WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดขึ้นต่อ เล็งปัจจัยนอกปท.หนุนจากความคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นศก.

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่อง หลังมีปัจจัยนอกประเทศช่วยหนุน โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย คล้ายกับดาวโจนส์ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นกัน

       จากความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยเฉพาะญี่ปุ่น มีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการออกมาเพิ่มภายหลังจากที่พรรคแกนนำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และโดยรวมเงินเยนก็อ่อนค่าด้วย

       นอกจากนี้ ยังมองกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ส่วนในประเทศก็ได้แรงหนุนจากการ Preview งบการเงินของบริษัทจดทะเบียน

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,226.93 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด (+0.44%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,988.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด (+0.64%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,137.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด (+0.34%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 252.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 166.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.29 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ค.59)  1,468.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.74 จุด (+0.88%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 637.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.ค.59) ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.4%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ค.59) ที่ 5.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.18 อ่อนค่าจากวานนี้ คาดระหว่างวันแกว่งแคบรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

     - ผู้อำนวยการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน ก.ย. อยู่ที่ 104.46 เพิ่มขึ้น 11.75% จากเดือนก่อนที่ 93.48 แต่ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติและ นักลงทุนรายบุคคลที่มีมุมมองเพิ่มขึ้น มีเพียงนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มองดัชนีเชื่อมั่นลดลงเล็กน้อย

       - บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานว่า การลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิตนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของประเทศในเอเชียแปซิฟิกมากนัก โดยเฉพาะในแง่ของการค้า แต่จะกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนและประเทศที่พึ่งพาเงินทุนไหลเข้ามากกว่า

    - สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผยเศรษฐกิจปีหน้ามีโอกาสเติบโตได้ 4-5% ตามที่ รมว.คลังคาดหวังไว้จาก 2 ปัจจัย คือ การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เกิด ปัจจัยที่สอง คือ การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มาช่วยขับเคลื่อนหลังจากหดตัวต่อเนื่อง

      - บอร์ด ททท.กังวลการเมืองไม่นิ่งหลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจซึมยาว สั่งหั่นเป้ารายได้ในประเทศไม่ถึง 1 ล้านล้าน แค่ 9.5 แสนล้าน โบรกฯประสานเสียงห่วงการเมืองเขย่าหุ้น แต่ต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้น โยกเงินลงทุนแล้ว 6.7 แสนล้าน ลุ้นสิ้นปีดัชนีแตะ 1,550 จุด

      - รายงานข่าวจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) แจ้งว่า สำนักโลจิสติกส์อยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบโลจิสติกส์ของโรงงานอุตสาหกรรม และสอดคล้องกับการปรับอุตสาหกรรมของไทยไปสู่อินดัสทรี 4.0 โดยมีเป้าหมายปรับปรุงและพัฒนาแผนแม่บทเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายของภาคอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 20% และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการห่วงโซ่อุปทานได้ไม่ต่ำกว่า 10% ภายในปี 2564

*หุ้นเด่นวันนี้

      - BSM-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 278,576,554 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 6 เดือน นับแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 1 ก.ค.2559) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย.2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 28 ธ.ค.2561

       - KCE (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว" จากแนวโน้มอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าในรถยนต์ที่สดใส ทั้งนี้ แนวโน้มค่าเงินยูโรอ่อนจะมีผลกระทบจำกัดต่อ KCE จากการศึกษาพบว่า Correlation ระหว่างค่าเงินบาทต่อยูโรและอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ในช่วง 41 ไตรมาสย้อนหลังอยู่ที่ -0.29 ซึ่งสะท้อนว่าทิศทางค่าเงินยูโรไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะชี้วัดทิศทางการดำเนินงานของผลประกอบการได้

       - TACC (เคจีไอ) เป้า 7.4 บาท ประเมินแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไร 34% ต่อปี CAGR (2558 - 2561) จาก Organic growth คือการเติบโตตามร้าน 7-Eleven เฉลี่ยปีละ 4-5% จากการขายผลิตภัณฑ์ ชา-กาแฟ (โถกดในร้าน 7-Eleven) และ Inorganic growth คือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้กับร้าน 7-Eleven (เครื่องกดเครื่องดื่มร้อน + สินค้าลิขสิทธิ์ Sanrio โดยจะเริ่มที่สินค้าแบรนด์ Hello Kitty) และการส่งออกน้ำทุเรียน + มะม่วง (ชนิดชงน้ำร้อน) ไปยังประเทศจีน (เริ่มผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว รอแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเป็นทางการเร็ว ๆ นี้) ด้าน Valuation ประเมิน PE ของ TACC ควรถูก Re-rate ขึ้นไปสู่ระดับเดียวกับร้านค้าปลีก (+30 เท่า) จากการที่มีพื้นที่ขายสินค้าของตนเองเพิ่มขึ้นในร้าน 7-Eleven และบนเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของจีน

     - SCC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 562 บาท คาดรายงานกำไรใน 2Q59 ในระดับที่แข็งแกร่ง มาตรการตำบลละ 5 ล้าน สเปรดปิโตรหนุนเติบโตต่อเนื่อง พร้อมมอง spread ที่อ่อนตัวลงมากระทบกับกำไรอย่างจำกัด ปัจจุบันเริ่มเห็นการฟื้นตัวบ้างแล้ว คาด 3Q59 ยังโตได้จากฐานต่ำ กังวลค่าเสื่อมเพิ่มจากโรงปูนใหม่ที่เมียนมา และคาดได้ sentiment เชิงบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเทรด P/E ต่ำเพียง 11.9 เท่า

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ รับคาดการณ์ญี่ปุ่นกระตุ้นศก., ข้อมูลจ้างงานสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากพรรครัฐบาลสามารถชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา

      ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.9% สู่ระดับ 131.80 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,961.30 จุด เพิ่มขึ้น 252.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,992.52 จุด ลดลง 2.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,046.94 จุด เพิ่มขึ้น 166.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,794.73 จุด เพิ่มขึ้น 8.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,991.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,882.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,653.58 จุด ลดลง 0.29 จุด

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 92.22 จุด ขานรับว่าที่ผู้นำอังกฤษคนใหม่

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนคืนนี้ (11 ก.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษระบุว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบต่อจากเขา

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 92.22 จุด หรือ 1.40% แตะที่ 6,682.86 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนายคาเมรอนกล่าวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบต่อจากเขา

    นายคาเมรอนกล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ปรากฎชัดแล้วว่า นางเมย์ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างล้นหลาม และนางแอนเดรีย ลีดซัม รมว.พลังงาน ทำการตัดสินใจอย่างถูกต้องในการประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อวานนี้

       นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากกาคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้นเพียง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 2% และเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 2.3%

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเกลนคอร์เพิ่มขึ้น 6.3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 8.58% ในขณะที่หุ้นเฟรสนิลโลเพิ่มขึ้น 6.1%

   ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามทิศทางของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ของทั้งโลหะอุตสาหกรรมและโลหะมีค่า

      หุ้นดิกซันส์ คาร์โฟน ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากถูกปรับลดน้ำหนักในการลงทุนโดยนักวิเคราะห์ของบริษัทบาร์เคลย์ส

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับคาดการณ์แบงก์ชาติทั่วโลกกระตุ้นศก.

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศชั้นนำทั่วโลกอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงธนาคารกลางจีนและอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 1.6% ปิดที่ 332.72 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,264.53 จุด เพิ่มขึ้น 73.85 จุด หรือ +1.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,833.41 จุด พุ่งขึ้น 203.75 จุด หรือ +2.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,682.86 จุด เพิ่มขึ้น 92.22 จุด หรือ +1.40%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับผลกระทบของ Brexit

    ขณะเดียวกัน คาดว่า ทางการญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศณษฐกิจต่อไป หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะปูทางให้รัฐบาลของนายอาเบะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังได้อย่างต่อเนื่อง

     นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้นเพียง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 2% และเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 2.3%

     ตลาดหุ้นยุโรปยังคงขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่ง จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง

      หุ้น Thyssenkrupp ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.4% ส่วนหุ้นธนาคารของอิตาลีปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena พุ่งขึ้น 6.9% แต่หุ้นยูนิเครดิตร่วงลง 2.9%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 80.19 จุด รับจ้างงานสดใส,คาดญี่ปุ่นกระตุ้นศก.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากพรรครัฐบาลสามารถชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,226.93 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด หรือ +0.44% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,988.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือ +0.64% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,137.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด หรือ +0.34%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่ง จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง

       นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะปูทางให้รัฐบาลของนายอาเบะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังได้ต่อไป

     ปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี S&P ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เคธี สต็อกตัน หัวหน้านักวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคจาก BTIG คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นอีก 12% โดยแตะระดับ 2,400 จุด หากดัชนีสามารถปิดตลาดในวันศุกร์ 2 ครั้งติดต่อกันเหนือระดับ 2,135 จุด

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้น  Qorvo Inc. หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชันส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.7% แต่หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นทวิตเตอร์

     หุ้นคินเดอร์ มอร์แกน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการท่อส่งก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจานกบริษัทขายหุ้น 50% ในเครือข่ายท่อส่งก๊าซความยาว 7,600 ไมล์ ให้กับบริษัทเซาเทิร์น โค มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์

       นักลงทุนจับตาผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทอัลโค อิงค์ รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API)

  อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!