WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull market5ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักฐานหลังราคาน้ำมันร่วง-กังวลเฟดขึ้นดบ.,ไร้ปัจจัยบวกหนุน

    นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับฐาน รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะกดดันการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของเฟด หลังสหรัฐเปิดเผยประมาณการเบื้องต้นตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/59 ที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาในตลาด อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้อหลักทั้งต่างชาติและกองทุนในประเทศก็ขาดแรงซื้อต่อเนื่อง น่าจะยังถ่วงภาพรวมการลงทุน โดยมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด

      นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานในวันนี้ หลังรับปัจจัยจากต่างประเทศที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจะกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

      นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสู่ตลาด อีกทั้งตลาดมีการซื้อขายในระดับ P/E สิ้นปี 59 ที่ระดับ 16.6 เท่า ทำให้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงมูลค่าการซื้อขายของกลุ่มหลักทั้งต่างชาติและกองทุนในประเทศ ก็ชะลอตัวลง หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ขาดแรงซื้อต่อเนื่องทำให้ภาพตลาดรวมน่าจะเป็นลักษณะของการพักฐาน

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.19 จุด ลดลง 8.49 จุด (-0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,190.10 จุด ลดลง 25.87 จุด (-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.41 จุด ลดลง 6.63 จุด (-0.31%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 85.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 108.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 23.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 21.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.56 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการในวันนี้

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ต.ค.59) 1,494.44 จุด ลดลง 3.92 จุด (-0.26%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 972.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.59

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ต.ค.59) ปิดที่ 48.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.1%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ต.ค.59) ที่ 7.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.00/03 แข็งค่า หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากความไม่แน่นอนเรื่องเลือกตั้งปธน.สหรัฐ

       - ธุรกิจไทยแห่ลงทุนเพื่อนบ้าน ธปท.เผยครึ่งปีแรก พุ่ง 867% แบงก์เผยส่วนมากเป็นรายใหญ่ เริ่มเห็น เอสเอ็มอี "ใหญ่-กลาง" เข้าไปลงทุนมากขึ้น ส่วนรายเล็ก ยังยาก เหตุต้องมีทุนและภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ

       - ธุรกิจประเมินเปิดเออีซีเกือบปียังห่างเป้า เหตุโครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อม เผชิญมาตรการกีดกัน การค้าที่ไม่ใช่ภาษี แนะเร่งสรุปบทเรียนแก้ข้อบกพร่อง มั่นใจศักยภาพเติบโตสูง

     - จับตาประชุมแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ นายกฯ ส่อเคาะราคาจำนำยุ้งฉางตันละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ จะมีการพิจารณามาตรการดูแลราคาข้าวให้เกษตรกร หลังจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี

     -เดือน ต.ค.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดรอบ 1 ปี หวั่นปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศกดดัน โบรกเกอร์ชี้แรงซื้อต่างชาติผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว คาดแนวโน้มฟันด์โฟลว์ไหลออกจากนี้ไป ด้านสมาคม บล.มองแค่ปรับพอร์ตลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก

       - ธปท.เผยทิศทางนโยบายดอกเบี้ยต้องระมัดระวังการใช้มากขึ้น ข้อจำกัดเพิ่ม ระบุควรใช้เป้าหมายเงินเฟ้อแบบ Range target และการส่งสารถึงการดำเนินนโยบายให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลางจะช่วยลดความไม่แน่นอนและรักษาความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบายไว้ได้

*หุ้นเด่นวันนี้

      - KCE (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐานที่ 145 บาท โดยมองอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ PCBs สำหรับรถยนต์มีการเติบโตต่อเนื่อง และด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรเติบโตแกร่ง 45% ปีนี้ และ 27-24% ในปี 60-61

     - SPALI (เคจีไอฯ) แนะ"Outperform" ราคาเป้าหมาย 28.20 บาท คาดว่ากำไรสุทธิ Q3/59 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้ยอดโอนจะลดลงราว 27.4% QoQ เหลือ 4.6 พันล้านบาทจาก 6.3 พันล้านบาทใน Q2/59 คาดผลงาน Q3/59 ต่ำสุดของปีและจะฟื้นตัวใน Q4/59 ก่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแข็งแกร่งไปจนถึง H1/60 แต่จากผลงาน H1/59 และ Backlog พร้อมโอนใน H2/59 คิดเป็น 2.18 หมื่นล้านบาท หรือ 99% ของเป้าหมายรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท และคิดเป็น 92% ของประมาณการปีนี้ของ KGI ดั้งนั้น จึงยังคงประมาณการรายได้-กำไร

     - TFG (เคจีไอฯ) แนะ"เก็งกำไร"เบื้องต้นคาดไตรมาส 3/59 จะพลิกเป็นกำไร เทียบกับขาดทุน 263 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 จากราคาไก่เฉลี่ยดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 7% QoQ) และราคาหมูเฉลี่ยเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 8% QoQ) ขณะที่ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น และการทำผลิตภัณฑ์แปรรูป (ไส้กรอก) มาร์จิ้นสูง ทั้งนี้ Consensus คาดกำไรไตรมาส 3/59 เฉลี่ยที่ 523 ล้านบาท (Turnaround YoY แต่ชะลอตัว QoQ)

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังโอเปกยังไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่โอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ยังไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,360.89 จุด ลดลง 85.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,097.19 จุด ลดลง 7.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,845.82 จุด ลดลง 108.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,283.20 จุด ลดลง 23.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,011.29 จุด ลดลง 8.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,795.13 จุด ลดลง 21.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,676.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.56 จุด

      ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก เมื่อวันเสาร์ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โอเปกได้เปิดเผยว่าการประชุมครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความคืบหน้าในเชิงบวก แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงการบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันแต่อย่างใด

     ขณะเดียวกัน ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกก็ไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้องการให้ประเทศในกลุ่มโอเปกตกลงกันเองให้ได้เสียก่อน

      ผู้แทนจากกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกตกลงกันได้แค่ว่าจะพบกันอีกครั้งก่อนที่รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันกลุ่มโอเปกจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30 พ.ย.    

