- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 10 August 2016 15:19
- Hits: 1739
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นได้แต่ไม่มาก-เล็งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังไร้ปัจจัยใหม่-ตลาดขึ้นไปมากแล้ว
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แม้ว่าจะยังมีโอกาสปรับขึ้นไปได้แต่ก็คงจะไม่มาก และน่าจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามาภายหลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และตลาดฯก็ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ดังนั้น จากนี้ไปนักลงทุนควรระวังความผันผวน
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกจากการับร่างรัฐธรรมนูญ ทางตลาดฯก็ได้ตอบรับไปแล้ว ส่วนการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ใกล้ที่จะปิดงวดแล้ว ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ดัชนีฯจะแกว่งในกรอบที่แคบลง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ไม่ได้มีอะไรชัดเจน โดยต่างรอดูตัวเลข GDP ของ EU ในวันศุกร์นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,533.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด (+0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,225.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.34 จุด (+0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 65.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 45.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.62 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.84 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ส.ค.59) 1,548.21 จุด เพิ่มขึ้น 5.95 จุด (+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,318.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ส.ค.59) ปิดที่ 42.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ส.ค.59) ที่ 2.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.70 แนวโน้มยังแข็งค่าจากเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง มองกรอบ 34.70-34.85
- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าการเล่นเกมโปเกมอน โก ในระยะสั้นจะส่งผลให้การใช้จ่ายภาคบริการและการท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจออกไปจับโปเกมอนนอกสถานที่ ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ส่วนหนึ่งต้องเติมน้ำมันรถ ใช้เงินบริโภคอาหาร และการจับจ่ายในรายการอื่นๆ แต่ต้องจับตาระยะหลังจากนี้ว่ากระแสการเล่นเกมดังกล่าวจะเป็นอย่างไร
- ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 2559 ยังเติบโตได้ แต่คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงอยู่ที่ 5-7% จากปี 2558 ที่มีสินเชื่อคงค้างที่อยู่อาศัย 3.1 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 9% เมื่อเทียบกับปี 2557
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลังผลการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองของไทยมากขึ้น โดยศูนย์พยากรณ์ปรับประมาณการจีดีพีของไทยทั้งปี 2559 อยู่ที่ 3.3% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3% ขณะที่กรอบขยับเป็น 3-3.6% จากเดิมอยู่ที่ 3-3.5%
- อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมเตรียมทำหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้พิจารณาทบทวนแบบก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณสถานีสะพานตากสิน (S6) รองรับการวางรางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 1 ราง เพื่อแก้ปัญหาคอขวดในการเดินทาง เนื่องจากแบบก่อสร้างที่ กทม.ออกแบบไว้นั้น กทม.ได้แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีการสร้างตอม่อเพื่อรองรับโครงสร้างสะพานใหม่ เพราะ กทม.อ้างว่ามีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกรมเกรงว่าจะมีปัญหาความไม่ปลอดภัยได้
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบีเผยผลดัชนความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีทั้งในไตรมาส 2 และในอีก 3 เดือนข้างหน้า ยังลดลง ระบุยังกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ-กำลังซื้อ หวังไตรมาสสุดท้ายโครงการลงทุนรัฐออก-ฤดูกาลจับจ่ายช่วยหนุน แต่หากดูเป็นรายภูมิภาค ภาคใต้ดัชนีเริ่มฟื้นจากรายได้สินค้าเกษตรที่ดีขึ้น
- ครม.ไฟเขียวตั้ง 4 ทุนหมุนเวียนใหม่ ชูกองทุนเพื่อการสนับสนุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ พร้อมเดินเครื่องกองทุนบำนาญ บังคับออมเงิน คลังขีดเส้นขายหน่วยลงทุนฟิวเจอร์ฟันด์ช้าสุดไม่เกิน พ.ย.59
*หุ้นเด่นวันนี้
- EVER-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. เอเวอร์แลนด์ (EVER)) เทรดวันนี้วันแรก โดยมีจำนวน 647,460,183 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับจากวันออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งแรก ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 มิ.ย. 2560
EVER-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER)) เทรดวันนี้วันแรกจำนวน323,730,078 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 33 เดือน นับจากวันออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 14 มิ.ย. 2561 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 14 มี.ค. 2562
- BLA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท พลิกเป็นกำไรสุทธิถึง 9.4 พันล้านบาท จาก 1Q16 ขาดทุน 6.9 พันล้านบาท จากกลับรายการการตั้งสำรองเบี้ยประกันภัย 6 พันล้านบาทหลังนโยบายคำนวณสำรองเบี้ยประกันเปลี่ยนไป ถ้าไม่นับรายการการสำรองฯ ผลการดำเนินงานหลักก็ดีกว่าคาด แนวโน้ม 2H16 จะดีขึ้นจากการตั้งสำรองฯลดลงสู่ระดับปกติ ซึ่งทำให้ BLA แข่งขันในเชิงรุกได้มากขึ้น ปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้นเป็น 5.4 พันล้านบาท +31.6% Y-Y
- GFPT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16 บาท กำไรสุทธิ 2Q16 ดีกว่าคาด +38.5% Q-Q, +90.5% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด ราคาไก่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น laggard ที่สุดในกลุ่มไก่ มี PE เพียง 11.7 เท่าปีนี้และ 10.5 เท่าปีหน้า
