WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET78ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก กังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีแรงขายออกมา โดยตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงหนักกว่า 2%, ตลาดในยุโรปปรับตัวลงราว 1% และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 1% โดยวันนี้หลายตลาดในภูมิภาคได้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา โดยมีตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย

     ทั้งนี้ ตลาดฯมีความเป็นห่วงว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ภายหลังจากที่ประธานเฟดสาขาบอสตัน ออกมาให้ความเห็นว่า เฟดจะเผชิญความเสี่ยงถ้าชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไป และควรจะคุมนโยบายการเงินให้เหมาะสมมากกว่า

     อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิคได้เข้าเขต Oversold แล้ว และมูลค่าเริ่มน่าสนใจมากขึ้น จาก Forward P/E ปีหน้า คิดเป็นแค่ 13.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่อยู่ 14.7 เท่า

   พร้อมให้แนวรับ 1,420-1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 ถัดไป 1,460-1,465 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,085.45 จุด ลดลง 394.46 จุด (-2.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,125.91 จุด ลดลง 133.57 จุด (-2.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,127.81 จุด ลดลง 53.49 จุด (-2.45%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 217.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 41.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 503.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 22.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 34.20 จุดส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นมาเลเซีย, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ย.59) 1,445.28 จุด ลดลง 10.10 จุด (-0.69%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 456.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ย.59) ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.74 ดอลลาร์ หรือ 3.65%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ย.59) ที่ 5.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 34.85/86 รอดู sentiment ตลาดหุ้นวันนี้ มองกรอบ 34.80-34.90

    - "อำนวย ปรีมนวงศ์" รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด วันที่ 12 ต.ค.นี้ คณะทำงานกำกับติดตามการพัฒนาที่ดินไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะนำเสนอโรดแมปและแผนปฏิบัติการพัฒนาที่ดินของ รฟท.ทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณา

    - แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) ได้เผยแพร่รายงาน Import Refusal Report เรื่องการปฏิเสธการนำเข้าสินค้าจากไทยในช่วงเดือน มิ.ย. 2559 โดยตรวจพบว่ามีสินค้าจากไทยที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่เป็นไปตามข้อตกลง 37 ครั้ง เพิ่มขึ้น 54.17% เทียบกับการตรวจพบในเดือน พ.ค. 2559 ที่มีการตรวจพบสินค้าจากไทยไม่ได้มาตรฐานและไม่เป็นไปตามข้อตกลง 13 ครั้ง และประกาศปฏิเสธการนำเข้าสินค้าที่ส่งออกจากผู้ประกอบการไทยรวม 27 ราย เพิ่มขึ้น 51.85% เทียบกับผู้ประกอบการไทยที่ถูกปฏิเสธในเดือน พ.ค. 2559 จำนวน 14 ราย

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการให้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบ ไม่ว่าบัตรของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) ว่า ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งสิ้น 1.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 4,751 ล้านบาท หรือ 3.52% ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยธนาคาร ซึ่งการใช้จ่ายผ่านบัตรยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มปรับดีขึ้น แต่ยังไม่ถือว่าโตสูงมากนัก เนื่องจากครัวเรือนยังระมัดระวังการใช้จ่าย บวกกับธนาคารเองก็ยังกังวลต่อคุณภาพหนี้

      - รายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยยอดการปล่อยสินเชื่อของนาโนไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2559 ว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ 19 บริษัท และสถาบันการเงิน 1 แห่ง ซึ่งมีการให้สินเชื่อแล้วจำนวน 3.29 หมื่นราย เป็นวงเงินรวม 852.6 ล้านบาท โดยเฉลี่ยปล่อยเงินกู้รายละ 2 หมื่นบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

     - CHG (กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 3.10 บาท คาดกำไร 2H59 เติบโต 25%yoy  จากการเพิ่มบุลคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ,9 และ 11 โดยคาดว่าจะทำให้มีจำนวนคนไข้ที่เป็นเงินสดจะสูงขึ้น จำนวนคนไข้ประกันสังคมมีมากขึ้น สำหรับราคาหุ้นทีร่วงแรงในช่วงที่ผ่านมาจนทำให้มี PE  ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ 34 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ซื้อขายกันที่ระดับ 40 เท่า ดังนั้นจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม ที่สำคัญ CHG เป็นหุ้น Growth Stock ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยสูงถึง 20% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า และมี ROE สูงกว่า 21-22%

