WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET17ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์ตามภูมิภาคหลังเก็งยุโรปจะมีมาตรการกระตุ้นศก.,เล็งเงินไหลเข้าเอเชียช่วงสั้น

    นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวน์ขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกัน เนื่องจากคลายกังวลเรื่อง การที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายหลังจากผู้นำประเทศในกลุ่ม G7 ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าน่าจะมีมาตรการออกมาช่วยชะลอผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดฯรู้สึกดีขึ้น

    นอกจากนี้ เมื่อฝั่งอังกฤษมีความผันผวนทำให้มีโอกาสที่เม็ดเงินจะเข้ามาในภูมิภาคเอเชียในช่วงสั้น เนื่องจากฝั่งเอเชียมีความแข็งแรงกว่า และมีความผันผวนน้อยกว่า

  อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาจนถือได้ว่า Outperform ตลาดทั่วโลก ดังนั้นการปรับตัวขึ้นไปก็คงจะไม่มากนัก พร้อมให้แนวรับ 1,425 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,409.72 จุด พุ่งขึ้น 269.48 จุด (+1.57%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,691.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.43 จุด (+2.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,036.09 จุด เพิ่มขึ้น 35.55 จุด(+1.78%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 200.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 44.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 24.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้  เพิ่มขึ้น 10.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 48.71 จุด

            - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 มิ.ย.59) 1,437.42 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด (+0.92%)

            - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,928.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.59

            - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 มิ.ย.59) ปิดที่ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 3.3%

            - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 มิ.ย.59) ที่ 5.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

            - เงินบาทเปิด 35.25 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน  มองความผันผวนจาก Brexit ลดลง

            - กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ผลกระทบต่อผู้ส่งออกที่ได้รับจากตลาดเงินและเศรษฐกิจโลกผันผวน หลังมีคาดการณ์ว่าเมื่อสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (อียู) แล้วอาจจะทำให้อียูแตก ส่งผลให้การส่งออกไปอียูทุกประเทศหยุดชะงัก เพื่อรอดูสถานการณ์

            - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค. 2558-พ.ค. 2559) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,463,570 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 176,031 ล้านบาท หรือ 13.7%  สาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาต 4จี รายได้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร และการจัดเก็บภาษีน้ำมันสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

            - ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) วันที่ 28 มิ.ย. มีมติอนุมัติใบอนุญาตคลื่น 900 MHz แก่บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค (AWN) โดยใบอนุญาตใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2559-30 มิ.ย. 2574 ขณะเดียวกัน ยังมีมติปรับวันหมดอายุใบอนุญาตของบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอม มิวนิเคชั่น (TUC) ผู้ชนะประมูลคลื่น 900 MHz ที่รับใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ ให้หมดอายุพร้อมกับใบอนุญาตของ AWN

            - เวิลด์แบงก์ปรับประมาณการจีดีพีเป็น 2.5% จาก 2% ใช้จ่ายรัฐ-ท่องเที่ยวหนุน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงโครงการลงทุนล่าช้า-เศรษฐกิจโลกชะลอ เตรียมรับมือเข้าสู่สังคมสูงวัย

            - หอการค้าไทยเล็งลดประมาณการเศรษฐกิจไทยเหลือ 2.9% หลัง Brexit  กระทบส่งออกแรง คาดทำให้จีดีพีไทยลดลง 0.16% แนะรัฐอัดงบเพิ่มฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาโต 3%

            - อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะพิจารณาสถานะของประเทศไทย ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ตามที่จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มที่ 3 หรือเทียร์3 (Tier3) ตั้งแต่ปี 57

*หุ้นเด่นวันนี้

            - CPALL (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 55 บาท ช่วง 2Q59 คาดกำไรยังโตสดใส YoY ทั้งจากรับรู้ยอดขายสาขาใหม่และการดำเนินกลยุทธ์รุกเพิ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมทาน กลุ่มเครื่องดื่มและเบเกอรี่ อีกทั้งคาดได้รับอานิสงส์จากฟุตบอลยูโร (10 มิ.ย.-10 ก.ค. นี้) หนุนให้ปี 59 คาดกำไรโต 15.4% YoY และ ปัจจุบันยังมี Upside 12%

            - ADVANC (เออีซี) "ซื้อ" เป้า Consensus 189 บาท ช่วง 2Q59 คาดกำไรฟื้นตัวได้ดีราว 21% QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง หลังจากได้คลื่น 900MHz จึงไม่จำเป็นต้องอัดฉีดงบในการเร่งโอนฐานลูกค้า ขณะที่แม้การแข่งขันระหว่างค่ายยังรุนแรง แต่ด้วย ADVANC มีศักยภาพในการแข่งขันสูง ทำให้คาดยังสามารถรักษาระดับผลกำไรและจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปีละ 6% และยังมี Upside 21%

            - GCAP (ยูโอบี เคย์เฮียน) ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนับสนุนเงินทุนด้านการผลิต โครงการพักชำระหนี้เงินต้น และโครงการประกันภัยนาข้าว ทั้งนี้ GCAP มี market share สินเชื่อรถเกี่ยวข้าวสูงสุดในประเทศ อีกทั้งคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงต้นปีจากการเข้าสู่ช่วง high season ซึ่งเป็นฤดูเกี่ยวข้าว การเปลี่ยนจาก el nino เป็น la nina ทำให้เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม และธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

