WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET25ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตปท.หลัง BoE ออกนโยบายผ่อนคลาย Surprise ตลาดฯ

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกันตลาดยุโรป ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 6 หมื่นล้านปอนด์ ระยะเวลา 6 เดือน และจะเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชนอีก 1 หมื่นล้านปอนด์

    ด้านตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดตลาดทรงตัว เนื่องจากรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้ นอกจากนี้ ตลาดฯยังน่าจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี มองว่าจะยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้ามายังภูมิภาคเอเชียอีกจากสภาพคล่องที่สูงขึ้น

     ส่วนบ้านเราคงต้องติดตามผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.ดังนั้น ตลาดฯ จึงอาจจะปรับตัวขึ้นไปได้ไม่มากนัก พร้อมให้แนวรับ 1,502-1,493 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515-1,520 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,352.05 จุด ลดลง 2.95 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,166.25 จุด เพิ่มขึ้น 6.51 จุด (+0.13%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,164.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.46 จุด (+0.02%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 24.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 128.82 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.05 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ส.ค.59)  1,507.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.46 จุด (+0.03%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,004.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ส.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ส.ค.59) ปิดที่ 41.93 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.7%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ส.ค.59) ที่ 3.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 34.86/94 แนวโน้มแกว่งแคบ รอความชัดเจนผลประชามติสุดสัปดาห์นี้

     - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.ค. 2559 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 72.5 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และดีขึ้นทุกรายการ ทั้งดัชนีเชื่อมั่นรายได้ในอนาคต ดัชนีความเชื่อมั่นโอกาสในการหางานทำ ดัชนีการซื้อบ้านและรถยนต์ใหม่ รวมทั้งดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว

       - ธปท.พร้อมมีเครื่องมือในการดูแลค่าเงิน-เงินทุนเคลื่อนย้าย เผยเงินไหลเข้าตลาดหุ้น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะเดือน ก.ค.เข้ามาครึ่งหนึ่ง ตลาดพันธบัตรอีก 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปลื้มธุรกิจข้ามชาติสนใจเข้าลงทุนต่อเนื่อง เผยไทยยังมีพื้นที่รองรับอีกเพียบ

    - "บุญทักษ์ หวังเจริญ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ภาคเอกชนยังไม่มีการลงทุนอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง ทำให้ธนาคารตัดสินใจปรับลดเป้าหมายสินเชื่อรวมในปีนี้ลงจากเดิมโต 8-10% เหลือ 6-8% หลังจากครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตเพียง 2%  โดยครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตได้จากสินเชื่อเอสเอ็มอี

     - สศก.เผยบราซิลยื่นฟ้องไทยต่อดับเบิลยูทีโอข้อหาไทยอุดหนุนอุตฯอ้อยน้ำตาล ทำราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกตกต่ำอย่างหนัก อุตฯน้ำตาลระบุ 3 กระทรวงทั้งเกษตรฯ พาณิชย์ อุตฯต้องเร่งหาทางรับมือก่อนกระจายไปยังสินค้าอื่นๆ

       - กนอ.ชี้นิคมฯ ในเขต ศก.พิเศษสระแก้วเปิดปี 61 ปลื้มมีคนสนใจแล้วกว่า 30 ราย คาดอีก 3 ปีเต็มพื้นที่แน่นอน เอกชนหวังใช้เป็นฐานส่งของไปกัมพูชา เล็งผุดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มโอกาสแข่งขันเวียดนาม พร้อมปั้นดีไซน์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หวังยกไทยฮับอาเซียน

*หุ้นเด่นวันนี้

       - ADVANC (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 186 บาท แจ้งกำไรสุทธิงวด 2Q59 เท่ากับ 9,598 ล้านบาท (+19.0%QoQ,-2.6%YoY)ดีกว่าที่คาดไว้ราว 4% พร้อมคงประมาณการปี 59 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท หลังงบ 1H59 คิดเป็น 54.4% และผลประกอบการ 2Q59 ของ ADVANC ยังคงแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม Mobile Operator ประกอบกับมีการจ่ายปันผลในอัตราที่จูงใจ โดยล่าสุดบริษัทได้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงิน 5.79 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 3.3%

