WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET31ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัว รับแรงกดดัน Fund Flow ไหลออก-ราคาน้ำมันปรับลง

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงแต่ไม่มาก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปมากพอควรแล้ว แต่ก็ยังได้รับแรงกดดันจาก Fund Flow ไหลออก เห็นได้จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากดดัน ซึ่งได้ขายทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น โดยไม่ได้ขายแต่เฉพาะในประเทศ แต่เป็นการขายทั่วทั้งเอเชีย เนื่องจากคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้เม็ดเงินโยกย้ายไหลกลับเข้าสหรัฐฯ

        ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของไทยปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในรอบ 1 ปี มาอยู่ที่ 2.6% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต่างชาติได้ขายพันธบัตรค่อนข้างมากด้วย

    นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงเช้านี้ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งต่างก็รอดูการประชุมนอกรอบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับรัสเซียในวันศุกร์นี้ก่อน รวมไปถึงตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,868.14 จุด ลดลง 54.92 จุด (-0.29%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,294.58 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด (+0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,176.94 จุด ลดลง 3.45 จุด (-0.16%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 95.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 6.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 110.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 3.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.94 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.26 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ย.59) 1,474.64 จุด ลดลง 1.82 จุด (-0.12%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,114.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.59

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ย.59) ปิดที่ 45.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ย.59) ที่ 7.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.44 แนวโน้มยังอ่อนค่า นลท.จับตาถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้

     - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่ควรตกใจกับการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แม้ในช่วงแรกจะทำให้ตลาดเงินและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน จากความกังวลต่อกระแสเงินทุนไหลกลับสหรัฐ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง แต่ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ตลอด ซึ่ง ธปท.ก็ดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพอยู่แล้ว ขณะนี้ค่าเงินบาทค่าเงินบาทอยู่ใกล้เคียง 35 บาท/เหรียญสหรัฐ ก็เป็นขึ้นระดับที่อ่อนพอดี มีประโยชน์พอสมควร

      - "สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์" รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีจะเร่งผลักดันโครงการบรอดแบนด์หมู่บ้าน และจะเร่งเปิดตัวโครงการภายในเดือนธ.ค.2559 นี้ โดยเชื่อมั่นว่าการผลักดันโครงการบรอดแบนด์หมู่บ้านทั้งหมดให้เข้าถึงทั่วประเทศจะแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 2560 ภายใต้งบประมาณรวม 1.3 หมื่นล้านบาท และทำให้ประชาชนได้รับผลดีมากที่สุด เป็นระบบที่มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด

    - รายงานจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เผยขณะนี้ สปส.อยู่ ระหว่างการจัดตั้งทีมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์โดยตรง  หลังจากที่มีการแก้ไขกฎหมายให้ สปส.สามารถเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง ขณะเดียวกันก็มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนกองทุนฟิวเจอร์ฟันด์ของรัฐบาล ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้นคณะกรรมการ สปส.เคยอนุมัติเงินลงทุนไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท นั้นก็จะต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศยังคงผันผวน

    - แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ยังมีผลการดำเนินงานเติบโตค่อนข้างดี สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงถึง 33.2% โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 310,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77,567 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมาที่มีสินทรัพย์อยู่ที่ 233,206 ล้านบาท

      - นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 1.54 แสนล้านบาท ในขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวน 4.35 แสนล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 5.27 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 2.35 แสนล้านบาท

      - บอร์ด รฟม.ไฟเขียวเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ สายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน ในรูปแบบพีพีพี ด้านบอร์ด ทอท.เคาะเดินหน้าพัฒนาสนามบินภูเก็ต 1.4 หมื่นล้านบาท

      - ดัชนีเชื่อมั่นทองคำเดือนพ.ย.ลดลงเล็กน้อย สะท้อนราคาทองมีโอกาสปรับลง ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐยังเป็นแรงกดดัน ส่วนดัชนีเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้ายังดิ่งเช่นกัน

*หุ้นเด่นวันนี้

        - หุ้นพื้นฐานดีที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณใน MSCI รอบนี้มีแนวโน้มข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ BJC และ KCE (มีผล 30 พ.ย. 2559) (ฟินันเซีย ไซรัส)

      - MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 48 บาท แนวโน้มกำไร Q4/59 จะถูกกระทบชั่วคราวจากการไว้ทุกข์ แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2560 จากตลาดในประเทศที่จะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศคาดว่าจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายๆส่วน จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2559-2560 ที่คาดเติบโต 14.4% Y-Y และ 20.2% Y-Y ตามลำดับ

      - PTT (ยูโอบีฯ) "ซื้อ"เป้า 430 บาท คาดผลประกอบการในงวดไตรมาส 4/59 และ ครึ่งปีแรกของปี 60 จะยังคงอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวกจากราคาตุ้นทุนก๊าซฯที่ต่ำ และ คาด GRM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก  6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 59 เป็น 6.60-7.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในปี 60 ดังนั้นจึงมองว่ากำไรสุทธิปีหน้ามีโอกาสเติบโตเนื่องได้ราว 9% yoy  ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 8.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 13.1 เท่า

     - IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) ได้ประโยชน์จากขาขึ้นรอบใหม่ของปิโตรเคมี ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหว่าในอดีตถึง 3 เท่า จะทำให้กำไรเร่งตัวขึ้นเร็ว หากส่วนต่าง (spread) กว้างขึ้น มีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ อาจได้รับผลดีหลังเลือกตั้ง

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,766.61 จุด ลดลง 95.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,198.50 จุด ลดลง 6.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,170.07 จุด ลดลง 110.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,984.57 จุด เพิ่มขึ้น 22.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,976.21 จุด ลดลง 3.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,797.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,627.37 จุด ลดลง 0.26 จุด

    นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า หากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ พร้อมระบุว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้า ก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง

      นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 43.02 จุด จากแรงเทขายหุ้นอสังหาฯ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 43.02 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 6,749.72 จุด

   หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นำตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลง โดยหุ้นบาร์เร็ตต์ ดีเวลล็อปเมนท์ ร่วงลง 2.8% หลังระบุว่า บริษัทได้ดำเนินการในเรื่องราคาของอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทหลายแห่งในลอนดอน เนื่องจากมียอดขายที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดี บาร์เร็ตต์ระบุว่า บริษัทได้รับยอดจองเพิ่มขึ้น

       หุ้นโรลส์รอยซ์ โฮลดิ้ง ผู้ผลิตเครื่องยนต์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษลดลง 2.1% ถึงแม้บริษัทจะคาดว่า จะสามารถลดต้นทุนลงได้ในระดับสูงสุดของช่วงคาดการณ์ แต่ก็เตือนว่าความต้องการเครื่องยนต์ของเรือจะยังคงอ่อนแอในปีหน้า

      นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากที่พุ่งแรงในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นที่สูงเกินไป

     อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ที่ระบุว่า อัตราว่างงานช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ปรับตัวลงแตะ 4.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี จากระดับ 4.9% ในช่วงสามเดือนก่อนหน้า

      รายงานระบุว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลง 37,000 ราย สู่ระดับ 1.6 ล้านราย ส่วนจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 49,000 ราย ซึ่งชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 172,000 รายในช่วงสามเดือนก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงม.ค.-มี.ค.ปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้น ไบเออร์ ร่วงหนัก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยหุ้นไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาและเคมีภัณฑ์ด้านการเกษตรของเยอรมนี ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทประกาศแผนระดมทุนเพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์พืชของสหรัฐ

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 338.47 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,663.87 จุด ลดลง 71.27 จุด หรือ -0.66% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.14 จุด ลดลง 35.39 จุด หรือ -0.78% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,749.72 จุด ลดลง 43.02 จุด หรือ -0.63%

       หุ้นไบเออร์ ดิ่งลง 4.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนระดมทุนมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านยูโร หรือ 4.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เพื่อนำเงินทุนไปใช้ในการซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต

      ในช่วงกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ไบเออร์ได้เข้าซื้อกิจการมอนซานโต ในข้อตกลงมูลค่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงหนี้สินของบริษัท โดยข้อตกลงซื้อกิจการดังกล่าวนับเป็นข้อตกลงที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปีนี้ และเป็นข้อตกลงที่มีการใช้เงินสดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

       หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Bouygues ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของฝรั่งเศส ดีดขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่หุ้น lliad SA ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของฝรั่งเศสเช่นกัน ปรับตัวลง 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 54.92 จุด หลังจนท.เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย

         ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวทะยานขึ้นติดต่อกันหลายวัน อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะครอบคลุมถึงการลดกฎข้อบังคับในภาคธนาคาร

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,868.14 จุด ลดลง 54.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,294.58 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,176.94 จุด ลดลง 3.45 จุด หรือ -0.16%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กเข้าสู่ภาวะพักฐานในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกัน 7 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

    นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า หากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ พร้อมระบุว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้า ก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง

   นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก

    ตลาดยังแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลงหนักสุดถึง 2.5% ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2%

      ก่อนหน้านี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน หลังจากมีการคาดการณ์ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์จะครอบคลุมถึงการลดกฎระเบียบในภาคการธนาคาร ซึ่งรวมถึงการปรับกฎหมายดอดด์แฟรงค์ (Dodd Frank Law)  และกฎโวล์คเกอร์ (Volker Rule) ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมภาคธนาคาร รวมทั้งจะมีการปรับกฎระเบียบอื่นๆที่ได้บังคับใช้ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

     นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซายังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย โดยรายงานของเฟดระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนพ.ย.อยู่ในระดับทรงตัวเช่นกัน

      อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวขึ้น และช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า แอปเปิลจะเพิ่มอุปกรณ์ smart glasses เอาไว้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท ขณะที่หุ้นเอ็นวีเดีย พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทจะจับมือเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ ส่วนหุ้นลิงค์อิน ปรับตัวขึ้น 1.3%

     นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ เพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในการประชุมระหว่างนางเยลเลนและคณะกรรมาธิการดังกล่าว ยังจะบ่งชี้ท่าทีของพรรครีพับลิกันในความพยายามจำกัดอำนาจของเฟด

     นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค. และดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย

        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!