หลังจากซาอุดิอาระเบียแจ้งว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เนื่องจากโอเปกจำเป็นต้องหาทางขจัดความเห็นที่แตกต่างกันภายในกลุ่มเสียก่อน
ทั้งนี้ ตลาดยังไม่มั่นใจว่า สมาชิกโอเปกทั้ง 14 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลงได้หรือไม่
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นบีพีที่ลดลง 0.6% ในขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.9% และหุ้นทูลโลว์ลดลง 1.3%
หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 0.7% หลังจากระบุว่า ธนาคารมีแผนจะปรับลดจำนวนพนักงานฝ่ายอง์คกรและสถาบันธนาคารลง 10%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกทิศทางราคาน้ำมัน,การเมืองอิตาลี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางราคาน้ำมัน ก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเมืองในอิตาลีและฝรั่งเศส โดยอิตาลีจะจัดให้มีการลงประชามติในวันที่ 4 ธ.ค.เกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี หลุดจากตำแหน่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.8% ปิดที่ 339.83 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,510.39 จุด ลดลง 39.88 จุด หรือ -0.88% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,582.67 จุด ร่วงลง 116.60 จุด หรือ -1.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,799.47 จุด ลดลง 41.28 จุด หรือ -0.60%
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมโอเปกในวันพุธที่ 30 พ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะดิ่งลงอย่างหนักต่ำกว่า 40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรืออาจแตะ 35 ดอลลาร์/บาร์เรล หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตในการประชุมวันพุธนี้
นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนของอิตาลีและฝรั่งเศส ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป โดยอิตาลีจะจัดการลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลการสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า ชาวอิตาลีจะลงประชามติคัดค้านแผนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะส่งผลให้นายเรนซีต้องลาออกจากตำแหน่งตามคำสัญญาก่อนหน้านี้
ทางด้านการเมืองฝรั่งเศสนั้น นายฟรองซัวส์ ฟิยง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในนามพรรคกลางขวาหรือพรรครีพับลิกัน โดยนายฟิยง วัย 62 ปีจะต้องชิงชัยกับนางมารีน เลอ เปน หัวหน้าพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการเลือกตั้งปี 2560
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ โซเซียตา ดิ่งลง 5.1% หุ้นบังคา ป๊อปปูเลร์ เดล เอมิเลีย โรแมกนา ร่วงลง 6.6% หุ้นบังคา ป๊อปปูเลร์ ดี มิลาโน ดิ่งลง 5% และหุ้นยูนิเครดิต ร่วงลง 4.5%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 54.24 จุด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีขึ้นในวันพูธที่ 30 พ.ย.นี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,097.90 จุด ลดลง 54.24 จุด หรือ -0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,368.81 จุด ลดลง 30.11 จุด หรือ -0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,201.72 จุด ลดลง 11.63 จุด หรือ -0.53%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี NASDAQ และดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มธนาคารถูกแรงขายทุบลงอย่างหนัก หลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นที่ว่า นโยบายของนายทรัมป์ซึ่งรวมถึงการลดกฎข้อบังคับในภาคธนาคารนั้น เอื้อประโยชน์ต่อภาคธนาคารและภาคส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 2.3% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2%
หุ้นอเมซอน เจ้าของเว็บไซต์ Amazon.com ปรับตัวลง 1.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นอเมซอน เนื่องจากทางบริษัทปรับลดราคาสินค้าลงอย่างมาก เพื่อการแข่งขันกับผู้ค้าปลีกรายอื่นๆในฤดูการชอปปิ้ง
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ผู้ประกอบการร้านหนังสือรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.3% หลังจากบริษัทได้ปรับลดราคาสินค้าทางออนไลน์ลงถึง 15% เพื่อส่งเสริมการขายในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ขณะที่กลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ ด้านนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ และแมคควารีคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะดิ่งลงแตะ 35 ดอลลาร์/บาร์เรล หากกลุ่มโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในวันพุธนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2559 (ประมาณการครั้งที่ 2), การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลไตรมาส 3/2559, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย. โดย S&P/Case-Shiller และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.
อินโฟเควสท์