WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET14 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักตัวคล้ายตลาดภูมิภาค เล็งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปหลายวัน

      นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในลักษณะของการพักตัว และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน ในลักษณะของการพักตัวเช่นกัน หลังจากที่ตลาดฯปรับตัวขึ้นไปหลายวันแล้วจาก Fund Flow ที่ไหลเข้ามาในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อขึ้นไประดับหนึ่งก็คงจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

     อย่างไรก็ดี ความกังวลต่อผลกระทบกรณีที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะนี้ได้เบาลงไปบ้างแล้วแต่ก็คงยังมีผลต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง ส่วนในวันศุกร์นี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,445 จุด ส่วนแนวต้าน 1,454-1,465 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (4 ก.ค.59) เนื่องในวันชาติสหรัฐ

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 93.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 139.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.84 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ค.59) 1,454.56 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด (+0.66%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,417.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.59

- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (4 ก.ค.59) เนื่องในวันชาติสหรัฐ

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ค.59) ที่ 6.31 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 35.10/12 อ่อนค่าจากวานนี้ นักลงทุนรอผลประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย

- ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ รายงานสถานการณ์ค่าเงินบาทว่าหลังเกิดเหตุการณ์สหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ราว 35 บาท/เหรียญสหรัฐ หรือตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.-4 ก.ค.59 แข็งค่าขึ้นราว 1% เมื่อเทียบกับเงินเยน และแข็งขึ้นราว 0.8% เทียบเงินเหรียญสหรัฐและเงินยูโร เป็นผลจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้า ที่น่าสังเกตช่วง 1 สัปดาห์หลัง Brexit ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยสุทธิกว่า 1 หมื่นล้านบาท

- รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและประธานสมาพันธ์ผู้ผลิต สินค้าประมงไทย กล่าวว่า การที่ไทยได้ขยับขึ้นจากเทียร์ 3 มาเป็นเทียร์ 2 (Qatch List) นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าภาพรวมการส่งออกปีนี้ จะกลับมาเป็นบวกได้ดีที่สุด คือ 3%

- บีโอไอโชว์ตัวเลขขอส่งเสริมลงทุนครึ่งปีพุ่ง 3 แสนล้านบาท มั่นใจทั้งปีลงทุนจริง 7 แสนล้านบาท 'เจโทร' มองไทยเนื้อหอมเบอร์ 2 รองแค่สิงคโปร์ ผลพวง'สมคิด'โรดโชว์-ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกน่าสนใจ-บีโอไอให้สิทธิประโยชน์จูงใจมากขึ้น

- 3 ค่ายมือถือค้าน กสทช.กำกับราคาโทร-เน็ต ชี้ควรเป็นแพ็กเกจทางเลือก แนะราคาถูกลงเกิดจากกลไกแข่งขันกันเองในตลาด

- พาณิชย์-คลัง-สมาคมธนาคารไทย เริ่มใช้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเริ่ม 4 ก.ค.เป็นต้นไป ช่วยปลดล็อกการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเอสเอ็มอี-กลุ่มสตาร์ตอัพดันเศรษฐกิจไทยขยายตัว ตั้งเป้าคนใช้บริการกว่า 3 แสนราย ด้านคลังยกร่างกฎหมายเพิ่มผู้รับหลักประกันอีก 6 กลุ่ม นอกเหนือจากแบงก์-ประกัน-เครดิตฟองซิเอร์-บริษัทเงินทุน

*หุ้นเด่นวันนี้

            - TGPRO-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,795,091,280 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ก.ค. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 27 มิ.ย. 2561

            - FORTH (เออีซี) แนะ"ซื้อ"เป้า 11 บาท ปี 59-60 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 13.4% จากแรงหนุนของธุรกิจตู้บุญเติมที่มีการเติบโตต่อเนื่องตามการขยายจำนวนตู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการรุกธุรกิจตู้เติมเงินที่ประเทศฟิลิปปินส์ และการฟื้นตัวของธุรกิจโทรคมนาคม และมี Upside 34% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 5.0%

            - SCC (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ Q2/59 จะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจาก Q1/59 จากสเปรดธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในระดับสูงและมากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งในช่วง Q2/59 ยังได้รับแรงหนุนจากเงินปันผลรับโดยเฉพาะจากโตโยต้าและส่วนแบ่งกำไรโดยเฉพาะจากคูโบต้าเข้ามาเสริม

