WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET27ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์หลังยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ต้องจับตาหลายปัจจัยใน-นอกปท.

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เป็นไปได้ทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย อาจคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแนดบวก-ลบเล็กน้อยอย่างไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา

       ขณะที่ยังต้องรอดูการเลือกตั้งของสหรัฐฯ, รอดูการ preview งบฯของกลุ่มแบงก์, อาจมีการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้ ส่วนราคาน้ำมันมีการีบาวด์เล็กน้อยซึ่งก็อาจแค่ช่วย Support ให้กลุ่มพลังงานไม่ปรับตัวลง เนื่องจากจะเห็นได้ว่าเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มขาย และเงินบาทก็เริ่มอ่อนค่าลงด้วย โดยเช้านี้เงินบาทก็ยังอ่อนค่าลงเล็กน้อย

      อย่างไรก็ดี ในช่วงเปิดตลาดฯดัชนีฯอาจรีบาวด์ได้เล็กน้อย เพราะตัวเลขส่งออกของไทยออกมาดีทำให้อาจมาช่วยหนุนตลาดฯได้ พร้อมให้แนวรับ 1,485 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,094.83 จุด ร่วงลง 166.62 จุด (-0.91%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,257.49 จุด ลดลง 48.26 จุด (-0.91%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,146.10 จุด ลดลง 18.59 จุด (-0.86%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 153.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 5.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 38.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 9.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.19 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 5.46 จุด

      ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นเมกี

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ย.59) 1,490.14 จุด ลดลง 2.74 จุด (-0.18%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 544.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ย.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.ย.59) ปิดที่ 45.93 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.45 ดอลาร์ หรือ 3.3%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ย.59) ที่ 7.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.61/63 แนวโน้มแข็งค่าต่อ ตลาดจับตาดีเบต"ฮิลลารี-ทรัมป์"นัดแรก

                - "สุวิทย์"ยันส่งออกทั้งปีติดลบไม่เกิน 1% เรียกเอกชนปั๊มยอด หลัง ส.ค.ยอดบวก 6.5% ในรอบ 5 เดือน โดย"สุวิทย์ เมษินทรีย์" รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การผลักดันส่งออกในระยะ 4 เดือนที่เหลือนั้น ในสัปดาห์นี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ จะเชิญภาคเอกชนรายใหญ่ในกลุ่มส่งออกสำคัญของไทย เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร อัญมณี และอิเล็กทรอนิกส์ มาหารือว่าจะสามารถผลักดันการส่งออกเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไร

                - แบงก์ชาติระบุไม่ได้ห่วงต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรสินทรัพย์ในไทย แต่ห่วงคนไทยไม่เข้าใจความเสี่ยงและหันไปลงทุน รูปแบบใหม่ๆ กนง.ให้ติดตามพฤติกรรมลงทุนของกองทุนรวมและการแข่งขันของสถาบันการเงิน ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์นำเงินลงทุนในหุ้นเติบโตถึง 40%

                - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปข้อมูลสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559 มีเงินให้สินเชื่อสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.6 พันล้านบาท จากเดือนก่อน สู่ระดับ 10.425 ล้านล้านบาท โดยการขยับขึ้นของสินเชื่อกระจายในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ นำโดยสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของยอดที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2559 แม้ว่าการทยอยชำระคืนสินเชื่อภาครัฐอย่างต่อเนื่องยังคงกดดันภาพการเติบโตของสินเชื่อโดยรวม อย่างไรก็ดี ตัวเลขภาพรวมสินเชื่อทั้งระบบเติบโตชะลอลงมาที่ระดับ 1.85% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ -0.43% เทียบกับสิ้นปีก่อน (YTD) เนื่องจากผลของฐานเปรียบเทียบที่สูงในปีก่อน

                - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์การรับบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ทั้ง SET และ mai เน้นพัฒนาคุณภาพของหลักทรัพย์และเสริมสภาพคล่องการซื้อขาย ให้ตลาดทุนไทยเติบโตบนรากฐานที่แข็งแกร่ง เริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.2560 และกำหนดพาร์ขั้นต่ำ 0.5 บาท เริ่ม 1 ต.ค.2559 พร้อมศึกษาการ ส่งเสริม ธุรกิจขนาดเล็กให้เข้าถึงแหล่งระดมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจง่ายขึ้น

                - "ธีรัชย์ อัตนวานิช" รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ก.ค. 2559 อยู่ที่ 5.95 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.89% ของจีดีพี  เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 4.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.87 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท และกู้เงินเพื่อลงทุน 5,770 ล้านบาท ชำระหนี้กู้โดยตรง 2.22 หมื่นล้านบาท ชำระหนี้ชดเชยความเสียหายกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 9,900 ล้านบาท

                - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการกันค่าเผื่อความเสียหายของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รับฝากเงิน (ธนาคารรัฐ) เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีการกันค่าเผื่อความเสียหายรวมเพิ่มขึ้นถึง 3.68 หมื่นล้านบาท หรือ 9.84% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จาก 3.74 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 4.11 แสนล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