     - BEAUTY (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเร็วก่อนหน้านี้จนทำให้ลดคำแนะนำลงเป็นถือในช่วงต้นเดือน ส.ค. ปัจจุบันราคาปรับลงมาจนมี Forward PE ปี 2559 ที่ 35 เท่า (จากสูงสุดที่ 43 เท่า) ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H59 สดใสและดีกว่า 1H59 ตามฤดูกาล การเปิดสาขาใหม่ และมีสินค้าใหม่ ลูกค้าจีนและตะวันออกกลางรวมกันยังอยู่ที่ 25-30% คาดกำไรปีนี้ +43% ปีหน้า +20%

    - BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 5.55 บาท ราคาหุ้นปรับลงจนมี Forward PE ปีหน้าเพียง 13.5 เท่า discount จากกลุ่มกว่า 40% ขณะที่เป็นไปได้อาจมีปันผลระหว่างกาล 0.06 บาท/หุ้น กำไร 2H59 ยังสดใสแม้ Big Camera Big Pro Day ครั้งที่ 10 จะทำยอดขายได้ไม่มากเท่าครั้งก่อนเพราะสินค้าหลายตัวขาดตลาดและรุ่นใหม่ๆยังไม่มา ส่วนธุรกิจพิมพ์ภาพดิจิตอลประสบความสำเร็จมาก

     - CK (โกลเบล็ก) เป้า 38 บาท 2H59 ช่วงเวลาทองของงานภาครัฐกว่า 3.6 แสนล้านบาท และคาดกำไรปี 59 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+10%YoY) จากรายได้ที่คาดจะทำ New Record ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท จากงานส่วนเพิ่มเขื่อนไซยะบุรี 1.2 หมื่นลบ. และรายได้ปกติ 3.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งถือหุ้น BEM 28%  TTW 19%  CKP 30%

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1% สู่ระดับ 138.97 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,748.36 จุด ลดลง 217.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,037.51 จุด ลดลง 41.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,596.03 จุด ลดลง 503.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,031.51 จุด ลดลง 22.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,003.67 จุด ลดลง 34.20 จุด ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา

     ทั้งนี้ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่าเฟดจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม

     ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 81.75 จุด เหตุวิตกเฟดขึ้นดบ.ในการประชุมเดือนนี้

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลงของจีน การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในการประชุมวันก่อน

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 81.75 จุด หรือ -1.19% แตะที่ 6,776.95 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. หรือในรอบกว่า 2 เดือน

    สำหรับ ตลอดสัปดาห์ ดัชนีหุ้นลอนดอนร่วงลง 1.7% ซึ่งเป็นการลดลงหนักสุดนับตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.

     ตลาดหุ้นลอนดอนอ่อนตัวลงในการซื้อขายวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ หลังจากที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม

     ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น

    ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

      ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

     CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ หลังคำกล่าวของนายโรเซนเกรน และนายแคปแลน

    ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ 18%

    นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนที่อ่อนแรงลง และการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ก็เป็นปัจจัยถ่วงตลาดเช่นกัน

   สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 1.8%

     ด้านเกาหลีเหนือได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ในวันศุกร์ โดยการทดสอบครั้งนี้มีขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 68 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK)

     ขณะเดียวกัน ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันจากการที่ที่ประชุม ECB ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2017 และ 2018 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

    โดยในการประชุมวันพฤหัสบดี ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น

    สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ได้แก่ ยอดขาดดุลการค้าซึ่งปรับตัวลดลงเล็กน้อย

    หุ้นธนาคารรายใหญ่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางตลาด ทั้งบาร์เคลย์, รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์, เอชเอสบีซี, และลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป

    ขณะที่หุ้นลบนำโดย แอชทีด กรุ๊ป บริษัทผู้จัดหาอุปกรณ์ก่อสร้าง ร่วงลงกว่า 4% หุ้นเทสโก้ ปิดลบ 3% หลังจากอดีตผู้บริหารถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนพัวพันกับกรณีอื้อฉาวเรื่องการตกแต่งบัญชี

    หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ร่วง 2.5% เนื่องจาก CPI ที่ชะลอตัวของจีนก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน โดยจีนถือเป็นตลาดใหญ่สำหรับเบอร์เบอร์รี ดังเห็นได้จากการที่บริษัทสามารถทำรายได้จากยอดขายสินค้าแบรนด์เนมในจีนได้ถึงเกือบ 14% ของรายได้ทั้งหมด

  หุ้นเหมืองแร่ร่วงลงเกือบทั้งหมด อันเนื่องมาจากปัจจัยเงินเฟ้อที่ชะลอตัวของจีนเช่นกัน เพราะจีนเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับบรรดาผู้ผลิตโลหะ หุ้นเฟรสนิลโล ลดลง 3.4% หุ้นแรนโกลด์ รีซอรส์เซส ลดลง 2.54% หลังราคาทองปรับตัวลดลง หุ้นอันโตฟากัสตาลบ 2% อย่างไรก็ดี หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้นสวนทางหุ้นในกลุ่ม

