- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 21 July 2016 10:42
- Hits: 2250
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก เตือนระวังเข้าเขต Overbought
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ รับอานิสงค์จากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นกัน โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก มีเพียงตลาดกลุ่ม TIP ติดลบเล็กน้อย และยังได้รับผลจากกระแสเงินทุนยังไหลเข้าด้วย
อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วตลอด 6 วันที่ผ่านมา ทำให้ในทางเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) อีกทั้งวันนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งคาดว่าคงไม่มีมาตรการเพิ่มเติมออกมา จึงอาจเป็นจุดที่ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรได้
พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520-1,525 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,595.03 จุด เพิ่มขึ้น 36.02 จุด (+0.19%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,089.93 จุด เพิ่มขึ้น 53.56 จุด (+1.06%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.24 จุด (+0.43%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 173.29 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 89.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 8.25 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ค.59) 1,510.03 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด (+1.21%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,084.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ค.59) ปิดที่ 44.94 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ค.59) ที่ 4.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.05 นลท.รอผลประชุม ECB ประเมินกรอบวันนี้ 35.00-35.10
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสำหรับปี 2559 ลงจากเดิมเมื่อเดือน เม.ย. ที่ 3.2% เป็น 3.1% ส่วนปีหน้าปรับลดจาก 3.5% เป็น 3.4% หลังเบร็กซิตกระทบสัญญาณปัจจัยบวกมากกว่าคาด เช่น เศรษฐกิจของยุโรปและญี่ปุ่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์
- อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า รมว.คลัง เร่งกรมดำเนินการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิตให้รวดเร็ว เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายที่จะทำให้เกิดความสะดวกและเป็นธรรมในการทำการค้าของผู้ประกอบการ โดยคาดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาเสร็จภายในเดือนนี้ เพราะเหลือเพียงการประชุมอีก 1-2 ครั้ง เพื่อพิจารณาบทลงโทษผู้ที่กระทาความผิดเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะเสนอการแก้ไขกฎหมายกรมสรรพสามิตให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอีกครั้ง หากไม่มีปัญหาก็จะส่งร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาได้อย่างช้าในเดือน ส.ค. และจะพิจารณาเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้ในปีนี้
- รมช.คลัง เผยงบลงทุนปีงบประมาณ 2559 วงเงิน 5.4 แสนล้านบาท ได้มีการทำสัญญาผูกพันไปแล้ว 3.85 แสนล้านบาท หรือประมาณ 70% ของงบลงทุน ส่วนงบกลางวงเงิน 4.57 แสนล้านบาท มีการทำสัญญาผูกพันไปแล้ว 3.84 แสนล้านบาท หรือ 84.5% เฉลี่ยแล้วมีการทำสัญญาผูกพันเดือนละ 8,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่าในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2559 จะสามารถทำสัญญาผูกพันงบลงทุนที่ไม่รวมงบกลางได้สูงถึง 90% ซึ่งถือว่าสูงมาก ส่วนการเบิกจ่ายต้องเป็นไปตามงวดงาน เพราะหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างและมีการเบิกจ่ายเป็นงวดๆ ไม่ได้เบิกจ่ายครั้งเดียว
- ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวคิดให้ธนาคารต่างชาติสามารถตั้งสาขาย่อยในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน EEC เป็นหนึ่งในมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจใหม่ นอกจากนี้เปิดให้ใช้เงินสกุลต่างประเทศได้ โดยไม่จำเป็นต้องแลกเป็นเงินบาท ซึ่งแนวทางนี้ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว และ ธปท.เห็นด้วยในหลักการ โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
- ร.ฟ.ท.เดินหน้ารื้อสัญญาเช่าที่ดินทั่วประเทศ ประเมินศึกษาปรับโครงสร้างอัตราค่าเช่าใหม่ ชี้อัตราเดิมกำหนดไว้ต่ำ พร้อมทยอยใช้กับสัญญาเช่าหมดอายุ ส่วนที่ดินแปลงใหญ่เปิดให้เอกชนร่วมทุนแบบพีพีพี เผยปัจจุบันมี 3 พันรายหมดสัญญา เร่งต่ออายุชั่วคราวแบบปีต่อปีให้ก่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- INTUCH (เคทีบี) เป้า 62.30 บาท มีจุดเด่นด้านเงินปันผลที่สูงและสม่ำเสมอ ปีนี้คาดจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 3.36 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield 5.6% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ADVANC และ THCOM ยังขาดปัจจัยระยะสั้นที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในเวลาสั้น สำหรับ ADVANC (INTUCH ถือหุ้น 40%) มองสามารถเติบโตได้ดีกว่าที่คาดในปีนี้ จากการที่บริษัทฯประมูลคลื่น 900 MHz ได้ทำให้สามารถให้บริการคลื่น 2G ได้ รวมถึงภาระค่าใช้จ่าย Handset Subsidy น้อยกว่าคาด แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะหดตัวลงจากปีก่อนจากภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง ส่วน THCOM (INTUCH ถือหุ้น 41%) ปีนี้มองเจอแรงกดดันจากการยกเลิกสัญญาของ CTH ข่าวการปรับสัญญาเป็นระบบสัมปทานกระทบ sentiment ในเชิงลบ ในขณะที่ยอด Presale ของดาวเทียม THCOM 8 อยู่ที่ระดับ 19% ซึ่งต่ำกว่าจุด Break Even ที่ 30% แต่ทางบริษัทยังคงเป้ายอด Presale ทั้งปีที่ 50%
- KTC (ไอร่า) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 127 บาท ด้วยความน่าสนใจ ดังนี้ 1.ราคาช่วงที่ผ่านมาตอบรับกับข่าวดีของผลประกอบการไปบ้างแล้ว 2.เข้าสู้ช่วง High Season ใน 2H59 3.ทิศทางดอกเบี้ยในตลาดเป็นขาลง ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลง สำหรับ 2H59 ทั้งนี้ 2Q59 KTC รายงานกำไร 580 ล้านบาท ลดลง 8.69 %QoQ แต่เพิ่มขึ้น 24.89%YoY โดยมองว่าผลประกอบการจะดีกว่าช่วง 1H59 เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season
