- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 19 September 2016 10:57
- Hits: 3541
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์กรอบจำกัด-มองโอกาสไม่สูงเฟดขึ้นดอกเบี้ย
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้แต่ก็คงจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก จากที่เชื่อว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นไปได้น้อย เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯถือว่ายังไม่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ดีต้องติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ด้วย แม้คาดว่าไม่น่าจะมีมาตรการใดออกมา อย่างไรก็ดี ตลาดฯตอนนี้ก็ได้ผ่อนคลายหลายปัจจัยไปแล้ว แต่เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แรงกว่าตลาดอื่น ทำให้มองว่าการปรับตัวขึ้นวันนี้คงจะอยู่ในกรอบจำกัด
พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,123.80 จุด ลดลง 88.68 จุด (-0.49%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,244.57 จุด ลดลง 5.12 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.16 จุด ลดลง 8.10 จุด (-0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 151.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 8.88 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 101.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.93 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในวันผู้สูงอายุ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.ย.59) 1,479.07 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด (+1.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,765.15 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.ย.59) ปิดที่ 43.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 88 เซนต์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ย.59) ที่ 7.35 หรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.85/90 แนวโน้มทรงตัว รอดูผลประชุมเฟดสัปดาห์นี้
- พาณิชย์เตือนผู้ส่งออกรับมือเงื่อนไขการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เผยมาตรการเข้มมีทั้งบังคับใช้แล้ว และรอบังคับใช้อีกเพียบ ระบุรอบปี 58 ที่ผ่านมา ทุกประเทศงัดมาตรการกีดกันมาใช้รวมกันกว่า 3.5 หมื่นมาตรการ สหรัฐฯ นำโด่ง ตามด้วยอียูและญี่ปุ่น
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดเพื่อปรับแผนการทำงาน และออกมาตรการเพิ่มกำลังซื้อสำหรับการผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากประเมินแล้วว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกไทยไม่สามารถผลักดันให้ขยายตัวได้มากกว่านี้ หรือทำได้แค่ประคองตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
- รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 360 บาท/วัน ถือว่าสูงเกินไป และในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีจะมีผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างมาก และอาจทำให้โรงงานปิดตัวเพิ่มมากขึ้น
- ธปท.เล็งคลายกฎให้แบงก์ปล่อยกู้เงินบาทให้แก่ลูกค้า ต่างชาติสำหรับโครงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านไม่เกินสิ้นปี 59 ถือเป็นการสนับสนุนกิจกรรมเศรษฐกิจไม่ได้เปิดทางให้เก็งกำไรค่าเงิน ระบุให้แบงก์รายงานเงินทุนต่างชาติ หวังทราบข้อมูลลักษณะการลงทุน ประเภทของนักลงทุน ต้นตอของเงินมาจากประเทศหรือภูมิภาคใด
- ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบตามที่สำนักงานสลากฯ เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลาก พ.ศ. 2517 โดยให้กันเงิน 1% ของยอดขายมาตั้งกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม มีเพดานไม่เกิน 1,000 ล้านบาท/ปี และให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการใช้เงินตามวัตถุประสงค์ ที่ได้กำหนดไว้ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน 4 แนวทาง คือเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยปัญหาเกี่ยวกับการพนัน สาเหตุและผลกระทบจากการพนัน
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 470 บาท ปรับกำไรปกติปี 60 (ต.ค.59-ก.ย.60) ขึ้น 4% จากการเริ่มใช้ส่วนปรับปรุงของท่าอากาศยานภูเก็ตเต็มปีในปี 60 ช่วยเพิ่มกำลังรองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคน เป็น 12.5 ล้านคน ทำให้คาดกำไรปกติปีหน้า +13% ส่วนปี 59 คาดกำไรปกติ +17% โดยกำไร Q4/59 (ก.ค.-ก.ย.59) คาด -12% Q-Q จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และ +10% Y-Y
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 16.8 บาท คาดปี 59 พลิกมีกำไร 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย และปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1.63 GW (รวมโรงไฟฟ้าหงสาทั้ง 3 หน่วย) พร้อมเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วง 2H59 ซึ่งจะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี และราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 69.9 US/Tons
- COM7 (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 10.15 บาท ยอดจอง iPhone7 ในต่างประเทศดีกว่าคาด และคาดผลตอบรับในไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็น Sentiment บวกต่อ COM7 ด้านรูปแบบราคาฟื้นตัวขึ้น โดยรูปแบบราคาในรายชั่วโมง มีแนวต้านสั้นที่ 10.30 บาท และแนวรับแรกที่ 9.85 บาท หาก Breakout แนวต้านดังกล่าวได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 10.5 บาท และ 11.0 บาท (Stop loss 9.4 บาท)
- MINT (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 45 บาท ราคาหุ้นร่วงลงมาแรงถึงประมาณ 7-8% ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นมี upside ในระดับที่น่าสนใจที่จะเข้าลงทุน โดยประเมินว่ายังมี upside อีกประมาณ 15% ซึ่งเปิดช่องให้สามารถเข้าเก็งกำไรได้จากข่าวดีเรื่องผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมที่จะเร่งตัวขึ้นใน 3Q16
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด,แบงก์ชาติญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากหุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลงอย่างหนัก รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ดีดตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะขยับขึ้นเพียง 0.1%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,005.32 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, +0.08% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,486.62 จุด เพิ่มขึ้น 151.03 จุด, +0.65% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.87 จุด เพิ่มขึ้น 8.88 จุด, +0.54% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,570.64 จุด เพิ่มขึ้น 16.88 จุด, +0.22% .
