- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 27 October 2016 15:48
- Hits: 2637
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมเล็กน้อยหวั่นรับแรงกดดันจากสัญญาณขายหุ้นกลาง-เล็ก
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึมเล็กน้อย เนื่องจากยังน่าจะมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นบริษัทที่คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาดี และการเข้าลงทุนของกองทุน LTF ช่วงปลายปี แต่ตลาดฯอาจได้รับแรงกดดันบ้างจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ยังไมี่เข้ามา ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณขายจากหุ้นขนาดกลาง-เล็กเมื่อวานนี้ด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อยราว 0.3-0.4% โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯช่วงนี้ออกมาดี พร้อมแนะนำให้ติดตามยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือน ก.ย.วันนี้ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐไตรมาส 3/59 วันพรุ่งนี้ เพราะอาจมีผลต่อการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วย
พร้อมให้กรอบการแกว่งวันนี้ที่ 1,480-1,504 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,199.33 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด (+0.17%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,250.27 จุด ลดลง 33.13 จุด (-0.63%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.43 จุด ลดลง 3.73 จุด (-0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 45.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 21.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.03 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ต.ค.59) 1,492.12 จุด ลดลง 14.35 จุด (-0.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,093.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ต.ค.59) ปิดที่ 49.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ต.ค.59) ที่ 7.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.04/05 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 35.00-35.15
- ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) สำนักงานประเทศไทย รายงานผลการวัดความยากง่ายหรือความสะดวกในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประจำปี 2560 (Doing Business 2017) พบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ปรับดีขึ้นจากอันดับ 49 ในปีที่แล้ว เนื่องจากสามารถแก้ไขปรับปรุงใน 3 ด้าน คือ การสร้างระบบการบริการจ่ายเงินลงทะเบียนไว้ที่จุดเดียวกัน และลดระยะเวลาในการขอรับตราประทับของบริษัท
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ย. 2559 มีมูลค่า 1.94 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 23 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2557 เพิ่มขึ้น 3.43% เทียบกับเดือน ก.ย. 2558 เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในรอบปีนี้ ส่วนการนำเข้าเดือน ก.ย. 2559 มีมูลค่า 1.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.57% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า มูลค่า 2,545 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้ สศค.จะปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมก่อนหน้านี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ส่วนจะปรับอย่างไรอยู่ระหว่างการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมด
- หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ส.ค. 2559 มีจำนวน 5.94 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.64% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 4.42 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 9.95 แสนล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 5.07 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 2.32 หมื่นล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลงสุทธิ 1.03 หมื่นล้านบาท
- คลังสั่งศุลกากรร่อนหนังสือถึงกฤษฎีกาหาข้อสรุปข้อเท็จจริงกฎหมายกรณีปัญหาภาษีการส่งน้ำมันไปเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของเชฟรอน
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 600 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 เป็นไปตามเราและตลาดคาด -12% Q-Q, +57% Y-Y ธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงาน ชดเชยธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ชะลอได้ กำไรงวด 9M16 +28% Y-Y และคิดเป็น 87% ของประมาณการทั้งปี โดยแนวโน้มกำไร Q4/59 จะชะลอเพราะมีหยุดซ่อมโรงงานปิโตรฯ 40 วัน
- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 14 บาท ได้อานิสงส์เต็มที่จากโครงการภาครัฐที่มีต่อเนื่องเพราะฐานลูกค่า 70-80% เป็น SMEs ซึ่งรับงานต่อมาจากภาครัฐ โดยเฉพาะใน Q3/59 ที่เป็นช่วงก่อนปิดงบประมาณประจำปีของรัฐ จึงดาดกำไรทำ new high +20% Q-Q, +67% Y-Y และปรับกำไรปี 59-60 ขึ้นเป็น +43% และ +24% ตามลำดับ ปัจจุบันมี PE ปี 60 ที่ 18 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าที่ 22%
- BCP (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 40 บาท คาด Q3/59 จะมีกำไรสุทธิ 1,058 ล้านบาท อ่อนตัวราว 56%QoQ กำไรไม่ค่อยสดใสหลังถูกกดดันจากค่าการกลั่นและค้าปลีกน้ำมันฯ แต่แนวโน้มช่วง Q4/59 คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติที่ 1,400 ล้านบาท คาดฟื้นตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจ เนื่องจากเป็น High Season ส่วนการเติบโตของกำไรในปีหน้าจะมาจากการเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มกำลัง และรับทยอยส่วนแบ่งกำไรจาก BCPG เข้ามามากขึ้น
- BDMS (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ประกาศซื้อหุ้นโรงพยาบาลเมโย 1.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ PE ที่ 34x โดยใช้เงินลงทุนจากการกู้สถาบันการเงิน และเป็น Upside ต่อกำไรประมาณ 1%
- ESSO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 11.50 บาท (เดิม 7.70 บาท) แม้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ด้วย PE ที่ 7.7x และราคาหุ้นต่ำกว่า NAV 57% (ขณะที่โรงกลั่นอื่นราคาต่ำกว่า NAV ประมาณ 31-34%) และ Potential ของบริษัทที่จะสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นในอนาคต
