WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET36ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงขาลงวิตกกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวน

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway down เนื่องจากวิตกถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวน และนักลงทุนต่างชาติขาย โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น US Dollar Index กำลังขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน และ Bond yield ปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน จนมาอยู่ที่ 2.1%  เป็นการสะท้อนการมองนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลดภาษีและการเพิ่มการใช้จ่ายเป็นประเด็นกดดันให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ และกังวลว่าเงินทุนจะไหลกลับเข้าสหรัฐฯ

       ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์และ Bond yield ที่สูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ จึงทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ๋ติดลบ ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่อยู่ในแดนบวกได้ เพราะได้ประโยชน์จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น

     พร้อมให้แนวรับ 1,510 ถัดไป 1,500-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520-1,525 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,807.88 จุด พุ่งขึ้น 218.19 จุด (+1.17%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,208.80 จุด ลดลง 42.27 จุด (-0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,167.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด (+0.20%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 182.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 216.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 84.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 13.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 11.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 6.00 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ย.59)  1,514.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด (+0.32%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,043.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ย.59) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 61 เซนต์ หรือ 1.4%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ย.59) ที่ 7.58 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.34 อ่อนค่าต่อเนื่องหลังดอลล์แข็ง รับคาด"ทรัมป์"กระตุ้นศก.ขนานใหญ่

                - "พาณิชย์"ยันส่งออกตลาดสหรัฐฯ ปีนี้ยังโต 1% ปีหน้า 3% เหมือนเดิม แม้ "ทรัมป์" เข้าวิน ปธน.มะกัน วิเคราะห์นโยบายลดภาษีธุรกิจ ดันจีดีพีโต เอื้อการส่งออกของไทย ด้านตลาดหุ้นเริ่มผ่อนคลาย รีบาวด์เล็กน้อย "มาร์ค" เชื่อผู้สมัครรีพับลิกันชนะเป็นบวกกับไทย "แม้ว" ร่อนจดหมายแสดงความยินดี

                - แบงก์ชาติคาดเอ็นพีแอลพีกในปี 60 หลังเอ็นพีแอลที่ 2.89% ในไตรมาส 3 สูงสุดในรอบ 5 ปี พบสินเชื่อบัตรเครดิตมีเอ็นพีแอลทุบสถิติรอบ 10 ปีและหนี้เสียสินเชื่อบ้านเริ่มขยับเพิ่ม ขณะที่สินเชื่อรวมต่ำสุดในรอบ 6 ปี ชี้มีโอกาสสูงสินเชื่อเกิน 2.4% ในปีนี้ พบแบงก์โยกเงินฝากต้นทุนดอกเบี้ยแพงหันลงทุนประเภทอื่น

                - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเงินลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศ (ทีดีไอ) ล่าสุดในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ม.ค.-ก.ย.2559) นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 1.01 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.55 แสนล้านบาท (หากคิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ) แบ่งเป็นไตรมาสแรก 4,391 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.54 แสนล้านบาท ไตรมาสสอง 4,090 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.43 แสนล้านบาท และไตรมาสสามที่ผ่านมา 1,662 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.82 หมื่นล้านบาท

                - รายงานข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยภาวะการทำงานของประชากรในเดือน ต.ค. 2559 ว่า มีจำนวนประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 55.71 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน 37.72 ล้านคน หรือคิดเป็น 67.7% และอยู่นอกกำลังแรงงาน 17.99 ล้านคน หรือ 32.33% โดยผู้อยู่ในกำลังแรงงานนั้น เป็นผู้มีงานทำ 37.14 ล้านคน หรือ 98.5%

    - คลังเร่งสรุปแผนยกเครื่องที่ดิน ร.ฟ.ท. คาดชัดเจนสิ้นเดือนนี้ พร้อมเสนอ คนร.พิจารณาต่อ หวังช่วยแก้ปัญหาฐานะการรถไฟ

    - ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงเทศกาลลอยกระทงคาดคึกคักน้อยลง การใช้จ่ายชะลอ เงินสะพัด 9,638 ล้านบาท ลดลง 15.6% ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี

*หุ้นเด่นวันนี้

    - COMAN (บมจ.โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยราคาขาย IPO ที่ 7.80 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าเหมาะสม 9.70 บาท (อิง PE 25 เท่า) โดยคาดกำไรสุทธิปี 59-61 เติบโตเฉลี่ย  34% ต่อปีตามการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ราคา IPO 7.80 บาทคิดเป็น 2560PE 20 เท่า

    บมจ.โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายโปรแกรมสำเร็จรูปที่พัฒนาขึ้นเองภายใต้ลิขสิทธิ์ Comanche Hotel Software และ Data Base เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมโรงแรม ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูงตามการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและโรงแรม/เกสต์เฮาส์ที่เพิ่มขึ้น และจำหน่ายและติดตั้งโปรแกรมในต่างประเทศ และลงทุนในบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้อง

