WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET5 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตปท.หลังกังวลปัญหาดอยซ์แบงก์,ยังไม่แน่ใจข้อตกลงโอเปกจะลดการผลิต

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ติดลบกันทั่วหน้า ตามดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา นำโดยหุ้นในกลุ่มแบงก์ อันเป็นผลจากความกังวลเรื่องการแก้ไขปัญหาของ"ดอยซ์แบงก์" ที่นักลงทุนยังมองไม่เห็นภาพว่ารัฐบาลเยอรมนีจะให้การช่วยเหลืออย่างไร จากที่"ดอยซ์แบงก์"จะต้องจ่ายค่าปรับให้กับสหรัฐฯถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

      นอกจากนี้ตลาดก็ยังไม่แน่ใจว่าข้อสรุปของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการจะลดกำลังการผลิตน้ำมันนั้น ทางประเทศในกลุ่มจะปฏิบัติตามได้จริงหรือไม่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีการย่อตัวลง โดยราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สเริ่มปรับฐานเช้านี้ แม้ว่าเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,143.45 จุด ร่วงลง 195.79 จุด (-1.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,269.15 จุด ลดลง 49.40 จุด (-0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,151.13 จุด ลดลง 20.24 จุด (-0.93%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 219.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 304.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 30.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 14.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 26.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.41 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 5.09 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.ย.59) 1,491.43 จุด เพิ่มขึ้น 11.85 จุด (+0.80%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,309.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.ย.59) ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.7%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ย.59) ที่ 7.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.69/71 อ่อนค่า หลัง GDP Q2/59 สหรัฐฯดีกว่าคาด หนุนดอลล์แข็ง

                - "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้ฝ่ายบริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)  เร่งลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 995 กิโลเมตร (กม.) โดยใน 3 เส้นทางให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

                - นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มี แนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายดีขึ้น โดยเฉพาะกำลังซื้อในระดับกลาง-บน ที่ไม่ได้ รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำสุด จึงคาดว่าการซื้อขายบ้านในปลายปีจะมีความคึกคักยิ่งขึ้น

                - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.เร่งศึกษาตั้งกองทุนคนชราตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินจากการเก็บภาษีบาป จ่ายโดยตรงให้กับกองทุนคนชราที่จะตั้งขึ้น แต่ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะจัดส่งให้อัตราเท่าไหร่ เพราะต้องดูความต้องการใช้เงินอีกครั้ง

                - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,206 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 19-27 ก.ย. 2559 ว่า เทศกาลกินเจปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดรวม 4.39 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.2% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2557 ที่มีการขยายตัวต่ำกว่า 3% สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวดีขึ้น

                - โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 มีแนวโน้มหนุนให้ราคาน้ำมันในระยะสั้นปรับตัวขึ้นราว 7-10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่คาดว่าปริมาณน้ำมันจะยังคงล้นตลาดอยู่

                - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. 2559 ขยายตัวได้ดี โดยได้รับแรงหนุนส่งจากการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก 6.5% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวเป็นบวก สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวสูงมาก 8.7%

*หุ้นเด่นวันนี้

                - FSMART (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 20 บาท คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q59 ยังคงทำ New High ต่อเนื่อง ที่ 102 ล้านบาท (+7.5% QoQ, +44.8% YoY) และคาด FSMART จะทำ New High อย่างต่อเนื่องไปอีกประมาณ 5-6 ไตรมาส โดยมองจำนวนตู้เติบโตได้ดีรวมทั้งหมดที่ประมาณ 85,000 ตู้ ใกล้เคียงกับเป้าทั้งปีที่ 90,000 ตู้, จำนวนธุรกรรมเฉลี่ยยังปรับตัวขึ้นมาเป็น 1.8 ล้านรายการต่อวัน และ ARPU ยังไม่ลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 27,000-28,000 บาท/ตู้/เดือน และแม้คู่แข่งจะมีการรุกตลาดอย่าง aggressive แต่ด้วยวิธีการดำเนินธุรกิจที่ต่างกัน มอง FSMART ยังคงสามารถเดินหน้าต่อได้

                - SMT (โกลเบล็ก) เป้า Consensus 6.9  บาท คาดปี 2559 Turnaround พลิกมีกำไรราว 200 ล้านบาท จากสินค้า Value added (margin สูง) โดยเฉพาะ IC Packaging  / Wafer dicing ที่เติบโตสูงมาก แม้ว่าสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะมียอดขายลดลงแต่เป็นสินค้าที่ margin ต่ำ อีกทั้งเตรียมเซ็นเป็นตัวแทนขาย Solar Panel ให้บ.ในอเมริกา โดยโรงงานผลิต Solar Panel Generation 3 กำลังการผลิต 40 MW คาดว่าจะเสร็จเดือนต.ค. และเริ่มเดิมเครื่องในเดือนพ.ย. ซึ่งจะรับรู้รายได้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า (ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายขยายได้ถึง 200 MW) และบริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปี 2560 อีก 30-40% ในกลุ่มสินค้าประเภท high margin เช่น IC Packaging / Wafer dicing