            - IVL (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 50 บาท เชื่อจะกลายเป็นผู้ชนะจาก Brexit ต่างจากที่ตลาดคาการณ์ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการที่เงินยูโรอ่อนค่าและดอลลาร์แข็งค่าเพราะเหตุการณ์ดังกล่าว โดยคาดจะได้ประโยชน์จากพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะนอกจากจะเป็นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งแล้ว ยังทำให้บริษัทอยู่ในสถานะที่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแนวโน้มการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยสามประการต่อไปนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกำไรของ IVL จะได้ประโยชน์จากการที่เงินยูโรอ่อน/ดอลลาร์แข็ง 1) บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิเป็นดอลลาร์สหรัฐมากกว่ายูโรและปอนด์ 2) มาร์จิ้นในตลาดยุโรปสูงขึ้นจากการที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 3) อุปสงค์ในตลาดโลกยังเติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากสินค้าหลักของบริษัท (ใยโพลีเอสเทอร์, PET) นับเป็นสินค้าจำเป็น

ตลาดหุ้นเอเชียพุ่งขึ้นเช้านี้จากแรงซื้อเก็งกำไร-คลายวิตก Brexit

            ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบหลังจากอังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

            ดัชนี MSCI Asia Pacific พุ่งขึ้น 1% สู่ระดับ 126.64 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,523.35 จุด เพิ่มขึ้น 200.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,918.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,217.07 จุด เพิ่มขึ้น 44.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,530.37 จุด เพิ่มขึ้น 24.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,946.31 จุด เพิ่มขึ้น 10.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,769.06 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,634.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,715.40 จุด เพิ่มขึ้น 48.71 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 158.19 จุด หลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณรับมือ Brexit

          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบหลังจากอังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

            ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 158.19 จุด หรือ 2.64% แตะที่ 6,140.39 จุด หลังจากที่ทำสถิติร่วงลง 2 วันติดต่อกันที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 เมื่อวันก่อน

            ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบ Brexit โดยล่าสุดนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้กล่าวในการประชุมประจำปีของอีซีบีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซินทรา ประเทศโปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า "การกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะอ่อนแอนั้น ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของธนาคารกลางทั่วโลก"

            ด้านนายมาร์ค คาร์นี ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางสามารถจัดหาเงินทุนพิเศษมูลค่า 2.50 แสนล้านปอนด์ หรือ 3.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านโครงการต่างๆที่ธนาคารดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

            นอกจากนี้ หุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 7% หลังจากที่ราคาหุ้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ

            ทั้งนี้ บริษัทนักวิเคราะห์ทั้งเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ต่างก็ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของอังกฤษ ในขณะที่บริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และบริษัท โซซิเอเต เจเนอราล เอสเอ ต่างก็มีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับหุ้นบริษัทอังกฤษเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับความหวังแบงก์ชาติทั่วโลกร่วมรับมือ Brexit

          ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกอาจร่วมมือกันออกมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบหลังจากอังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

            ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.6% ปิดที่ 316.7 จุด

            ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,088.85 จุด พุ่งขึ้น 104.13 จุด หรือ +2.61% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,447.28 จุด เพิ่มขึ้น 178.62 จุด หรือ +1.93% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,140.39 จุด เพิ่มขึ้น 158.19 จุด หรือ +2.64%

            ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบ Brexit โดยล่าสุดนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้กล่าวในการประชุมประจำปีของอีซีบีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซินทรา ประเทศโปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า "การกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะอ่อนแอนั้น ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของธนาคารกลางทั่วโลก"

            ด้านนายมาร์ค คาร์นี ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางสามารถจัดหาเงินทุนพิเศษมูลค่า 2.50 แสนล้านปอนด์ หรือ 3.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านโครงการต่างๆที่ธนาคารดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

            ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะจัดการประชุมในวันนี้ เพื่อหารือถึงความเคลื่อนไหวของตลาด หลังจากที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 269.48 จุด รับคาดการณ์แบงก์ชาติทั่วโลกร่วมรับมือ Brexit

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบหลังจากอังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ รวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด

            ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,409.72 จุด พุ่งขึ้น 269.48 จุด หรือ +1.57% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,691.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.43 จุด หรือ +2.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,691.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.43 จุด หรือ +2.12%

            นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า ผลกระทบของ Brexit อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศต่างๆในยุโรปและทั่วโลกอ่อนแอลง

            หุ้นที่ถูกทุบขายอย่างหนักเมื่อ 2 วันก่อนนั้น ได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.4% ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.1%

            หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 2.3%  หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 8.4% และหุ้นมาราธอน ออยล์ ทะยานขึ้น 8.2%

            หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 3.4% หุ้นซีเกท เทคโนโลยี และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 6.2%

            ตลาดได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับจีดีพีประจำไตรมาสแรก โดยระบุว่า จีดีพีขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบรายไตรมาส สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1%

            นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบ Brexit โดยล่าสุดนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้กล่าวในการประชุมประจำปีของอีซีบีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซินทรา ประเทศโปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า "การกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะอ่อนแอนั้น ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของธนาคารกลางทั่วโลก"

            ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะจัดการประชุมในวันนี้ เพื่อหารือถึงความเคลื่อนไหวของตลาด หลังจากที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

            นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงการใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!