- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 31 July 2014 10:28
- Hits: 3196
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวอิงขาลง หลังตลาดฯระดับนี้สูง-ยังไร้ปัจจัยใหม่
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว อิงขาลง เนื่องจากคนมองกันว่าตลาดฯที่ระดับนี้ถือว่าสูงแล้วจึงได้มี profit taking ออกมา ขณะเดียวกันตลาดฯก็ยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามา และยังต้องรอปัจจัยในประเทศต่อไปด้วย อย่างเรื่องการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)จะต้องดูว่าจะออกมาอย่างไรบ้าง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ภายหลังจากที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ออกมาแล้วไม่ได้มีอะไรที่ Surprise ให้กับตลาดฯ ซึ่งออกมาเป็นไปตามคาด ทั้งลดขนาด QE และยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกอีกพัก ส่วนจีนก็ต้องรอดูว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะทำได้อย่างต่อเนื่องไหม
พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด แนวต้าน 1,525 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(30 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด(-0.19%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,970.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด (+0.01%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด (+0.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 86.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 73.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.05 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.34 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(30 ก.ค.)1,518.79 จุด ลดลง 1.76 จุด(-0.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,777.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ก.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(30 ก.ค.)ที่ 100.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(30 ก.ค.)ที่ 2.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.99/32.01 อ่อนค่าหลังเฟดลด QE-ตัวเลข GDP สหรัฐฯดีกว่าคาด
- "คลัง"เตรียมแพ็คเกจจัด"ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง-มรดก"เสนอ"คสช."หลังได้รับมอบหมายให้ศึกษาแผนจัดเก็บภาษี โครงสร้างภาษีใหม่กำหนดไว้ 3 อัตรา ระบุที่ดินว่างเปล่าไม่ใช้ประโยชน์มีโอกาสเก็บสูงถึง 2% ขณะที่ภาษีมรดกสามารถจัดเก็บได้เฉพาะที่จดทะเบียนในไทยเท่านั้น ย้ำแนวทางปฏิรูปภาษียึดกรอบ 3 แนวทาง หวังลดความเหลื่อมล้ำรายได้ เป็นธรรม และสร้างรายได้เข้ารัฐ ขณะที่ คสช. ยันต้องดำเนินการในยุคนี้ เชื่อผู้ได้รับผลกระทบมีไม่มาก
- สศค.ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ปีนี้ลงเหลือ 2% หรืออยู่ในกรอบ 1.5-2.5% ซึ่งลดจากประมาณการเดิม 2.6%
- ธปท.เผยสถานการณ์เอ็นพีแอลในระบบปรับตัวดีขึ้น พบปริมาณการเพิ่มขึ้นเอ็นพีแอลลดลงในไตรมาส 2 ของปีนี้ ยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นในระบบ 3.8 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกที่มียอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 1.41 หมื่นล้านบาท ห่วงธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหมวดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แม้สินเชื่อแผ่ว แต่หนี้โผล่เยอะ
- สศอ.ปรับเป้า GDP อุตสาหกรรมปีนี้ลดเหลือ 1-2% จากเดิมโต 2-3% ตามทิศทางเศรษฐกิจของไทยหลังครึ่งปีแรกดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI ลดลง 6.1% จากการบริโภคในประเทศชะลอตัวโดยเฉพาะรถยนต์หลังหมดโครงการรถคันแรก
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOG(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.10 บาท ราคาปิดเมื่อวานเริ่มมีความเสี่ยงขาลงจำกัด จากผลตอบแทนปันผลคาดหวัง 7-8% ต่อปี และ PE ปี 2557 ที่ 12 เท่า ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 16 เท่า ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 16% YoY จากการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 30% โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักร และทำให้อัตรากำไรดีขึ้น กอปรกับการขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศ (90% ฐานลูกค้า) จะสนับสนุนผลประกอบการปี 57-58 ให้เติบโตกว่าปีละ 24%
- THCOM(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 43 บาท คาดผลประกอบการ 2Q57 จะดีสุดในรอบสิบปีเติบโตโดดเด่นกว่า 117% YoY ที่ 414 ล้านบาท จากอัตราใช้งานเพิ่มขึ้นของไทยคม 5-6 และ IPSTAR, ตั้งแต่ 3Q57 คาดจะเซ็นสัญญาให้บริการ IPSTAR เพิ่มขึ้น, 4Q57 จะเริ่มรับรู้รายได้จากไทยคม 7 และผลักดันให้ผลประกอบการปี 57-58 เติบโตเฉลี่ยกว่าปีละ 33% ราคาหุ้นปัจจุบันตอบสนองเชิงลบมากเกินไปต่อกรณีตรวจสอบผู้ถือหุ้นต่างชาติ
- BH(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 140 บาท แม้ได้รับผลกระทบจากการเมืองในช่วง 2 เดือนแรกของ 2Q14 แต่คาดกำไรปกติเติบโต 10% Y-Y จากการคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นจุดแข็งของ BH มาโดยตลอด เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2014 เติบโต 11% และปี 2015 โตในอัตราเร่งมากขึ้น 19% และคาดจ่ายปันผลงวด 1H14 ที่ 0.90 บาท/หุ้น (Yield 0.8%)