- IRPC (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 5.60 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 2Q59 จะยังเติบโตต่อเนื่องราว 21%QoQ อยู่ที่ 3,659 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันรวม LCM ราว 2,360 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯระหว่างงวด 2Q59 ทั้งนี้ หากโครงการ UHV เดินเครื่องได้อย่างสมบูรณ์ จึงคาดว่าจะช่วยลดความกังวลของตลาด และเป็น Catalyst ช่วยหนุนราคาหุ้นให้กลับมาปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง นอกเหนือไปจากประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ที่มีโอกาสปรับขึ้นอีก 15-20% ยังมีความน่าสนใจจาก Dividend Yield อีกราว 4%
- BLA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 43 บาท อิงจากงบฯ SCB พบว่าคปภ.อนุญาตให้กลุ่มประกันชีวิตเปลี่ยนนโยบายการคิดเงินสำรองฯจากคปภ. ซึ่งน่าจะทำให้ภาระหนี้สินจากการค้ำประกันและค่าใช้จ่ายสำรองประกันชีวิตฯของ BLA ลดลงใน 2Q16 คาดว่า BLA มีโอกาสพลิกเป็นกำไรสุทธิ 500 ล้านบาทใน 2Q16 หรืออาจมากกว่านั้นหากกลับรายการสำรองฯที่ตั้งไว้เกิน
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ รับข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากที่มีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินอย่างน้อย 20 ล้านล้านเยน (1.88 แสนล้านดอลลาร์) และหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และมอร์แกน สแตนลีย์
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 134.25 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,855.18 จุด เพิ่มขึ้น 173.29 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,027.60 จุด ลดลง 0.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,971.97 จุด เพิ่มขึ้น 89.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,010.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,019.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,946.37 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.36 จุด ลดลง 8.25 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งแรง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 31.62 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) และทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 31.62 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 6,728.99 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และอ่อนค่าของเงินสกุลปอนด์ หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกของอังกฤษ
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นลอนดอน พุ่งขึ้น 1.7% ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ในยุโรป ในขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 2%
หุ้นไชร์ บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 1.3% หลังบริษัทขายโครงการทดลองเชิงคลินิกจำนวน 3 โครงการให้กับบริษัท โครนอส เทอราพิวติกส์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับผลประกอบการ โฟล์คสวาเกน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากบริษัทโฟล์คสวาเกนเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในช่วงครึ่งปีแรก อันเนื่องมาจากยอดขายรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้นในตลาดยุโรป ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1% ปิดที่ 340.81 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,379.76 จุด เพิ่มขึ้น 49.63 จุด หรือ +1.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,142.01 จุด เพิ่มขึ้น 160.77 จุด หรือ +1.61% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,728.99 จุด เพิ่มขึ้น 31.62 จุด หรือ +0.47%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากบริษัทโฟล์คสวาเกนเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรมากกว่าคาดในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดค่าใช้จ่าย และจากยอดขายรถยนต์ในยุโรปที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกนรายงานกำไรเพิ่มขึ้น 7% สู่ระดับ 7.5 พันล้านยูโรในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
นอกจากนี้ โฟล์คสวาเกนประกาศเพิ่มการกันสำรองอีก 2.2 พันล้านยูโรที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินชดเชยกรณีที่ทางบริษัทโกงการตรวจจับไอเสีย
หุ้นโฟล์คสวาเกนพุ่งขึ้น 6% ขณะที่หุ้น SAP ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ ทะยานขึ้นกว่า 5.7% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.3% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยยอดการผลิตแร่เหล็กลดลง ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 4.8% หลังจากบริษัทข้อมูลด้านการผลิตที่ผันผวน
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ECB จะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้
อย่างไรก็ดี มีการคาดกันว่า ในการประชุมเดือนต่อไปนั้น ECB อาจจะประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 36.02 จุด รับผลประกอบการสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงไมโครซอฟท์ และมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,595.03 จุด เพิ่มขึ้น 36.02 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,089.93 จุด เพิ่มขึ้น 53.56 จุด หรือ +1.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.24 จุด, +0.43%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 69 เซนต์/หุ้นในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังรายงานรายได้ที่ระดับ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.21 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่ามีกำไร 75 เซนต์/หุ้น สูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 519.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของไมโครซอฟท์ โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับขึ้น 2.4% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดขึ้น 1.1% หุ้นอินเทล คอร์ป ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี และหุ้นสกายเวิร์ค โซลูชันส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.7% และหุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี ทะยานขึ้น 14%
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลประกอบการของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และโกลด์แมน แซคส์ ที่เปิดเผยผลประกอบการที่สดใสในช่วงก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ECB จะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้
อย่างไรก็ดี มีการคาดกันว่า ในการประชุมเดือนต่อไปนั้น ECB อาจจะประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.
อินโฟเควสท์