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,830.67 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, +0.11% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,003.41 จุด เพิ่มขึ้น 101.11 จุด, +1.14% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,997.43 จุด ลดลง 1.93 จุด, -0.10%
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในวันผู้สูงอายุ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 20.02 จุด ข่าวดอยซ์แบงก์ทุบหุ้นกลุ่มธนาคารร่วง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,710.28 จุด ลดลง 20.02 จุด หรือ -0.30%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก จากข่าวที่ว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกปี 2008
อย่างไรก็ดี ดอยซ์แบงก์เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะยุติคดีความทางแพ่งด้วยการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมระบุว่า ดอยซ์แบงก์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับสหรัฐ และคาดหวังว่าผลของการเจรจาจะนำไปสู่การชำระเงินในจำนวนที่ไม่ต่างจากที่สถาบันการเงินอื่นๆได้ชำระตามที่ถูกเรียกร้อง
ข่าวดังกล่าวของดอยซ์แบงก์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษร่วงลงด้วย โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 4.4% และหุ้นบาร์เคลย์ส ปรับตัวลง 2.8% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 2.7% หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวลง 0.9% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ลดลง 0.4%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงหนัก ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลงอย่างหนักและได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย หลังจากมีข่าวว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 337.82 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,332.45 จุด ลดลง 40.77 จุด หรือ -0.93% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,276.17 จุด ลดลง 155.03 จุด หรือ -1.49% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,710.28 จุด ลดลง 20.02 จุด หรือ -0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นดอยซ์แบงก์ หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกปี 2008
อย่างไรก็ดี ดอยซ์แบงก์เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะยุติคดีความทางแพ่งด้วยการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมระบุว่า ดอยซ์แบงก์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับสหรัฐ และคาดหวังว่าผลของการเจรจาจะนำไปสู่การชำระเงินในจำนวนที่ไม่ต่างจากที่สถาบันการเงินอื่นๆได้ชำระตามที่ถูกเรียกร้อง
ทั้งนี้ หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลง 8.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 4.4% และหุ้นบาร์เคลย์ส ปรับตัวลง 2.8%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า
ข้อมูลของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ดีดตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะขยับขึ้นเพียง 0.1% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 88.68 จุด เหตุหุ้นดอยซ์แบงก์ร่วง,วิตกเฟดขึ้นดบ.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากหุ้นดอยซ์แบงก์ดิ่งลงกว่า 9% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ยังได้กระตุ้นให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,123.80 จุด ลดลง 88.68 จุด หรือ -0.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,244.57 จุด ลดลง 5.12 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.16 จุด ลดลง 8.10 จุด หรือ -0.38%
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.2% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.5% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.5%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ดีดตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะขยับขึ้นเพียง 0.1% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ดัชนี CPI ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์นั้น ได้กระตุ้นให้กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง โดย CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ทั้งนี้ นักลงทุนปรับเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 15% จากเดิมที่ 12%
ขณะเดียวกันการร่วงลงของหุ้นดอยซ์แบงก์ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยนั้น ร่วงลงมากกว่า 9% หลังจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) โดยผลิตภัณฑ์การเงินประเภทนี้เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกปี 2008
อย่างไรก็ดี ดอยซ์แบงก์ระบุว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะยุติคดีความทางแพ่งด้วยการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว โดยระบุว่าดอยซ์แบงก์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับสหรัฐ และคาดหวังว่าผลของการเจรจาจะนำไปสู่การชำระเงินในจำนวนที่ไม่ต่างจากที่สถาบันการเงินอื่นๆได้ชำระตามที่ถูกเรียกร้อง
ทั้งนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นดอยซ์แบงก์ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นเจพีมอร์แกน ต่างก็ร่วงลงกว่า 1%
หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 1.7% มาอยู่ที่ 8.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. เนื่องจากบริษัทประสบความล่าช้าในการย้ายไปสู่การให้บริการบนระบบคลาวด์ ขณะที่ผลประกอบการของระบบฐานข้อมูลและซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจในแบบดั้งเดิมนั้น ชะลอตัวลงด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง หลังจากมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะที่ใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
อินโฟเควสท์