WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET18ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว น้ำมันร่วงกดดดันกลุ่มพลังงาน-หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็ว

    นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,540-1,560 จุด เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงค่อนข้างแรงทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมาปรากฏว่าออกมาดีกว่าคาดมาก ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาดไว้

      อนึ่ง ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนลบเช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ

   สำหรับบ้านเรายังมีปัจจัยบวกเล็กน้อยจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่าเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.59 ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ส.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,400.88 จุด ลดลง 53.42 จุด (-0.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.22 จุด ลดลง 9.77 จุด (-0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.95 จุด ลดลง 5.17 จุด (-0.24%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 2.24 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 79.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 11.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.29 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ส.ค.59) 1,548.44 จุด เพิ่มขึ้น 2.31 จุด (+0.15%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,605.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ส.ค.59) ปิดที่ 44.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ส.ค.59) ที่ 5.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 34.61/62 แนวโน้มแกว่งแคบ นลท.รอจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐศุกร์นี้

      - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่ประจำปี "ไทยแลนด์โฟกัส 2016" ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้ ภายใต้ชื่องาน "A New Growth Strategy" ซึ่งปีนี้ทำสถิติใหม่มีนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ตัวแทนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าร่วมงานมากกว่า 200 คน สูงที่สุดตั้งแต่ได้จัดงานมา

      - ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รายงานต่อที่ประชุมโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมาว่าเอกชนได้ขอยืดอายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเส้นกรุงเทพฯระยอง เป็น 50 ปี เนื่องจากโครงการนี้มีมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท หากสัมปทานแค่ 30 ปี ต้นทุนจะสูงและเสี่ยงจะขาดทุน

      - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเทียบกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐแผ่วลงหลังเร่งเบิกจ่ายและลงทุนไปมาก อีกทั้งเป็นช่วงท้ายงบประมาณปี 59 ปัจจัยชั่วคราวที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนลดลง

     - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องจากภาคเอกชนที่ต้องการให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้น ธปท.ได้มีการหารือกับภาคเอกชนในหลายอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยภาคเอกชนให้ความสำคัญกับความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทจะต้องไม่แตกต่างกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งของไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

    - RJH (บมจ.โรงพยาบาลราชธานี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) กลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์โดยมีราคาเสนอขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 41.89 เท่า โดยคำนวณกำไรต่อหุ้นย้อนหลัง 12 เดือน ช่วงครึ่งปีแรกกำไร 70 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก H1/58

    - BANPU (โกลเบล็ก)เป้า 16.8 บาท คาดปี 59 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย พร้อมปรับลดการลงทุนธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1.63 GW (รวมหงสาทั้ง 3 หน่วย) และเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.H2/59 จะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ย 800 ล้านบาทต่อปี ล่าสุด ราคาถ่านหินดีดตัวขึ้น 68.75 US/Tons และให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP ช่วง 18-25 หุ้น BANPU ต่อ 1 หุ้น BPP

    - MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ราคาหุ้นปรับลงถึง 8% ในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาก่อนรีบาวนด์แรงวานนี้โดยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยน ปัจจุบันมี PE 37 เท่าปีนี้และลดลงอย่างเร็วเหลือ 27 เท่าปีหน้า จากกำไรที่คาด +56% Y-Y ปีนี้และ +31% Y-Y ในปีหน้า โตสูงกว่า SAWAD และหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์มาก การซื้อ Big lot ของนักลงทุนสถาบัน (3% ของทุนชำระแล้ว) 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราคาเฉลี่ย 18 บาทเท่ากับ PE 35 เท่า สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท

    - BLA (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้า 51 บาท การพักฐานของราคาหุ้นเป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมเพิ่ม แนวโน้มกำไรใน 2H16 ดีกว่าครึ่งปีแรก และมีความเป็นไปได้ที่ BLA จะกลับรายการสำรองส่วนเกินที่เหลืออีกราว 800 ล้านบาทใน 3Q16

    - MAJOR (ยูโอบี เคย์เฮียน) "เก็งกำไร"ระยะสั้นรับภาพยนตร์ไทยฟอรม์ยักษ์เรื่อง แฟนเดย์" ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่าย GDH 559 และภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan ที่ทำรายได้เกินคาดกว่า 70 ล้านบาท อีกทั้งคาดในระยะ 2-3 ปีนี้บริษัทจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขยายสาขา

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐวันศุกร์

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 3% และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้

      MSCI Asia Pacific ลดลงเกือบ 0.1% แตะที่ 137.98 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.15 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,885.16 จุด ลดลง 2.24 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,083.96 จุด ลดลง 1.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,897.16 จุด ลดลง 79.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,055.73 จุด ลดลง 13.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,022.96 จุด ลดลง 11.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,821.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,682.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.29 จุด

     ทั้งนี้ นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ในวันศุกร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 39.28 จุด เหตุหุ้นเหมืองแร่,พลังงานร่วง

   ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 39.28 จุด หรือ 0.58% แตะที่ 6,781.51 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจาการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเฟรสนิลโล ที่ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 4.6%

     ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

     ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 2.1%

     หุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 3% หลังรายงานระบุว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 5 เดือนในเดือนส.ค.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงานดิ่ง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 343.53 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,438.22 จุด ลดลง 19.27 จุด หรือ -0.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,592.69 จุด ลดลง 64.95 จุด หรือ -0.61% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,781.51 จุด ลดลง 39.28 จุด, -0.58%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมัน WTI ที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ร่วงลง 3.7% หุ้น Neste Corp ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของฟินแลนด์ ดิ่งลง 2.4% หุ้น Galp Energia ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของโปรตุเกส ร่วงลง 1.3% หุ้น Subsea 7 SA  ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของนอร์เวย์ ปรับตัวลง 0.9%

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของ ECB โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนส.ค.ทรงตัวที่ 0.2%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 53.42 จุดหลังราคาน้ำมันร่วง,วิตกเฟดขึ้นดบ.

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,400.88 จุด ลดลง 53.42 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.22 จุด ลดลง 9.77 จุด หรือ -0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.95 จุด ลดลง 5.17 จุด หรือ -0.24%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปกว่า 3% อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

     การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.5% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ดิ่งลง 2.1%

     หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลง โดยหุ้นดูปองท์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.5% หุ้นมอนซานโต ดิ่งลง 1% หุ้นมาร์ติน แมทีเรียลส์ ร่วงลง 3%

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจาก ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง

     ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนส.ค.ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น ทำให้มีแนวโน้มว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพรุ่งนี้ อาจเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า

    นักวิเคราะห์จากโอเมกา แอดไวเซอร์ส คาดการณ์ว่า หากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ก็มีแนวโน้มว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แต่หากตัวเลขจ้างงานออกมาต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่ง ก็อาจทำให้เฟดเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นเดือนธ.ค.

    ขณะที่ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8% ในเดือนส.ค.

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!