WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET7 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว หลังตลาดตปท.ติดลบทั่วหน้า แต่เล็ง Window Dressing ช่วยหนุน

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่จะปรับตัวลง ไม่ว่าจะเป็นตลาดในเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวลง

     ภายหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ว่าจะเป็น S&P และ ฟิทช์ ต่างปรับลดเครดิตของอังกฤษลง ทำให้อังกฤษเป็น Negative outlook จากมุมมองที่เศรษฐกิจของอังกฤษคงจะค่อย ๆ ชะลอตัวลง และอาจส่งผลให้ยุโรปมีปัญหาไปด้วย โดยเฉพาะความกังวลต่อวิกฤตทางการเงินในยุโรป ซึ่งกลุ่มแบงก์อาจได้รับผลกระทบก่อน โดยสำนักงานใหญ่ทางการเงินคงจะต้องย้ายออกจากอังกฤษ ทุกคนจึงจับตาไปที่การเติบโตของอังกฤษที่ลดลง และจับตาไปที่เงินปอนด์ที่ยังไม่หยุดอ่อนค่า แม้แต่เงินยูโรก็อ่อนค่าด้วย ซึ่งคงจะกระทบต่อประเทศพัฒนา ส่วนประเทศไทยคงจะกระทบไม่มาก เพราะเป็นประเทศเล็ก ๆ

      อย่างไรก็ดี ก็ยังต้องระวังหุ้นขนาดใหญ่ถูกขายออกมา ส่วนหุ้นขนาดกลาง-เล็กน่าจะยังได้แรงซื้ออยู่ อีกทั้งคาดว่าจะมีการทำ Window Dressing ช่วยหนุนด้วย ทั้งนี้ ยังมองว่านักลงทุนจะยังคงเข้าลงทุนหุ้นจำพวก Domestic Plays ได้

พร้อมให้แนวรับ 1,416-1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,140.24 จุด ร่วงลง 260.51 จุด (-1.50%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,594.44 จุด ลดลง 113.54 จุด (-2.41%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.54 จุด ลดลง 36.87 จุด (-1.81%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 214.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 10.69 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 328.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 20.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 19.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 24.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 5.20 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มิ.ย.59) 1,424.31 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด (+0.79%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,326.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มิ.ย.59) ปิดที่ 46.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2.8%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มิ.ย.59) ที่ 5.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิด 35.33 มองกรอบวันนี้ 35.20-35.40 จับตา Fund Flow -รอประเมินผลกระทบ Brexit

       - โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ เตือนเศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยช่วงต้นปี 2560 หลัง ผลประชามติอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) พร้อมปรับลดคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจอังกฤษลง 0.5% อยู่ที่ 1.5% ในปีนี้ และร่วงลงแตะ 0.2% ในปีหน้า ลดลงจากคาดการณ์ถึง 1.8% และลดคาดการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนลง 0.5% อยู่ที่ 1.25% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ส่วนเศรษฐกิจโลกในปีนี้อยู่ที่ 3.1% ลดลงจากตัวเลขก่อนหน้า 0.1%

      - ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม (เคที) เปิดเผยว่า เคทีอยู่ระหว่างเจรจาว่าจ้างบริษัท บีทีเอส ให้เข้ามาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตอนเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ส่วนต่อขยายตอนใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปรากร ที่ได้รับมอบมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยสัญญาเดินรถดังกล่าวจะเริ่มในปี 2559 และ สิ้นสุดในปี 2585 หรือมีระยะสัญญา ว่าจ้าง 26 ปี คาดว่าการเจรจาจะได้ ข้อยุติเร็วๆ นี้

     - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจแอลแอล อังกฤษ บริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการลงมติของประชาชนอังกฤษให้ประเทศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ได้สร้างความไม่แน่นอนและความผันผวนอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของอังกฤษเห็นได้จากค่าเงินปอนด์ที่ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 31 ปีเมื่อวันศุกร์ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่จะอาศัยประโยชน์จากความผันผวนที่เกิดขึ้นนี้เข้าซื้ออสังหาฯ ในอังกฤษ

     - "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เผยการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 26-30 มิ.ย. 2559 โดยวันที่ 27 มิ.ย.ได้นำคณะเข้าพบหารือกับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ดูแลงาน ด้านเศรษฐกิจ และเป็น 1 ใน 7 กรรมการประจำกรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) โดยมีความเห็นสอดคล้องกันที่จะรื้อฟื้นกลไกการหารือระดับทวิภาคีไทย-จีน ที่เน้นการวางยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างไทย-จีน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยการหารือจะเกิดขึ้นปีละครั้ง ซึ่งปีนี้จีนเป็นเจ้าภาพ

