- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 23 November 2016 10:48
- Hits: 5283
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงขาขึ้นคล้ายตลาดภูมิภาค หลังแรงขายต่างชาติเริ่มชะลอ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันเกือบหมด แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้มีปัจจัยที่ยังไม่ชัดเจน แต่ตลาดบ้านเราได้ตอบรับการปรับตัวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไปในระดับหนึ่งแล้ว จากที่ได้มีแรงขายในตลาดบอนด์ และตลาดหุ้นออกมาสักพักแล้ว และล่าสุดแรงขายต่างชาติก็ได้ชะลอลง โดยวานนี้ได้ขายสุทธิแค่ 900 กว่าล้านบาท
อย่างไรก็ดี ยังมองว่าเม็ดเงินต่างชาติยังน่าจะไหลออกอยู่ เนื่องจากในกลางเดือนธ.ค.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งแน่นอนย่อมที่จะทำให้เงินทุนไหลออกกลับไปที่สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็จะแข็งค่าได้
ส่วนราคาน้ำมันเช้านี้ก็บวกเล็กน้อย และเงินบาทก็นิ่ง ๆ ซึ่งตลาดฯคงจะยังได้แรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่ออกมาเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว โดยแนะนำ"เก็งกำไร"หุ้นในกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มโรงแรม และกลุ่มถ่านหิน พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,023.87 จุด เพิ่มขึ้น 67.18 จุด (+0.35%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,386.35 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด (+0.33%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,202.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด (+0.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 13.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.98 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ย.59) 1,485.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด (+0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 934.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ย.59) ปิดที่ 48.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ย.59) ที่ 7.62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.48/50 คาดแกว่งในกรอบ 35.40-35.60 จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (วีซ่า) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย และปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) เป็นการชั่วคราว
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือน ต.ค.59 มีมูลค่า 1.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 4.2% เทียบกับเดือน ต.ค.58 ซึ่งเป็นการกลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 2 เดือน หลังจากที่การส่งออกในเดือน ส.ค. บวก 6.5% และเดือน ก.ย. บวก 3.4%
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยกลุ่มคนเมืองที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ หลังจากนี้จะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอีก เช่น การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปหามาตรการมาดูแลต่อไป ขณะเดียวกันยังมีแนวทางช่วยเหลือด้านการเดินทาง โดยใช้กลไกของพร้อมเพย์ให้ผู้ที่มีรายได้น้อยใช้บัตรใบเดียวสามารถใช้บริการรถสาธารณะได้ในบางเส้นทาง
- รฟม.มั่นใจเจรจาเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนขยายกับ BEM เชื่อม 1 สถานี 1 เดือน หรือก่อนสิ้นปี 59 ได้ข้อยุติ คมนาคมถกรถไฟไทยจีนก่อนประชุมร่วม 2 ธ.ค. นี้
- ศูนย์วิจัยฯ ไทยพาณิชย์มองท่องเที่ยวไทยยังโตต่อเนื่อง ปีหน้าลุ้นยอดเพิ่มขึ้น 10% ทั้งจำนวนและรายได้ แนะรัฐหนุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักเที่ยวสูงอายุ ครม.อนุมัติเว้นค่าวีซ่าดึงนักท่องเที่ยว 19 ประเทศ
*หุ้นเด่นวันนี้
- ANAN (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 5.43 บาท ปี 59 คาดกำไรโต 112.0%YoY และโตต่อ 33.1% YoYในปี 60 จากมี Backlog 4.1 หมื่น ลบ. ซึ่งรอโอนราว 6.4พัน ลบ.ในช่วง 4Q59ขณะที่ช่วง 4Q59 เปิดตัวโครงการ JV 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่น ลบ. ซึ่งได้ผลตอบรับดี และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ 2.2%
- STA (เออีซี) "ซื้อ" เป้า Upper Consensus 20 บาท ช่วง 4Q59 คาดพลิกกลับมีกำไร 537 ลบ. จากช่วง 4Q58 ขาดทุน 47 ลบ. หนุนด้วยราคายางทำ New High ในรอบ 1 ปี (TSR20 ตลาด SICOM +51.2%YTD) บวกกับ ปี 59 มีแผนขยายกำลังการผลิตยางธรรมชาติเพิ่มเป็น 1.9 ล้านตัน/ปี จากสิ้นปี 58 ที่ 1.5 ล้านตัน/ปี หนุนให้ช่วง 2 ปีนี้ (ปี 59-60) กำไรโตเฉลี่ยปีละ 13.6% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ 2.4%
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 21.75 บาท มองบวกผลประกอบการ Q4/59 ต่อเนื่องถึงปี 60 เนื่องจากบริษัทกำลังจะตกลงราคาขายถ่านหินในปีหน้าซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 40-50% จากปี 59 คาดต้นทุนการผลิตจะปรับตัวขึ้นเพียง 15-20% จากการขุดถ่านหินในพื้นที่ลึกขึ้นทำให้อัตราส่วนดินต่อแร่ พร้อมคาดปี 59 พลิกเป็นกำไร 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย นอกจากนี้ ปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1.63 GW (รวมโรงไฟฟ้าหงสาทั้ง 3 หน่วย)
- CPALL (กสิกรไทย) เก็บผลประกอบการโดดเด่นในไตรมาส 3/59 จากความสำเร็จในแสตมป์แคมเปญ นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว CPALL ยังได้รับผลประโยชน์จากมาตราการรัฐน้อยที่สุดในกลุ่ม จึงทำให้ฐานของรายได้ในปีที่แล้ว ไม่ถือว่าสูง จึงน่าจะทำให้เห็นการเติบโต YoY ที่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่ม