- PTT (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2/59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น qoq จาก inventory gain ของธุรกิจน้ำมัน ผลประกอบการที่ดีขึ้นของโรงแยกก๊าซและกำไรที่มากขึ้นจากบริษัทในเครือ และได้รับผลประโยชน์จากการไหลเข้าของเงินจากต่างประเทศ จากแนวโน้มเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่ดีขึ้น
- AOT (โกลเบล็ก) เป้า Consensus เฉลี่ย 435 บาท คาดรายได้และกำไรเติบโตขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนโดยสสท.คาดนักท่องเที่ยวปี 2559 +13% เป็น 34 ล้านคน และโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะช่วยหนุนต่อรายได้และกำไรในอนาคตเนื่องจากจะรองรับผู้โดยสารได้ 85 ล้านคน/ปี นอกจากนี้รัฐบาลเปิดทางเอกชนประมูลพื้นที่ Duty Free เพิ่ม จะหนุนให้บริษัทได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายสินค้าเพิ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่าฉุดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัว
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่อ่อนตัวลงหลังเงินเยนแข็งค่า ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงทั่วภูมิภาค หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้า
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 138.35 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,699.08 จุด ลดลง 65.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,023.47 จุด ลดลง 2.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,511.10 จุด เพิ่มขึ้น 45.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,160.94 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,043.03 จุด ลดลง 0.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,876.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.62 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,668.87 จุด ลดลง 2.84 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 42.17 จุด รับยอดค้าปลีกสดใส
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เพราะได้รับอานิสงส์จากยอดค้าปลีกของอังกฤษที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ค. และจากการอ่อนค่าของเงินสกุลปอนด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นกลุ่มส่งออกของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 42.17 จุด หรือ 0.62% แตะที่ 6,851.30 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากกลุ่มค้าปลีกของอังกฤษระบุว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคได้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น 2.4% ในขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกซึ่งรวมถึงหุ้นเบอเบอร์รี เพิ่มขึ้น 0.7% และหุ้นเทสโก้เพิ่มขึ้น 2.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากเงินสกุลปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 5.1 พันล้านปอนด์ในเดือนมิ.ย. จาก 4.2 พันล้านปอนด์ในเดือนพ.ค. เนื่องจากยอดนำเข้าสูงกว่ายอดส่งออก
รายงานระบุว่า ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.9 พันล้านปอนด์ แตะที่ 4.89 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 1 พันล้านปอนด์
สำหรับ ในช่วงไตรมาส 2/2559 ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษเพิ่มขึ้นแตะ 1.24 หมื่นล้านปอนด์ จาก 1.15 หมื่นล้านปอนด์ในไตรมาสแรก
หุ้นสแตนดาร์ด ไลฟ์ เพิ่มขึ้น 6.8% หลังระบุว่าบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับมุมมองบวกเศรษฐกิจสหรัฐ-อังกฤษ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงการจ้างงานที่แข็งแกร่งในประเทศ รวมทั้งมุมมองบวกที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจของอังกฤษ หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 341.38 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,468.07 จุด เพิ่มขึ้น 52.61 จุด หรือ +1.19% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,692.90 จุด พุ่งขึ้น 260.54 จุด หรือ +2.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,851.30 จุด เพิ่มขึ้น 42.17 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 255,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางอังกฤษยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 6 หมื่นล้านปอนด์
หุ้นธนาคาร Mediobanca ของอิตาลี พุ่งขึ้น 8.8% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 7.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่า 2.05 พันล้านปอนด์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 3.76 จุด เหตุนักลงทุนเชื่อมั่นศก.สหรัฐ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิ.ย.
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,533.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด หรือ +0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,225.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.34 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด หรือ +0.04%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงงานระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.ขยายตัวขึ้น 0.3% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคค้าส่งมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับเพิ่มประมาณการสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งในเดือนพ.ค. โดยระบุว่ามีการขยายตัว 0.2% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1%
หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเคมัวร์ และหุ้นวีวินท์ โซลาร์ ปรับตัวขึ้น 10.6% และ 9.4% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้นกว่า 10%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง
ทั้งนี้ การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวร่วงลง โดยหุ้นเอ็นอาร์จี เอ็นเนอร์จี ดิ่งลง 5.1% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 4%
หุ้นโค้ช ผู้ผลิตสินค้าหรูชั้นนำ ร่วงลง 2.24% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค. ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในปีที่แล้ว โดยอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อินโฟเควสท์