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง อิงค์ ที่มีกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 34% รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,346.39 จุด ลดลง 45.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,112.60 จุด ลดลง 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,347.19 จุด เพิ่มขึ้น 21.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,363.90 จุด เพิ่มขึ้น 1.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,018.24 จุด เพิ่มขึ้น 4.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,831.14 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,673.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 593,000 ยูนิต ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี
ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของภาคบริการสหรัฐประจำเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 54.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.3 ในเดือนก.ย. โดยเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 59.55 จุด หลังหุ้นพลังงานร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 59.55 จุด หรือ 0.85% แตะที่ 6,958.09 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในประเด็นปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมเดือนหน้า
ปัจจัยดังกล่าวกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นบีพี ปรับตัวลง 1.5% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.2%
หุ้นอันโตฟากัสตาลดลง 3.2% หลังจากคาดว่า ผลผลิตทองแดงสำหรับตลอดทั้งปีของบริษัทจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดของช่วงคาดการณ์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงขายหุ้นพลังงาน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากมีรายงานสต็อกน้ำมันที่ผันผวนของสหรัฐ โดยแม้ว่าสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง แต่รายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 341.76 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,534.59 จุด ลดลง 6.25 จุด หรือ -0.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,709.68 จุด ลดลง 47.63 จุด หรือ -0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,958.09 จุด ลดลง 59.55 จุด หรือ -0.85%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นกัลป์ เอ็นเนอร์เจีย ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของโปรตุเกส ร่วงลง 1.7% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 1.4% หุ้นไซเพม เอสพีเอ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านวิศกรรมพลังงานของอิตาลี ร่วงลง 3%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากข้อมูลด้านสต็อกน้ำมันของสหรัฐออกมาผันผวน โดย API รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยทำสถิติปรับตัวลง 6 สัปดาห์ในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบลดลง 553,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
หุ้นอันโตฟากัสตา ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์การผลิตทองแดงในปีนี้
หุ้นเทเลนอร์ ร่วงลง 5.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 ภายหลังจากที่เข้าซื้อหุ้นของบริษัทวิมเพลคอม
สำหรับ ข่าวความเคลื่อนไหวในยุโรปนั้น กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ได้ปล่อยเงินกู้จำนวน 2.8 พันล้านยูโรให้แก่กรีซแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของยูโรกรุ๊ปได้อนุมัติเงินกู้ดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 ต.ค.
ทั้งนี้ ESM ได้ปล่อยเงินกู้ทั้งหมดจำนวน 1.735 แสนล้านยูโรแก่กรีซ จากโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินจำนวน 3 โครงการ ส่งผลให้ ESM เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของกรีซ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 30.06 จุด รับผลประกอบการโบอิ้ง,ข้อมูลศก.สหรัฐ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง อิงค์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,199.33 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด หรือ +0.17% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,250.27 จุด ลดลง 33.13 จุด หรือ -0.63% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.43 จุด ลดลง 3.73 จุด หรือ -0.17%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนหลังจากบริษัทโบอิ้งเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 34% ขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการและยอดการส่งมอบเครื่องบินตลอดปี 2559 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งปิดพุ่งขึ้น 4.7%
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 593,000 ยูนิต ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี
ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของภาคบริการสหรัฐประจำเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 54.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.3 ในเดือนก.ย. โดยเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี NASDAQ และดัชนี S&P 500 ต่างก็ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์ โดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดร่วงลง 2.25% หลังจากรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปีงบการเงิน 2559 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.ย.2559 ของแอปเปิลระบุว่า บริษัทมียอดขายไอโฟน จำนวน 45.5 ล้านเครื่อง ส่วนไอแพดมีจำนวน 9.27 ล้านเครื่อง และคอมพิวเตอร์แมคจำนวนราว 4.9 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลง 5% 6% และ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2558 ตามลำดับ
แอปเปิลยังระบุว่า บริษัทมีรายได้ 4.69 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิ 9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งลดลงจากระดับ 5.15 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์จากปีก่อน ตามลำดับ
หุ้นโคคา-โคล่า ปรับตัวลง 0.6% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไร 1.05 พันล้านดอลลาร์ หรือ 24 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.063 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.054 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นทวิตเตอร์ ขยับขึ้น 0.2% หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ อาจกลับมาให้ความสนใจที่จะเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์อีกครั้ง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดแคนซัส
อินโฟเควสท์