            - SMT (โกลเบล็ก) ให้เป้า Consensus 9 บาท Q1/59 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร 38 ล้านบาท และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องใน Q2/59 จากการเน้นผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง คาดปี 59 Turnaround พลิกมีกำไร 280-300 ลบ. จากสินค้า Value added โดยเฉพาะ IC Packaging เติบโตสูงมาก อีกทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 1.6 พันลบ.แม้สินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะมียอดขายลดลงมาก (margin ต่ำ) ส่วนร่วมลงทุนสร้างโรงงานแผงโซลาร์เซลล์ Solar Panel Generation3 กับพันธมิตรอเมริกาเริ่มเฟสแรก 40 MW/ปี คาดลงทุนราว 100 ล้านบาท และมีโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 5 เท่า เป็น 200MW คาดมีกำไรเพิ่มราว 60 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็น 10% ของกำไรปีหน้า เริ่มรับรู้รายได้ภายใน Q4/16

            - CK, ITD, ARROW (ฟินันเซีย ไซรัส) รถไฟฟ้ากำลังจะมา ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา รองจาก SETBANK ที่ outperform ที่สุดก็คือกลุ่มรับเหมา (+4.7%) จากพัฒนาการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) กำหนดขายซอง 15 -29 ก.ค.และยื่นซอง 31 ต.ค.มูลค่ารวม 6 สัญญา 7.62 หมื่นล้านบาท เป็น sentiment บวกกับ CK และ ITD ที่มีประวัติการก่อสร้างเส้นทางและสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นช่วงใต้ดินมาแล้ว เพราะมีถึง 3 สัญญามูลค่ากว่า 5.8 หมื่นล้านบาทที่เป็นทางใต้ดิน ยังชอบ CK ราคาพื้นฐาน 40 บาท นอกจากงานของรถไฟฟ้าแล้วยังมีงานก่อสร้างบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินจะเริ่มขายซอง 15 ก.ค.-1 ส.ค.ยังชอบ ARROW ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่าฉุดหุ้นญี่ปุ่นร่วง

          ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังเงินเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วง ในขณะเดียวกันนักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

            ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.4% เมื่อเวลาประมาณ 9.55 น.ตามเวลาโตเกียว

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,682.16 จุด ลดลง 93.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,991.75 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,919.52 จุด ลดลง 139.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,738.41 จุด ลดลง 22.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,995.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,870.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,653.00 จุด ลดลง 1.84 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงขายหุ้นกลุ่มก่อสร้าง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 55.57 จุด

          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มก่อสร้างอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างในอังกฤษชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.

            ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,522.26 จุด ลดลง 55.57 จุด หรือ -0.84%

            นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มก่อสร้าง หลังจากมีรายงานว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างในอังกฤษชะลอตัวลงอย่างหนักในเดือนมิ.ย. โดยหุ้นบริติช แลนด์ ดิ่งลง 6.8% หุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลงเกือบ 7%

            หุ้น London Stock Exchange (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ร่วงลง 1.2% หลังจากกลุ่มผู้ถือหุ้นของ LSE คะแนน 99.89% เห็นชอบต่อการควบรวมกิจการกับ Deutsche Boerse ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์แฟรงเฟิร์ต เมื่อวานนี้แม้ว่าอังกฤษจะลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ตาม

            นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า การที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษหดหายไปราว 1.5%-4.5% ภายในปี 2019

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะหุ้นของธนาคารอิตาลี ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 329.78 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,234.86 จุด ลดลง 39.10 จุด หรือ -0.91% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,709.09 จุด ลดลง 67.03 จุด หรือ -0.69% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,522.26 จุด ลดลง 55.57 จุด หรือ -0.84%

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นธนาคารของอิตาลี โดยหุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena SpA ดิ่งลงอย่างหนักถึง 14% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีคำมั่นให้ธนาคารแห่งนี้ดำเนินการร่างแผนเพื่อรับมือกับปัญหาหนี้เสีย

    ขณะที่หุ้นธนาคาร Banca Popolare dell’Emilia Romagna BPE ดิ่งลง 6.7% หุ้น Intesa Sanpaolo SpA ร่วงลง 3% และหุ้น Banca Popolare di Milano SpA ปรับตัวลง 1.4%

   หุ้นโฟลค์สวาเกน ร่วงลง 2.8% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทได้ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ซื้อรถยนต์ดีเซลในยุโรป อย่างไรก็ตาม ในตลาดสหรัฐนั้น โฟล์คสวาเกนได้ยอมชดเชยคิดเป็นเงินมูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ในคดีที่ได้โกงการตรวจสอบมลพิษในไอเสียของรถยนต์ดีเซล ตามคำสั่งศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนครซาน ฟรานซิสโก

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษหายไปราว 1.5%-4.5% ภายในปี 2019

    ด้าน S&P Global Ratings เตือนว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจะได้รับผลกระทบในปี 2017-2018 จากการที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!