                - ADVANC (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 210 บาท  คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 จะลดลง 28% yoy และ 36% qoq อยู่ที่ 8,616 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายจากการตัดจำหน่ายคลื่นความถี่ 900 MHz เต็มไตรมาสและค่าใช้จ่าย Handset subsidies อย่างไรก็ตาม มองว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก และจะฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2560

                - JWD (ยูโอบี เคย์เฮียน) "เก็งกำไร"ระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง รวมทั้งตัวเลขการส่งออกที่จะประกาศวันนี้ (คาดว่าจะฟื้นตัวเทียบกับเดือน ก.ค.) ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสสามคาดว่าจะฟื้นตัวเทียบกับไตรมาส 2/59  นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการร่วมทุนงานขนส่งทางอากาศ และซื้อธุรกิจห้องเย็นที่มาเลเซีย มูลค่า 2 พันล้านบาท

                - SYNTEC (โกลเบล็ก) เป้า 4.09 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 59 สู่ระดับ 649 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของปี 59 จะอยู่ที่ 15% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นในอดีตที่ระดับ 12% และคาดว่าปลายปีมูลค่างานในมือ (Backlog) จะถึงระดับ 2 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ 3 ปี (Backlog ปัจจุบัน 1.4 หมื่นล้าน และคาดว่าจะได้งานใหม่ 6 พันล้านบาท)

                - TPCH (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้าพื้นฐาน 22 บาท ประเมินแนวโน้มกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง 3-5 ไตรมาสติด จากการทยอย COD โรงไฟฟ้าชีวมวลที่มี PPA แล้วตามแผน  และมี Catalyst ที่รออยู่คือการเปลี่ยนสัญญา LOI เป็น PPA (20MW ที่ จ.ปัตตานี) ด้านเทคนิครูปแบบราคาเริ่มเกิดสัญญาณซื้อต่อเนื่องหลัง Breakout กรอบ Sideway และทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแบบ EMA ที่ 17.4 ขึ้นมาได้ ล่าสุดกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 3-15 วัน เริ่มตัดขึ้น (Golden Cross) ราคาหุ้นวานนี้ปิดทดสอบแนวต้านที่ประเมินไว้ที่ 18.3 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 19 บาท (กรณีไม่ผ่าน 18.3 บาท แนะนำ ซื้อแนวรับ" 17.8 บาท

     - BA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 34.25 บาท ช่วง 2H59 คาดกำไรโตเด่น YoY จากการท่องเที่ยวเกาะสมุยที่สดใสและต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หนุนให้คาดปี 59 กำไรปกติยังโตเด่น 20.1%YoY และโตต่อปีละ 27.1% ในปี 60-61 จากการปรับปรุงสนามบินสมุยและเพิ่มฝูงบิน และมี Upside 36% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 4.3%

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ขณะจับตาดีเบต ฮิลลารี-ทรัมป์

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายและจับตาดูการโต้วาทีครั้งแรกระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจชี้ชะตาผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.4% สู่ระดับ 140.27 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,390.91 จุด ลดลง 153.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,974.59 จุด ลดลง 5.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,356.03 จุด เพิ่มขึ้น 38.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,037.32 จุด ลดลง 9.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,833.04 จุด ลดลง 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,665.31 จุด ลดลง 4.19 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,627.00 จุด ลดลง 5.46 จุด ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นเมกี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 91.39 จุด หลังหุ้นพลังงานร่วง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์นี้

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 91.39 จุด หรือ 1.32% แตะที่ 6,818.04 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยหุ้นบีพีและหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ที่ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 1.4% ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและรัสเซียที่มีกำหนดจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

      ผลสำรวจล่าสุดของ CNBC Oil Survey พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการประชุมดังกล่าวจะส่งผลให้ที่ประชุมบรรลุข้อตกลงจำกัดการผลิตน้ำมัน แต่ถ้าหากที่ประชุมสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเป็นอย่างมาก

     ทั้งนี้ ผู้ถูกสำรวจ 65% ไม่คาดว่าจะมีการทำข้อตกลงในการประชุมดังกล่าว ขณะที่ 52% ระบุว่า หากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันสามารถบรรลุข้อตกลงตรึงกำลังการผลิต ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาน้ำมัน

      หุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเท็ล กรุ๊ป ร่วงลง 4.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกนสแตนลีย์ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง เหตุตลาดวิตกข่าว ดอยซ์แบงก์

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลงกว่า 2% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์ หลังจากมีข่าวว่า รัฐบาลเยอรมนีเมินให้ความช่วยเหลือธนาคารรายใหญ่แห่งนี้

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 340.00 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,407.85 จุด ลดลง 80.84 จุด หรือ -1.80% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,393.71 จุด ร่วงลง 233.26 จุด หรือ -2.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,818.04 จุด ลดลง 91.39 จุด หรือ -1.32%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี หลังจากมีข่าวว่า นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมินให้ความช่วยเหลือต่อดอยซ์แบงก์ อันเนื่องมาจากการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008