- BA (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 29 บาท ไตรมาส 3 เป็น high season ของสนามบินสมุย โดยคาดการณ์การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่ 8.4% ในช่วงปี 2560-62 ทำให้คาดว่ากำไรในช่วงดังกล่าวจะแตะระดับสูงสุด ด้วย CAGR ที่ 8% ขณะเดียวกัน ประเด็นด้านพันธมิตรรหัสเที่ยวบินร่วมกัน (code share) ที่อาจเพิ่มเข้ามาอีก 5 ราย ก็จะสร้าง upside ต่อประมาณการกำไรของเรา
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 19,000 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับตัวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,247.95 จุด ลดลง 0.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,702.41 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,146.72 จุด เพิ่มขึ้น 13.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,987.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,834.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,631.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.6 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5% สู่ระดับ 5.43 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย. จาก Markit, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 41.76 จุด หลังหุ้นเหมืองพุ่งต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 41.76 จุด หรือ 0.62% แตะที่ 6,819.72 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาโลหะและน้ำมันดิบที่ตลาดลอนดอน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 7.6% หุ้นเกลนคอร์เพิ่มขึ้น 5.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 4.9%
ในขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มพลังงานนำโดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.6% ในขณะที่หุ้นบีพีปิดทรงตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้านั้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลอังกฤษมียอดขาดดุลงบประมาณลดลงในเดือนต.ค.
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นเหมือง หนุนหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นปิดเหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 341.02 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,713.85 จุด เพิ่มขึ้น 28.72 จุด หรือ +0.27% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,548.35 จุด เพิ่มขึ้น 18.77 จุด หรือ +0.41% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,819.72 จุด เพิ่มขึ้น 41.76 จุด หรือ +0.62%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 7.6% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 7% และหุ้นอาร์เซล มิททัล พุ่งขึ้น 4.9%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาคส่วนต่างๆในระบบเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่การลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลีจะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจส่งผลให้นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี หลุดจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า การลาออกของนายเรนซีจะยิ่งสร้างความยากลำบากในการแก้ไขปัญหาในภาคธนาคารของอิตาลี
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 67.18 จุด คาดนโยบาย ทรัมป์ กระตุ้นศก.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาคส่วนต่างๆในระบบเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับตัวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,023.87 จุด เพิ่มขึ้น 67.18 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,202.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด หรือ +0.22% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,386.35 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือ +0.33%
ดัชนี ดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า นโยบายของนายทรัมป์ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษี การเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการลดกฎข้อบังคับในหลายด้านนั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อภาคส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึงภาคอุตสาหกรรมและภาคธนาคาร
ส่วนในช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาไทย ทรัมป์ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านทางยูทูบ เพื่อแถลงแผนการบริหารประเทศเมื่อเขาขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยเขายังคงยึดหลักการ "อเมริกาต้องมาก่อน" และจะสร้างความมั่งคั่งและสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะยกเลิกข้อจำกัดในการผลิตพลังงาน ซึ่งรวมถึงการผลิตพลังงานจากหินดินดานและถ่านหิน เพื่อส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ อีกทั้งปรับแก้ไขกฎข้อบังคับบางประการ และยกเลิกระเบียบเดิมหรือเพิ่มระเบียบใหม่
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดหวังว่า นโยบายของทรัมป์จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐ และจะทำให้สถานะทางเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับตัวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.6 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5% สู่ระดับ 5.43 ล้านยูนิต
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้ง หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน และหุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1.5%
หุ้นดอลลาร์ ทรี พุ่งขึ้น 8.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3
หุ้นแคมเบลล์ ผู้ผลิตซุปปรุงสำเร็จและอาหารชื่อดังของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดขายผลิตภัณฑ์ Pepperidge Farm
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย. จาก Markit, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.
อินโฟเควสท์