    - ผู้บริหารบริษัท บางกอกมีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เปิดเผยว่า หลังจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทั้ง 5 ช่อง ได้แก่ ช่องวัน พีพีทีวี ไทยรัฐทีวี จีเอ็มเอ็ม แชนแนล และไบรท์ทีวี ได้เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีคำแนะนำให้จ่ายค่าใบอนุญาตงวดที่ 3 เพื่อความเท่าเทียมในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการทั้ง 5 ช่องก็มีมติร่วมกันว่าจะทยอยจ่ายเงินงวดดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้

    - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยสินเชื่อแบงก์เดือนพ.ค.ขยายตัวได้เกือบ 3% จากดีลรายใหญ่ที่เข้ามา ส่วนสินเชื่อรายย่อยเช่าซื้อยังแผ่ว ด้านเงินฝากวูบกว่าแสนล้านหลังแบงก์ใหญ่ไม่ต่อแคมเปญ

     - 'คลัง' ซุ่มเงียบเสนอ ครม.ตั้งแต่ พ.ค.ที่ผ่านมา แก้ไขกฎหมายการรับให้ จากเดิมกำหนดไม่เกิน 20 ล้านบาท เป็นให้คนละไม่เกิน 20 ล้านบาท ไม่จำกัดจำนวน ชี้เพื่อความเป็นธรรม ระหว่างเศรษฐีมีลูกโทนกับเศรษฐีลูกดก ย้ำวิธีนี้ถูกต้องสอดรับกับกฎหมายมรดกโอนได้หลายคน คนละไม่เกิน 100 ล้านบาท เผยกระทบรายได้รัฐ 'จิ๊บจิ๊บ' แต่จูงใจให้คนยอมจ่ายภาษีมากขึ้น ลุ้น สนช.ผ่านฉลุย

*หุ้นเด่นวันนี้

     - ADVANC (กรุงศรี) "ซื้อ"เพิ่มเป้าเป็น 185 บาท คาดกำไรสุทธิใน 2Q59F จะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% qoq และ 2% yoy โดยบริษัทจะประกาศงบในวันที่ 4 สิงหาคม  พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี FY59F เพิ่มขึ้น 12% เป็น 3.35 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าคาด และเลือกเป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

    - TCAP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 48 บาท แจ้งลดทุนจากการตัดหุ้นที่ซื้อคืนและไม่ได้ขายออก (หมดเวลาขายคืนแล้ว) จำนวน 71.35 ล้านหุ้น หรือ 5.6% ของทุนเดิม จะทำให้ EPS และ BVPS เพิ่มขึ้นราว 6% และ ROE เพิ่มเล็กน้อยเป็น 11.6% ซึ่งเรารวมในประมาณการแล้ว แนวโน้มกำไร 2Q59 คาดเพิ่มสวนทางกลุ่ม +4.4% Q-Q, +1% Y-Y แม้จะถูกกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ชดเชยด้วยการตั้งสำรองฯที่ลดลง โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ +16.8% Y-Y เป็นหนึ่งในไม่กี่แบงก์ที่กำไรโต จากสำรองฯที่ลดลงและ tax benefit

      - CPN (โกลเบล็ก) เป้า 65 บาท คาดรายได้ปี 59 ที่ 3.45 หมื่นลบ. (+26%) และกำไรสุทธิ +15% เป็น 9.8 พันลบ. แนวโน้มกำไร 2Q59 ทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสแรกทีมีกำไร 2,350 ลบ. และดีกว่า 2Q58 ที่มีกำไร 2,006 ลบ. แม้ว่าเดือนเม.ย.จะมีวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์แต่เดือนมี.ค.และพ.ค.เป็นช่วงโลว์ซีซัน, ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างสาขาในประเทศ 3 แห่งที่จ.นครศรีธรรมราช จ.นครราชสีมา และจ.ภูเก็ต เฟส 2 และในต่างประเทศคือมาเลเซีย 1 สาขา ปี 61 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อขายในทำเลใกล้กับศูนย์การค้าสาขาเชียงใหม่ ระยอง และขอนแก่น

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกผลกระทบจาก Brexit

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อผลกระทบหลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit)

       ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.9% สู่ระดับ 124.66 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,094.71 จุด ลดลง 214.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,885.01 จุด ลดลง 10.69 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,898.75 จุด ลดลง 328.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,438.76 จุด ลดลง 20.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,907.71 จุด ลดลง 19.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,705.07 จุด ลดลง 24.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,624.32 จุด ลดลง 5.20 จุด