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 25 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไปจากได้ประโยชน์โดยตรงเศรษฐกิจฟื้นใน 2H57 และเติบโตในอัตราเร่งในปี 2558 และ KTB ได้ประโยชน์โดยตรง หลังคสช.อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโต qoq จาก 2Q57 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะกลับเข้าสู่ระดับปกติใน 3Q57 อีกทั้งValuation อยู่ในระดับที่ยังค่อนข้างถูก และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี
ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ส่งสัญญาณว่าจะเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 149.78 จุด เมื่อเวลา 9.25 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,732.78 จุด เพิ่มขึ้น 86.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,179.54 จุด ลดลง 1.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,805.75 จุด เพิ่มขึ้น 73.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,436.04 จุด ลดลง 10.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,081.75 จุด ลดลง 0.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,353.70 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,881.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.34 จุด
ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติปรับลดขนาด QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด
หุ้นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป เพิ่มขึ้น 3.3% หลังบริษัททำกำไรได้สูงกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่หุ้นคาสิโอ คอมพิวเตอร์ พุ่ง 9% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรก ด้านหุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ หดตัวลง 2.1% หลังตัวเลขกำไรสุทธิต่ำกว่าที่คาดการณ์
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 34.31 จุด หลังสหรัฐ,อียูคว่ำบาตรรัสเซีย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐร่วมมือกับสหภาพยุโรปที่ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่อรัสเซียเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข้อกล่าวว่าที่ว่า รัฐบาลรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในภาคตะวันออกของยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 34.31 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 6,773.44 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน โดยมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่ธนาคารของรัฐบาลรัสเซีย 3 แห่งของรัสเซีย รวมทั้งอุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตอาวุธ
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของสหรัฐนั้น มีขึ้นหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) มีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายลงในยูเครน รวมถึงกรณีที่รัสเซียยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
หุ้นอันโตฟากัสตาร่วงลง 4.6% หลังจากระบุว่า บริษัทมีต้นทุนด้านเงินสดเพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปีนี้
หุ้นคอมแพส กรุ๊ป ลดลง 2.5% หลังจากบริษัทผู้ให้บริการด้านอาหารรายใหญ่ระบุว่า การแข็งค่าของเงินปอนด์อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังสหรัฐร่วมมืออียูคว่ำบาตรรัสเซีย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า สหรัฐได้เข้าร่วมกับสหภาพยุโรป (อียู) ในการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หลังจากมีข้อมูลระบุว่ารัสเซียมีส่วนในความไม่สงบที่เกิดขึ้นในยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 340.44 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,312.30 จุด ลดลง 53.28 จุด หรือ -1.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,593.68 จุด ลดลง 59.95 จุด หรือ -0.62% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,773.44 จุด ลดลง 34.31 จุด หรือ -0.50%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐและกลุ่มประเทศอียูประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน และข้อมูลที่ระบุว่ารัสเซียยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่ธนาคารของรัฐบาลรัสเซีย 3 แห่งของรัสเซีย รวมทั้งอุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตอาวุธ ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรของอียูครอบคลุมถึงการกีดกันไม่ให้รัสเซียสามารถเข้าถึงการระดมทุนจากธนาคารและเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งรวมถึงการห้ามไม่ให้ธนาคารของรัฐบาลรัสเซียทำการขายหุ้นหรือพันธบัตรในตลาดยุโรป
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 2 ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 4%
หุ้นชไนเดอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 1.5 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.54 พันล้านยูโร
หุ้นโททาล บริษัทน้ำมันชื่อดังของฝรั่งเศส ร่วงลง 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ลดลงสู่ระดับ 3.2 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 4.2% ขานรับรายได้สุทธิของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็น 161 ล้านปอนด์ ขณะที่หุ้นเปอร์โยต์ พุ่งขึ้น 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด อันเนื่องมาจากการลดต้นทุน
ส่วนหุ้นแอร์บัส ปรับตัวขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 พันล้านยูโร เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.61 พันล้านยูโร
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 31.75 จุด หลังเฟดเดินหน้าลด QE