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 9.69 จุด ตลาดจับตาประชุม BoE สัปดาห์หน้า

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในอังกฤษเปิดเผยผลประกอบการที่มีทั้งในด้านบวกและลบ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

   ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,996.26 จุด เพิ่มขึ้น 9.69 จุด หรือ +0.14%

    หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดท แอร์ไลน์ กรุ๊ป (IAG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ทะยานขึ้น 5.9% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 10% แม้ทางบริษัทมีกำไรลดลงในไตรมาส 3 อันเนื่องมาจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงหลังอังกฤษได้ลงมติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรสำหรับปีนี้ ลงสู่ระดับ 2.5 พันล้านยูโร จากระดับ 3.2 พันล้านยูโร

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 1.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 ขณะที่หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวลง 0.5% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ขยับขึ้น 0.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดีดตัวขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปรับตัวขึ้น 0.4%

     นักลงทุนจับตาดูการประชุม BoE ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ BoE ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ ถึงแม้การลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลกระทบน้อยกว่าที่คาดไว้

     ส่วนในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น BoE มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกผลประกอบการผันผวน,ข้อมูลศก.ฝรั่งเศสซบเซา

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรปเปิดเผยผลประกอบการที่ผันผวน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.ย.

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.3% ปิดที่ 340.80 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,548.58 จุด เพิ่มขึ้น 15.01 จุด หรือ +0.33% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,696.19 จุด ลดลง 20.89 จุด หรือ -0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,996.26 จุด เพิ่มขึ้น 9.69 จุด หรือ +0.14%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของฝรั่งเศส โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.ลดลง 0.2% ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยสาเหตุหลักมาจากยอดซื้อสินค้าสำเร็จรูปและการใช้จ่ายด้านพลังงานที่ปรับตัวลดลง

     ขณะเดียวกัน Insee รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนต.ค.ของฝรั่งเศสอยู่ในระดับทรงตัว ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เนื่องจากราคาพลังงานที่ดีดตัวขึ้นนั้น ถูกบดบังด้วยราคาอาหาร บริการ และสินค้าจากโรงงานที่ปรับตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณและอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่สามารถกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้ไปถึง 2% ได้ตามเป้า

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรป โดยหุ้น AB InBev บริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ร่วงลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ร่วงลงแตะ 557 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงเกินครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.38 พันล้านดอลลาร์

     หุ้นโนโว นอร์ดิค ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ดิ่งลง 15% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการและยอดขายในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดยา

      หุ้นยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิส ดีดตัวขึ้น 2.4% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิดิ่งลง 60% ในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาด้านเศรษฐกิจมหภาค ความวุ่นวายทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งความผันผวนของตลาด

     ทั้งนี้ ยูบีเอสระบุว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 827 ล้านฟรังก์สวิส (832 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 945 ล้านฟรังก์สวิส

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 8.49 จุด วิตกข่าว FBI รื้อคดี ฮิลลารี

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่มีการขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้นั้น อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.19 จุด ลดลง 8.49 จุด หรือ -0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,190.10 จุด ลดลง 25.87 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.41 จุด ลดลง 6.63 จุด หรือ -0.31%

     ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้น 0.1% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.7% และดัชนี NASDAQ ร่วงลง 1.3%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง หลังจากมีรายงานข่าวว่า นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ได้ส่งหนังสือไปยังสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า FBI พบว่ามีอีเมล์ใหม่ของนางฮิลลารี ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปในเดือนก.ค.ก็ตาม

     การเปิดเผยเรื่องดังกล่าว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่า FBI อาจจะรื้อฟื้นคดีดังกล่าวของนางฮิลลารีขึ้นมาใหม่ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.

      นายโคมีย์ ระบุว่า มีการเปิดเผยอีเมล์ใหม่ดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งต่อข้อมูลของรัฐบาลที่ความอ่อนไหว ซึ่งมีการส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของนางฮิลลารี ขณะที่ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศสหรัฐ

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า จีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดนั้น อาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

     ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นสำหรับการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 2.9% โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากแรงหนุนของการส่งออก และการลงทุนด้านสินค้าคงคลัง ถึงแม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง

      การขยายตัวที่ระดับ 2.9% ในไตรมาส 3 ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2014 หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1 ขณะที่มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 1.1% ในช่วงครึ่งปีแรก

     หุ้นอเมซอน ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ Amazon.com ร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิประจำไตรมาส 3/2559 ที่ระดับ 252 ล้านดอลลาร์ หรือ 52 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 85 เซนต์ต่อหุ้น

     หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.46% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลง 38% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาส 3 ภายจากที่ประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 3 ไตรมาส

     หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 8.4% หลังจากวอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมธุรกิจด้านน้ำมันและก๊าซกับเบเกอร์ ฮิวจ์

     หุ้นเฮอร์ชีย์ ผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

     นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!