                - BDMS (ซื้อลงทุน)เป้าปีหน้า 26 บาท การซื้อที่ดินและอาคารพื้นที่ 15 ไร่บริเวณปาร์คนายเลิศ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจร BDMS Wellness clinic ด้วยเงินลงทุน 1.28 หมื่นล้านบาท เจาะลูกค้าระดับบนโดยเฉพาะต่างชาติซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วน 75-80% จะช่วนหนุนการเติบโตในระยะยาวและช่วยดึง margin ให้สูงขึ้น ขณะที่เงินลงทุน 1.28 หมื่นล้านบาทถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับที่ดิน 1.08 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1.8 ล้านบาท/ตร.ว ถูกว่าที่ดินใกล้เคียงที่ SC ซื้อก่อนหน้านี้ในราคา 1.9 ล้านบาท/ตร.ว. ยังไม่รวมสิ่งลูกสร้างบนพื้นที่ ขณะที่ทำเลที่ตั้งถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง ผู้บริหารคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 3 ปี ทำให้ประเมินว่าโครงการดังกล่าวจะเพิ่มมูลค่าให้ 0.7-1.0 บาท/หุ้น แต่ผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะถูกกดดันจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มจากการออกหุ้นกู้ และค่าเสื่อมราคาของอาคาร คาดกระทบประมาณการกำไร 5-7%

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกสถานการณ์ดอยซ์แบงก์-เวลส์ ฟาร์โก

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ หลังนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยซ์ แบงก์ และข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในธนาคารเวลส์ ฟาร์โก

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.9% สู่ระดับ 140.05 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,474.45 จุด ลดลง 219.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,994.25 จุด ลดลง 4.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,435.29 จุด ลดลง 304.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,240.44 จุด ลดลง 30.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,054.25 จุด ลดลง 14.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,859.70 จุด ลดลง 26.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.23 จุด ลดลง 2.41 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,709.77 จุด ลดลง 5.09 จุด

    นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของดอยซ์ แบงก์ นับตั้งแต่ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นวงเงินสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)

     ขณะที่ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก กำลังเผชิญวิกฤตด้านความน่าเชื่อถือ หลังจากพนักงานของธนาคารได้เปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี เพื่อจะเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจอห์น สตัมฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โก ได้ถูกคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทำการสอบสวนรอบใหม่ พร้อมกับกดดันให้เวลส์ ฟาร์โก รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้มีรายงานว่า หน่วยงานด้านการคลังของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ประกาศระงับการลงทุนในหลักทรัพย์และผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆของเวลส์ ฟาร์โก

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 70.04 จุด ขานรับราคาน้ำมันฟื้นตัว

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

       ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 70.04 จุด หรือ 1.02% แตะที่ 6,919.42 จุด

     หุ้นกลุ่มพลังงานหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพีต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 4.5% ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากโอเปกมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน

     นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปกยืนยันว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.

     อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินนำโดยหุ้นอีซีเจ็ทและหุ้นไอเอจีต่างก็ปรับตัวลดลง เนื่องจากมติของโอเปกส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังมติโอเปกหนุนหุ้นพลังงานพุ่ง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่แอลจีเรีย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดอ่อนแรงลง ซึ่งส่งผลให้แรงบวกในตลาดหุ้นยุโรปถูกสกัดลงด้วย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.04% ปิดที่ 342.72 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,443.84 จุด เพิ่มขึ้น 11.39 จุด หรือ +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,405.54 จุด ลดลง 32.80 จุด หรือ -0.31% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,919.42 จุด เพิ่มขึ้น 70.04 จุด, +1.02%

     ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นขานรับกลุ่มโอเปกที่บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.

     ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับมติของโอเปก โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 9.8% หุ้นโททาล ดีดขึ้น 4.2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 6.7%

     อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของดอยซ์ แบงก์ ได้สกัดแรงบวกในตลาด และได้ฉุดตลาดหุ้นเยอรมนีปิดอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเยอรมนียังได้รับแรงกดดันจากหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ที่ร่วงลง 3.1% หลังจากธนาคารประกาศปรับลดพนักงาน 9,600 คน และระงับการจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างองค์กร

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 195.79 จุด วิตกสถานการณ์ดอยซ์แบงก์

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยซ์ แบงก์ และข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,143.45 จุด ร่วงลง 195.79 จุด หรือ -1.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,269.15 จุด ลดลง 49.40 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,151.13 จุด ลดลง 20.24 จุด หรือ -0.93%

       นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของดอยซ์ แบงก์ นับตั้งแต่ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นวงเงินสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)

    ขณะที่ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก กำลังเผชิญวิกฤตด้านความน่าเชื่อถือ หลังจากพนักงานของธนาคารได้เปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี เพื่อจะเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจอห์น สตัมฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โก ได้ถูกคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทำการสอบสวนรอบใหม่ พร้อมกับกดดันให้เวลส์ ฟาร์โก รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้มีรายงานว่า หน่วยงานด้านการคลังของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ประกาศระงับการลงทุนในหลักทรัพย์และผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆของเวลส์ ฟาร์โก

      ทั้งนี้ หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วงลง 6.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.1% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.28% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลง 1.5%

    หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง หลังจากมีรายงานว่า วุฒิสมาชิกของสหรัฐได้เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการสอบสวนบริษัทมายแลน อิงค์ (Mylan Inc.) ในกรณีที่ทางบริษัทได้กำหนดราคายา "EpiPen" ที่ใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง ในอัตราที่สูงเกินไป ทั้งนี้ หุ้นมายแลน ร่วงลง 4.4% หุ้นเมอร์ก แอนด์ โค ดิ่งลง 2.2% และหุ้นแอมเจน ร่วงลง 2.5%

      ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นทรานส์โอเชียน ดีดตัวขึ้น 4.8% แต่หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ดิ่งลง 6% และหุ้นเทโซโร คอร์ป ร่วงลง 6.1%

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลตตา ต่างก็ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!