     - BCH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy และจะเติบโตอย่างโดดเด่นในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ คาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การถึงจุดคุ้มทุนของ รพ. WMC การเติบโตของ รพ.ในเครือทั้งจำนวนผู้ป่วยนอกและใน การขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น

     - IVL (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 50 บาท คาดจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 33% CAGR ในปี FY59-61 จาก 1) ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 70% เป็น 11mtpa ในปี 57-61, 2) อัตราส่วน EBITDA ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 120 เหรียญสหรัฐ/ตันจากการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HVA มาร์จินสูงเพิ่มขึ้น รวมทั้งการซื้อกิจการโพลีเอสเทอร์นอกภูมิภาคเอเชีย และ 3) ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีโครงสร้างต้นทุนต่ำและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า พร้อมคาด ROE จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในปี 57 เป็น 15% ในปี 61

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับแบงก์ชาติอังกฤษลดดอกเบี้ย

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% แตะที่ 135.46 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,278.99 จุด เพิ่มขึ้น 24.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,978.78 จุด ลดลง 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,961.05 จุด เพิ่มขึ้น 128.82 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,025.76 จุด เพิ่มขึ้น 1.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,006.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,837.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,655.24 จุด ลดลง 0.05 จุด

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ ที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับแบงก์ชาติอังกฤษหั่นดบ.-เพิ่มวงเงิน QE

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ขานรับธนาคารกลางอังกฤษที่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเพิ่มวงเงิน QE

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 337.84 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,345.63 จุด เพิ่มขึ้น 24.55 จุด หรือ +0.57% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,227.86 จุด เพิ่มขึ้น 57.65 จุด หรือ +0.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,740.16 จุด เพิ่มขึ้น 105.76 จุด หรือ +1.59%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี

    นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ประกาศฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 6 หมื่นล้านปอนด์ โดยการเพิ่มวงเงิน QE อีก 6 หมื่นล้านปอนด์ในการประชุมครั้งนี้ จะส่งผลให้วงเงินรวมในโครงการอยู่ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์

       หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ พุ่งขึ้น 5.2%

       หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นลันดิน ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 6.1% หุ้นเรพซอล ปรับขึ้น 3.4% และหุ้นซับซี ปรับตัวขึ้น 2.6%

  หุ้นซีเมนส์ เอจี  ทะยานขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสเม.ย.-มิ.ย. ปีงบการเงิน 2559 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่ามีกำไรสุทธิ 1.33 พันล้านยูโร (1.48 พันล้านดอลลาร์) ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 1.36 พันล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว แต่สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.2 พันล้านยูโร

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 2.95 จุด นักลงทุนชะลอเทรดก่อนสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ และจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเพิ่มวงเงิน QE

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,352.05 จุด ลดลง 2.95 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,166.25 จุด เพิ่มขึ้น 6.51 จุด หรือ +0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,164.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.46 จุด หรือ +0.02%

    ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย

                ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 1.5% ในเดือนมิ.ย. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

      อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ NASDAQ ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายในระหว่างวันได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี

     นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ประกาศฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 6 หมื่นล้านปอนด์ โดยการเพิ่มวงเงิน QE อีก 6 หมื่นล้านปอนด์ในการประชุมครั้งนี้ จะส่งผลให้วงเงินรวมในโครงการอยู่ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์

        หุ้นเคลล็อก ผู้ผลิตซีเรียลรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้

      หุ้นทรานส์โอเชียน หนึ่งในบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดสั่งจองรถยนต์ที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊กปรับตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ และหุ้นอินเทล ขยับขึ้นกว่า 0.7%

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค., ยอดส่งออก  นำเข้า และดุลการค้าเดือนมิ.ย. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ค.

     สำหรับ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ซึ่งเป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลกนั้น ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.

               

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!