- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 17 October 2016 10:52
- Hits: 1906
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงหลังดีดขึ้นแรงวันศุกร์,ต่างชาติเริ่มขายทำกำไร-แรงซื้อในปท.แผ่ว
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง โดยมีโอกาสที่จะเผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้งแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศก็เริ่มชะลอตัวลง ขณะที่เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดทุน และตลาดอนุพันธ์
แม้ว่าปัจจัยในประเทศที่เคยกดดันตลาดฯในช่วงก่อนหน้านี้ได้มีความชัดเจนแล้ว แต่พฤติกรรมการบริโภคยังไม่กลับมา ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาพอควร ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป เพราะจะมีผลต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินบาท
พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,475 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,138.38 จุด เพิ่มขึ้น 39.44 จุด (+0.22%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,214.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.83 จุด (+0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,132.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด (+0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 15.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 68.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.54 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 8.93 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ต.ค.59) 1,477.61 จุด เพิ่มขึ้น 64.79 จุด (+4.59%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,581.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ต.ค.59) ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ต.ค.59) ที่ 5.66 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าเงินบาทเปิด 35.45 กลับมาอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง รับคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย
- ผู้ว่าการ ธปท.มั่นใจตลาดการเงินไทยให้ธุรกรรมเดินหน้าปกติ ย้ำไม่พบเก็งกำไรและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอความร่วมมือสถาบันการเงินช่วยสอดส่องและดูแลลูกค้าไม่ให้ธุรกรรมสะดุด
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว คาดว่าจะให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ พ.ย.นี้ และเริ่มประกาศใช้ปี 2561 เพื่อให้ลูกจ้างอายุ 15-60 ปี รวมกว่า 14.7 ล้านคน มีรายได้หลังเกษียณเพียงพอการดำรงชีพรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งเสริมการออมในประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.8 หมื่นล้านบาท
- ทล.จ่อชง ครม.อนุมัติสร้างโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช เพิ่มอีก 4 สัญญา วงเงิน 5,903 ล้านบาท ภายใน ต.ค.นี้ มั่นใจปี 63 เปิดใช้บริการได้ทั้งเส้นทาง
- "น้ำอัดลม"ดอดขึ้นราคาพรวด 2 บาท ทั้งแบบขวดแก้วและกระป๋อง หลังจากชะลอเอาไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ด้านกรมเจ้าท่าประกาศโครงสร้างใหม่ อัตราโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา คลองแสนแสบ เรือข้ามฟากให้ปรับขึ้น-ลงตามราคาน้ำมัน เริ่มมีผล 16 ต.ค.2559
- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 36/2559 ในวันที่ 17 ต.ค.59 นี้จะพิจารณาแนวทางปฏิบัติการขอพักหรือหยุดการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ (Mux) เนื่องจากผิดสัญญาเช่าใช้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 618 บาท คาดกำไรอ่อนตัวลงเล็กน้อยใน Q3/59 จากกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แต่ปิโตรยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจาก spread สูง การขยายกำลังการผลิตในอินโดฯ พร้อมมองแนวโน้มช่วงปลายปีอ่อนตัวลง แม้ได้การเติบโตจากภาครัฐ แต่การ COD โรงปูนในพม่าช่วงแรกและการหยุดซ่อมบำรุงโรงปิโตรเคมี ROC จะกดงบอ่อนตัวลง และอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกผู้ร่วมลงทุนในปิโตรเวียดนามภายในสิ้นปี
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"คาดกำไรสุทธิ Q3/59 +114.5% Q-Q, +55.8% Y-Y เป็น 28 ล้านบาทจาก High season และมีโรคระบาดในเด็ก แนวโน้มกำไรยังแกร่งใน Q4/59 จากฤดูฝนยาวนานกว่าปกติ รายได้น่าจะดีกว่าคาดและต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้ปรับกำไรสุทธิขึ้น +13% เป็น +68% Y-Y ในปี 59 และ +20% Y-Y ในปี 60 สูงสุดในกลุ่มคาดโตเฉลี่ย 10% ปีนี้และ 13% ปีหน้า ปรับราคาพื้นฐานปีหน้า 60 ขึ้นเป็น 8 บาทจาก 7 บาท (DCF) ให้เป็น Top pick ของกลุ่ม
- CPF (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลงานสูงสุดช่วง Q3/59 เนื่องจากราคาไก่ที่อยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการนำเข้าไก่จากญี่ปุ่น และผลกระทบของการห้ามนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 58 จากโรคระบาดไข้หวัดนก ธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัว และ ต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ในระดับต่ำ
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 138.25 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,871.84 จุด เพิ่มขึ้น 15.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,064.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,164.54 จุด ลดลง 68.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,150.67 จุด ลดลง 14.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,028.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,811.42 จุด ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,378.76 จุด ลดลง 10.54 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,390.96 จุด ลดลง 8.93 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ราคาพลังงาน และอาหารปรับตัวขึ้น ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหาร พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำหรับ ในช่วง 9 เดือนแรก ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 35.81 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปและสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.81 จุด หรือ 0.51% ที่ระดับ 7,013.55 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน หลังหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งนำโดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และหุ้นบาร์เคลย์สที่ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 1.7% ท่ามกลางการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นธนาคารในยุโรปและสหรัฐ
หุ้นบีเอชพี บิลลิตันเพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับราคาหน้าโรงงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
หุ้นเทสโก้เพิ่มขึ้น 4.4% หลังมีรายงานว่า บริษัทสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งกับบริษัทยูนิลีเวอร์ได้แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 39.44 จุด ขานรับ “เยลเลน หนุนกระตุ้นศก.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.) หลังจากนักลงทุนได้ซัมซับคำพูดของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของภาคเอกชนที่สดใส
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39.44 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 18,138.38 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.43 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,132.98 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.83 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 5,214.16 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนางเยลเลนระบุว่า เฟดอาจจะใช้นโยบาย “เศรษฐกิจแรงกดดันสูง" เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากวิกฤตที่กดดันผลผลิต แรงงานที่ทำอาชีพเสริม และความเสี่ยงได้กลายมาเป็นแผลเป็นอย่างถาวร
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่านางเยลเลนจะไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายในทันทีโดยตรง แต่ก็ได้บ่งชี้ถึงความวิตกกังวลในเชิงลึกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวและอาจจะมีการใช้นโยบายในเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีผลต่อการซื้อขายของตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ราคาพลังงาน และอาหารปรับตัวขึ้น เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ในช่วง 9 เดือนแรก ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน และยอดซื้อรถยนต์ หุ้นซิตี้แบงก์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.29% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ลดลง 0.32% ถึงแม้ว่าธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม
อินโฟเควสท์