     ทางด้านดอยซ์แบงก์เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะยุติคดีความทางแพ่งด้วยการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมระบุว่า ดอยซ์แบงก์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับสหรัฐ และคาดหวังว่าผลของการเจรจาจะนำไปสู่การชำระเงินในจำนวนที่ไม่ต่างจากที่สถาบันการเงินอื่นๆได้ชำระตามที่ถูกเรียกร้อง

    ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นดอยช์แบงก์ ร่วงลง 7.5% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.55 ยูโร

    ส่วนหุ้นธนาคารรายอื่นๆนั้น หุ้นยูนิเครดิต ร่วงลง 3.6% หลังจากมีรายงานว่าธนาคารรายใหญ่ของอิตาลีรายนี้กำลังวางแผนระดมทุนราว 1.5-1.6 หมื่นล้ายูโร ผ่านทางการขายหุ้นและสินทรัพย์ ขณะที่หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 3.1% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง

      หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโททาล ร่วงลง 1.9% หุ้นกัลป์ เอนเนอร์จี ดิ่งลง 1% และหุ้นเรพซอล ร่วงลง 1.2%

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลหลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเตือนเมื่อวานนี้ว่า การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเวลานานเกินไป จะส่งผลกระทบข้างเคียง ซึ่งการใช้นโยบายดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องผิดหรือถูก แต่เป็นเรื่องของวงเงิน และระยะเวลาที่ใช้

     ทั้งนี้ นายดรากียังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการการเงินและเศรษฐกิจของรัฐสภายุโรปว่า ขณะนี้ ECB ยังไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่แต่อย่างใด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 131.01 จุด หลังราคาน้ำมันร่วง

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (23 ก.ย.) หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนัก ประกอบนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 3 วัน ขานรับการตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมครั้งล่าสุด

       ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 131.01 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 18,261.45 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 12.49 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 2,164.69 ดัชนี Nasdaq ลดลง 33.77 จุด หรือ 0.63% ปิดที่ 5,305.75

    สำหรับ ตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.0%, 1.7% และ 3.5% ตามลำดับ

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาเคลื่อนไหวแดนลบในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นคึกคักในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ภายหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

     นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ร่วงลงยังได้กดดันการซื้อขายในตลาดหุ้นเช่นกัน โดยราคาน้ำมันทั้ง WTI และเบรนท์ดิ่งลงกว่า 3% ในวันศุกร์ หลังซาอุดิอาระเบียไม่คาดว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงในการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์หน้า

      เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของซาอุดิอาระเบียกล่าวในวันศุกร์ว่า เขาไม่คาดว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์หน้าจะบรรลุข้อตกลงใดๆ

      ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซีย จะประชุมกันในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

     ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียได้เสนอที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หากอิหร่านยินยอมที่จะตรึงกำลังการผลิตในปีนี้

      ขณะเดียวกัน บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 418 แท่น ซึ่งจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้ก็เป็นปัจจัยฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. ของสหรัฐ ลดลงแตะ 51.4 จาก 52.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนนี้

      ด้านนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวในวันศุกร์ว่า เขาเชื่อว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะนี้ นอกจากนี้ เขายังเตือนว่า การที่อัตราว่างงานลดลงต่ำกว่าระดับที่ยั่งยืน จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

    ทั้งนี้ นายโรเซนเกรนเป็นกรรมการคนหนึ่งใน 3 คนของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดที่ได้ลงมติคัดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยเห็นว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

     นายโรเซนเกรน ยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากสามารถปรับตัวอย่างยืดหยุ่น ขณะที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น การชะลอตัวของจีน และการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

     หุ้นทวิตเตอร์ทะยาน 22% หลังจากที่มีข่าวว่า หลายบริษัทแสดงความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทวิตเตอร์กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทกูเกิล และ Salesforce.com รวมทั้งบริษัทอีกหลายแห่ง

       หุ้น Salesforce.com ร่วงลง 5.6% ด้านหุ้นอัลฟสเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล ลบ 0.1%

     ด้านหุ้นยาฮู อิงค์ ร่วง 3.1% หลังจากบริษัทเผยว่า ข้อมูลของบัญชีผู้ใช้ยาฮู อาทิ ชื่อ อีเมลแอดเดรส เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด และรหัสผ่านผู้ใช้ที่ผ่านการเข้ารหัสด้วยฟังก์ชั่นแฮช รวมทั้งสิ้น 500 ล้านบัญชีเป็นอย่างน้อย ถูกล้วงข้อมูลจากเครื่องข่ายบริษัทในช่วงปลายปี 2557

     หุ้นเฟซบุ๊ก อิงค์ ร่วง 1.6% หลังจากมีรายงานว่า บรรดาผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ไม่พอใจกับการที่เฟซบุ๊กเปิดเผยตัวเลขยอดชมวิดีโอโฆษณาเกินจริง

    หุ้นแอปเปิ้ล อิงค์ ลดลง 1.6% จากข่าวที่ว่าหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการกับบริษัท

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!