    - PHOL-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ผลธัญญะ (PHOL)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 40,499,996 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี (1 พฤศจิกายน 2559 - 31 ตุลาคม 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 28 เม.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 31 ต.ค. 2561

     - ANAN (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 5.70 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q3/59 สูงกว่าไอร่าและตลาดคาด ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%QoQ และ 55%YoY จากรายได้รวมที่ทำได้ดีกว่าคาด 8% หรือที่ 2,835 ล้านบาท (ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 9%) และสัดส่วน SG&A/Sales ที่ทำได้ดีกว่าคาดที่ 20.5% ลดลงมากจาก 3Q58 หลังค่าใช้จ่ายทางการตลาดลดลง ทั้งนี้มอง Q4/59 บริษัทจะมีผลประกอบการที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปถึงปี 61 จาก Backlog รอรับรู้รายได้ที่มีอยู่แข็งแกร่งจำนวน 41,340 ล้านบาท

     - CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 74 บาท กำไรเป็นไปตามคาด -2% Q-Q, +26% Y-Y เป็น 4.1 พันล้านบาทถือว่าสดใส เป็นความสำเร็จของ Stamp Promotion และมีการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องรวมเป็น 9,411 สาขา แนวโน้มกำไร Q4/59 จะดีต่อ

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกนโยบาย ทรัมป์ กระทบจีน

    ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ จะประกาศให้จีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน รวมถึงออกนโยบายปิดกั้นการค้ากับจีน

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,526.61 จุด เพิ่มขึ้น 182.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,169.40 จุด ลดลง 1.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,622.46 จุด ลดลง 216.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,067.65 จุด ลดลง 84.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,988.87 จุด ลดลง 13.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,822.12 จุด ลดลง 11.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,646.74 จุด ลดลง 6.00 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 83.36 จุด จากแรงเทขายทำกำไร

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มที่พุ่งแรงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการขานรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงก่อนหน้านี้

      ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 83.36 จุด หรือ 1.21% แตะที่ 6,827.98 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเวชภัณฑ์ยาที่พุ่งแรงในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดว่าเป็นหุ้นกลุ่มที่จะได้ผลประโยชน์มากที่สุดภายให้นโยบายของนายทรัมป์

     แต่อย่างไรก็ดี หุ้นของบางบริษัทยังคงได้รับปัจจัยหนุนอย่างต่อเนื่องจากนโยบายเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคของพรรครีพับลิกัน ที่ส่งผลให้ราคาทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นอันโตฟากัสตา ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของอังกฤษพุ่งขึ้น 11%

     หุ้นไอทีวีเพิ่มขึ้น 1.3% หลังจากเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ระบุว่า ตลาดโฆษณากำลังอ่อนแรงลง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 218.19 จุด คาดนโยบายทรัมป์กระตุ้นศก.

    ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ จะเดินหน้าผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคารและกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ตามที่ได้ให้คำมั่นเอาไว้ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,807.88 จุด พุ่งขึ้น 218.19 จุด, +1.17% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,208.80 จุด ลดลง 42.27 จุด หรือ -0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,167.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.20%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า ทรัมป์จะดำเนินนโยบายต่างๆที่ได้ให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคาร, ทำการปรับลดภาษีของภาคธุรกิจ และกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค

    หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า มาตรการผ่อนคลายกฎข้อบังคับภาคธนาคารของนายทรัมป์นั้น จะครอบคลุมถึงการปฏิรูปหรือยกเลิกกฎหมายดอดด์แฟรงค์ (Dodd Frank Law) และกฎโวล์คเกอร์ (Volker Rule) รวมทั้งจะมีการปรับกฎระเบียบอื่นๆที่ได้บังคับใช้ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

    เบรนดอน เอเฮิร์น นักวิเคราะห์จากบริษัทเครนแชร์สกล่าวว่า "ตลาดวอลล์สตรีทจะได้ประโยชน์จากการที่ทรัมป์มีเป้าหมายที่จะดำเนินการหลายด้านที่ตรงข้ามกับฮิลลารี คลินตัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดภาษีของภาคธุรกิจ และการผ่อนคลายกฎระเบียบของภาคธนาคาร กฎหมายดอดด์แฟรงค์และกฎระเบียบที่คุมเข้มเกินไปไม่เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจในยุคนี้"

     หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้นขานรับความคาดหวังของนโยบายทรัมป์เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองที่ว่า คณะทำงานของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎข้อบังคับด้านการกำหนดราคายา ซึ่งตรงข้ามกับฮิลลารีที่พยายามเดินหน้าควบคุมราคายามาโดยตลอด ทั้งนี้ หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ปรับขึ้น 1.2% และหุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ในกลุ่มอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 2.5%

    หุ้นเมซีย์ ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2559

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 11,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 254,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 260,000 ราย

   อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!