   หุ้นบริษัทพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน หุ้นบีพีร่วง 1.1% และรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วง 1.7%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วงกว่า 1% เหตุกังวลเฟดขึ้นดบ., ผิดหวัง ECB

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) จากแรงเทขาย เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 3.80 จุด หรือ -1.09% ปิดที่ 345.52 จุด ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. หรือในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีร่วงลง 1.4% หนักสุดในรอบ 1 เดือน

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,491.40 จุด ลดลง 50.80 จุด หรือ -1.12% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,573.44 จุด ลดลง 101.85 จุด หรือ -0.95% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,776.95 จุด ลดลง 81.75 จุด หรือ -1.19%

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ภายหลังจากที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม

                ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น

                ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

                ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

                CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ หลังคำกล่าวของนายโรเซนเกรน และนายแคปแลน โดยนักลงทุนเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ 18%

    ความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้สร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น หลังจากที่ถูกกดดันอยู่แล้วในวันก่อน หลังจากที่ประชุม ECB ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2017 และ 2018 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

    ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น

    สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้า 1.94 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. ลดลงจาก 2.14 หมื่นล้านยูโรในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้า 2.27 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค.

    โดยยอดเกินดุลการค้าที่ปรับตัวลงในเดือนก.ค. เป็นผลจากยอดส่งออกที่ลดลงอย่างหนัก โดยลดลง 2.6% เมื่อเทียบรายเดือน และ 10% เมื่อเทียบเดือนก.ค.ปีที่แล้ว

    ขณะที่กระทรวงงบประมาณฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสขาดดุลงบประมาณรวมกัน 8.08 หมื่นล้านยูโร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ขาดดุลงบประมาณ 7.98 หมื่นล้านยูโร

     ทางกระทรวงระบุว่า สาเหตุที่ฝรั่งเศสขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากได้มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 5.4 พันล้านยูโรภายในรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะได้รับชำระเงินคืนภายในปลายปีนี้

   ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศสเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป หดตัวลง 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือนมิ.ย.

    ข้อมูลดังกล่าวเป็นสถิติที่หดตัวลงอย่างเหนือการคาดการณ์ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.3% ในเดือนก.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก :  ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 394.46 จุด เหตุวิตกเฟดขึ้นดบ. 20-21 ก.ย.นี้

    ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงแรงเมื่อวันศุกร์ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้น อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ภายหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,085.45 จุด ลดลง 394.46 จุด หรือ -2.13%% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,127.81 จุด ลดลง 53.49 จุด หรือ -2.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,125.91 จุด ลดลง 133.57 จุด หรือ -2.54%

    สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.2%, S&P 500 ลดลง 2.4% และ Nasdaq ลบ 2.4%

    ดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความวิตกกังวลในตลาดวอลล์สตรีท ทะยานขึ้น 39.98% ปิดที่ 17.50 ในวันศุกร์

    ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงเกือบ 400 จุด ซึ่งเป็นการลดลงหนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่รู้ผลการลงประชามติ Brexit เมื่อเดือนมิ.ย. โดยภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากการที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม

   นายโรเซนเกรนระบุว่า ขณะนี้เฟดเผชิญความเสี่ยงใน 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เฟดก็เผชิญความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจร้อนแรงเกินไป หากเฟดคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานานเกินไป

    นายโรเซนเกรนยังกล่าวว่า "หากเราต้องการมีการจ้างงานเต็มศักยภาพ การคุมเข้มนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพื่อปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ"

   ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น

    ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ดี นายแคปแลนกล่าวว่า การที่มีปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว บ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้ามาก

   ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

     CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ หลังคำกล่าวของนายโรเซนเกรน และนายแคปแลน

     ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ 18%

    สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ค. ทรงตัว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.

     สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐถูกถ่วงลงจากการดิ่งลงของสินค้าภาคการเกษตร และภาคปิโตรเลียม แต่สต็อกรถยนต์ปรับตัวขึ้น

      ส่วนยอดขายภาคค้าส่งลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนมิ.ย.

     นอกจากนี้ อัตราส่วนสต็อกสินค้าคงคลังเทียบยอดขายอยู่ที่ระดับ 1.34 หมายความว่า จะต้องใช้เวลา 1.34 เดือนในการเคลียร์สต็อกสินค้า โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.33 เดือนในมิ.ย.

     หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสื่อสารร่วงลงกว่า 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 2.8% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงราว 4% เมื่อคืนนี้

     หุ้นใหญ่ต่างปรับตัวลงถ้วนหน้า นำโดยหุ้นเวอไรซอน ลบ 3.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลบ 0.21%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!