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งล่าสุด และไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,970.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติปรับลดขนาดQE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรลดลงสู่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด
นักลงทุนมองว่า เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีขึ้นก็ตาม โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปีนี้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 4%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 218,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 238,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 281,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 230,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 6.1% ในเดือนก.ค.
หุ้นเจนเวิร์ธ ไฟแนนเชียล ร่วงลง 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนิงานในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 31 เซนต์ต่อหุ้น น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 36 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 20% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดสมาชิกลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 271 ล้านคน ซึ่งช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ก.ค.2557
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด -0.19%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด +0.45%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,970.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด +0.01%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,773.44 จุด ลดลง 34.31 จุด -0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,593.68 จุด ลดลง 59.95 จุด -0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,312.30 จุด ลดลง 53.28 จุด -1.22%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,447.02 จุด เพิ่มขึ้น 55.14 จุด +0.59%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,646.23 จุด เพิ่มขึ้น 28.16 จุด +0.18%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,082.61 จุด เพิ่มขึ้น 20.64 จุด +1.00%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,615.10 จุด เพิ่มขึ้น 34.50 จุด +0.62%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,622.90 จุด เพิ่มขึ้น 34.50 จุด +0.62%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,181.24 จุด ลดลง 1.95 จุด -0.09%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,867.59 จุด เพิ่มขึ้น 17.12 จุด +0.25%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,732.21 จุด เพิ่มขึ้น 91.68 จุด +0.37%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,878.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 จุด +0.05%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,353.65 จุด ลดลง 2.43 จุด -0.07%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,087.42 จุด เพิ่มขึ้น 96.19 จุด +0.37%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งล่าสุด และไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,970.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า สหรัฐได้เข้าร่วมกับสหภาพยุโรป (อียู) ในการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หลังจากมีข้อมูลระบุว่ารัสเซียมีส่วนในความไม่สงบที่เกิดขึ้นในยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 340.44 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,312.30 จุด ลดลง 53.28 จุด หรือ -1.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,593.68 จุด ลดลง 59.95 จุด หรือ -0.62% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,773.44 จุด ลดลง 34.31 จุด หรือ -0.50%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐร่วมมือกับสหภาพยุโรปที่ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่อรัสเซียเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข้อกล่าวว่าที่ว่า รัฐบาลรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในภาคตะวันออกของยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 34.31 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 6,773.44 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์พลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 100.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,296.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.4 เซนต์ ปิดที่ 20.597 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 2.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,481.9 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4% ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3392 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3410 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.6916 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6946 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.87 เยน จากระดับ 102.13 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9092 ฟรังค์ จากระดับ 0.9069 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9385 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 754.00 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด, +0.94%
อินโฟเควสท์