- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 10 October 2016 10:31
- Hits: 1513
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงขาลง หวั่นบาทอ่อนค่าจะกระตุ้นให้เกิดแรงขายของต่างชาติ-ราคาน้ำมันลง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway down เนื่อจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง เป็นการกระตุ้นให้เกิดแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ได้เริ่มเห็นต่างชาติขายสุทธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสักหนึ่งครั้งในปีนี้ แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯจะออกมาแย่กว่าที่คาดไว้
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการโต้วาทีของสหรัฐฯในรอบที่ 2 และติดตามการกลับมาเทรดของตลาดหุ้นไทยจีนหลังจากที่ได้ปิดทำการระยะยาว ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นจีนได้เปิดในแดนบวก
พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515-1,520 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,240.49 จุด ลดลง 28.01 จุด (-0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,292.40 จุด ลดลง 14.45 จุด (-0.27%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,153.74 จุด ลดลง 7.03 จุด (-0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 6.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 5.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.10 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเพื่อสุขภาพและการกีฬา, ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลชงโหย่ง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ต.ค.59) 1,504.34 จุด ลดลง 9.52 จุด (-0.63%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 587.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ต.ค.59) ปิดที่ 49.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 63 เซนต์ หรือ 1.25%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ต.ค.59) ที่ 5.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.04 จากเปิด 34.91/93 แนวโน้มอ่อนค่าต่อ
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการนำคณะเดินทางไปเชิญชวนนักลงทุนใน 2 ประเทศจากยุโรปคือ ฝรั่งเศสและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีระหว่างวันที่ 5-8 ต.ค.ที่ผ่านมา มั่นใจว่าจะสามารถดึงการลงทุนจากยุโรปได้มากขึ้น โดยเฉพาะกรณีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้มีการเจรจาเป็นรายบริษัทนั้น แม้บางแห่งยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกประเทศที่จะไปลงทุน แต่มั่นใจว่าทุกแห่งจะเลือกประเทศไทย โดยเฉพาะหลังจากที่ได้นำเสนอพื้นที่การลงทุนที่ไทยกำลังพัฒนา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูงคือ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
- นายกฯเปิดประชุมเวทีธุรกิจ 'เอซีดี' แนะสมาชิกเอเชียปรับใช้ 'ฟินเทค' ลดใช้เงินสด 'บิ๊กตู่-ฮุน เซน'พร้อมนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์เชื่อม 2 ปท.
- เอชเอสบีซีระบุแม้มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่อาจล่าช้า และเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง คงเป้าหมายจีดีพีเติบโตปีนี้และปีหน้าที่ระดับ 2.8% คาด กนง.ลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในไตรมาส 4 ดันเศรษฐกิจ
- "สุทธิพล ทวีชัยการ" เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ คปภ.จะลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับสมาคมธนาคารไทย โดยขอให้ธนาคารสมาชิกทำประกันภัยความเสี่ยงจากภัยธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ไซเบอร์ริสค์) สำหรับให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการโจรกรรมข้อมูลและภัยรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตแบงก์ โมบายแบงก์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ตู้เอทีเอ็ม รวมถึงช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับธนาคารพาณิชย์สำหรับป้องกัน กลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ ด้วย
- กฟผ.เผยโรงไฟฟ้ากระบี่ ผ่านไตรภาคีเดือน ต.ค. นี้ พร้อมชงนายกฯ กำหนดแผนดำเนินการต่อ โต้กลุ่มคัดค้านจะทำการจ่ายไฟล่าช้า โดยไร้เงามารับผิดชอบ
- รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานสำรวจดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) ได้สำรวจราคาสินค้าอาหารบริโภค ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.ก.ย.) พบว่า ประชาชนต้องบริโภคอาหารในราคาที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหารไปทำกินเองที่บ้าน เนื่องจากวัตถุดิบในการปรุงอาหารมีราคาปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การออกไปบริโภคอาหารนอกบ้าน ตามร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือตามร้านค้าทั่วไป ทั้งในตลาดและริมถนน ก็มีราคาแพงขึ้นเช่นกัน เพราะพ่อค้าแม่ค้าต่างปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 23 บาท ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เข้าใกล้ high season หนุนความต้องการ พร้อมมองแนวโน้มกำไรเริ่มฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดจากราคาถ่านหินที่พุ่งแรงระหว่างไตรมาส คาดกำไร Q3/59 เติบโต ส่วน Q4/59 ดีต่อเนื่อง และได้ประโยชน์ราคาถ่านหินเต็มปีในปีหน้า ดันกำไรทั้งปีเติบโตก้าวกระโดด แนะจับตาการกำหนดราคาล่วงหน้าของโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นช่วงต้น Q4/59
- EGCO (ไอร่า) เป้า 216 บาท แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากปี 59-63 จากการเปิดดำเนินงานโรงไฟฟ้าใหม่ โดย EGCO มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 7 โครงการ นอกจากนี้ยังมีโครงการสำคัญอีก 2 โครงการคือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพทีอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้าใหม่ และโครงการเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Storage) ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
- KCE (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 125 บาท โดย Consensus คาดกำไรปี 59 ก้าวกระโดดเป็น 2.8 พันล้านบาท (+24%YoY) จากการเปิดใช้โรงงานใหม่เฟส 2 ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและสามารถผลิตสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วน PCB ในอุตฯยานยนต์มีการเติบโตและ Demand สูง เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ระบบ Electronic ซึง KCE มีลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ราว 70% นอกจากนี้ ลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงเครื่องโรงงานเฟส 3 และเดินเครื่องในช่วง 1Q60 ช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิของบริษัท
- TRC (เคจีไอ)เป้า Consensus 1.49 บาท ประเด็นเรื่องการลงทุนและการได้รับงานก่อสร้างเหมืองแร่โปแตซ รอปลดล๊อกจากการเพิ่มทุนใน บมจ.อาเซียนโปแตชชัยภูมิ (APOT) โดยกระทรวงการคลังฯ (หรือรัฐวิสาหกิจ) เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไม่ให้ต่ำกว่า 20% ซึ่งจะเป็นเงื่อนไข ที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ สำหรับการลงทุนก่อสร้างเหมืองแร่ฯ คาดจะปลดล๊อกได้ในไตรมาส 4/59 (มูลค่าโครงการก่อสร้างเหมืองแร่ฯราว ?3 หมื่นล้านบาท) ส่วนราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มรับงานโครงสร้าง Oil&Gas
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังนักลงทุนหวั่นเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย. ไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,047.19 จุด ลดลง 6.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,869.85 จุด ลดลง 5.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,665.28 จุด ลดลง 0.10 จุด
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเพื่อสุขภาพและการกีฬา ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลชงโหย่ง และตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 44.43 จุด รับอานิสงส์ปอนด์ทรุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มโลหะ เหมืองแร่ และพลังงาน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าลงอย่างหนักของสกุลเงินปอนด์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทส่งออกของอังกฤษทำกำไรได้มากขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,044.39 จุด เพิ่มขึ้น 44.43 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นในวันนี้ รับอานิสงส์เงินปอนด์ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ โดยปอนด์อ่อนค่าทรุดตัวลง 6% แตะระดับ 1.1819 ดอลลาร์ในระหว่างการซื้อขายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ หุ้นเกลนคอร์พุ่งขึ้น 4.27% หุ้นเฟรสนิลโลเพิ่มขึ้น 3.16% ขณะที่หุ้นดิกซอนส์ คาร์โฟนลดลง 5.98%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.93% ปิดที่ 339.64 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,449.91 จุด ลดลง 30.19 จุด หรือ -0.67% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,490.86 จุด ลดลง 77.94 จุด หรือ -0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,044.39 จุด เพิ่มขึ้น 44.43 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานสหรัฐเดือนก.ย. ไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
นางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐถึงแม้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังคงถือว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"นี่เป็นรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับที่เราคาดไว้" นางเมสเตอร์กล่าว
"จำไว้ว่าตัวเลขการเพิ่มขึ้น 75,000-120,000 ตำแหน่งเป็นตัวเลขที่เราต้องการเพื่อทำให้อัตราว่างงานมีเสถียรภาพ" เขากล่าว โดยระบุว่าตัวเลขการจ้างงานเฉลี่ยรอบ 3 เดือนในปีนี้ยังคงสูงถึง 192,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังกล่าวว่า การประชุมของเฟดในครั้งต่อไปในวันที่ 1-2 พ.ย. จะไม่ได้รับผลกระทบจากการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
ส่วนนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ย.ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ
นายฟิสเชอร์กล่าวว่า ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่ก็สอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของการว่างงาน โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
หุ้น Delta Lloyd NV ซึ่งเป็นบริษัทประกันในเนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการโดย NN Group NV ในราคา 2.4 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หุ้น E.ON SE ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภคในเยอรมนี เพิ่มขึ้น 3.1% หลังจากมีข่าวว่า Cevian Capital AB กำลังพิจารณาซื้อหุ้นบริษัท 10%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 28.01 จุด เหตุวิตกเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย. ไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,240.49 จุด ลดลง 28.01 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,292.40 จุด ลดลง 14.45 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,153.74 จุด ลดลง 7.03 จุด หรือ -0.33%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ หลังจากนางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐถึงแม้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังคงถือว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"นี่เป็นรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับที่เราคาดไว้" นางเมสเตอร์กล่าว
"จำไว้ว่าตัวเลขการเพิ่มขึ้น 75,000-120,000 ตำแหน่งเป็นตัวเลขที่เราต้องการเพื่อทำให้อัตราว่างงานมีเสถียรภาพ" เขากล่าว โดยระบุว่าตัวเลขการจ้างงานเฉลี่ยรอบ 3 เดือนในปีนี้ยังคงสูงถึง 192,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังกล่าวว่า การประชุมของเฟดในครั้งต่อไปในวันที่ 1-2 พ.ย. จะไม่ได้รับผลกระทบจากการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
ส่วนนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ย.ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ
นายฟิสเชอร์ กล่าวว่า ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่ก็สอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของการว่างงาน โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 252,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟด ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 62.9% เทียบกับ 62.8% ในเดือนส.ค.
หุ้นเฮเลนออฟทรอยร่วง 7.1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายปีนี้ หุ้นแก็ป อิงค์ พุ่ง 15% หลังจากเผยบริษัททำกำไรสูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า หุ้นซีไอที กรุ๊ป บวก 15% หลังจากบริษัทขายธุรกิจให้เช่าเครื่องบินพาณิชย์ในราคา 1 หมื่นล้านดอลลาร์
อินโฟเควสท์