      ทั้งนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ได้พากันลดอันดับเครดิตของอังกฤษเนื่องจากผลพวงของ Brexit โดย S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" พร้อมกับเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืออีก

     ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "AA" จากระดับ "AA+" พร้อมเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีกเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 156.49 จุด เหตุวิตกผลกระทบ Brexit

    ตลาดหุ้นลอนดอนทำสถิติปรับตัวลดลง 2 วันติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่อังกฤษมีมติแยกตัวจากสภาพยุโรป (EU) อย่างเหนือการคาดหมายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 156.49 จุด หรือ 2.55% แตะที่ 5,982.20 จุด โดยปรับตัวลดลง 14% ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน ซึ่งเป็นการร่วงลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530

    อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากที่นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษ กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีความแข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงประชามติเพื่อออกจากสหภาพยุโรปได้

            หุ้นอีซีเจ็ทร่วงลง 22% หลังจากนักวิเคราะห์เตือนว่าอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวอาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากการปรับตัวลดลงของค่าเงินปอนด์ ซึ่งเป็นผลพวงของ Brexit ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงฤดูร้อน

            หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป ร่วงลงอย่างน้อย 15% ในขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวลดลงของอุปสงค์อันเป็นพวงจากผลกระทบของ Brexit

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตก Brexit กระทบศก.-การเมืองอังกฤษ

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 4.1% ปิดที่ 308.75 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.พ.ปีนี้

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,984.72 จุด ลดลง 122.01 จุด หรือ -2.97% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,268.66 จุด ร่วงลง 288.50 จุด หรือ -3.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,982.20 จุด ลดลง 156.49 จุด หรือ -2.55%

    ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงตั้งแต่เปิดทำการ แม้ว่านายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษได้พยายามลดแรงตึงเครียดในตลาดเมื่อวานนี้ ด้วยการแถลงว่า เศรษฐกิจอังกฤษยังคงแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับผลกระทบจาก Brexit ได้ก็ตาม

     ความวิตกกังวลเกี่ยวกับ Brexit ส่งผลให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ได้พากันลดอันดับเครดิตของอังกฤษ โดย S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" พร้อมกับเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก หลังจากที่มีการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมา

     ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "AA" จากระดับ "AA+" พร้อมเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก เนื่องจากผลพวงของ Brexit

      หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 15% หุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 17% หุ้นลอยด์ แบงกิง ร่วงลง 10% หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลง 9.2% หุ้นดอยช์ แบงก์ ดิ่งลง 6.2% และหุ้นโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) ปรับตัวลง 8.4%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 260.51 จุด วิตก Brexit, ฟิทช์- S&P หั่นเครดิตอังกฤษ

     ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อผลกระทบหลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจาก

            สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) และฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ อันเนื่องมาจากผลกระทบของ Brexit

            ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,140.24 จุด ร่วงลง 260.51 จุด หรือ -1.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,594.44 จุด ลดลง 113.54 จุด หรือ -2.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.54 จุด ลดลง 36.87 จุด หรือ -1.81%

            ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก โดยในระหว่างวันนั้น ดัชนี S&P 500 ร่วงหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 2,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

            มอร์แกน สแตนลีย์ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยปีหน้า เนื่องจากจากผลกระทบ Brexit  โดยระบุว่า ยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับสหรัฐและจีน ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบในระดับโลก และการแข็งค่าของดอลลาร์ก็ไม่เป็นผลดีต่ออุปสงค์น้ำมัน

            ด้านโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะ "ถดถอยเล็กน้อย" ในช่วงต้นปี 2560 เนื่องจากผลกระทบของ Brexit และได้รับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลง 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.1%

            นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ได้พากันลดอันดับเครดิตของอังกฤษ โดย S&P ประกาศบลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" พร้อมกับเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่อไป หลังจากที่มีการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมา

            ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "AA" จากระดับ "AA+" พร้อมเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก เนื่องจากผลพวงของ Brexit

            หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 3.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 6.3%

            หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากความกังวลที่ว่าผลกระทบของ Brexit อาจทำให้ความต้องการวัตถุดิบทั่วโลกซบเซาลง โดยหุ้นดาว เคมิคอล และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.1%

            หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ดิ่งลง 5.2% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 6.5%

            หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วยเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 2.8% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% หุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล ทรุดฮวบลงเกือบ 12% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.4%

            นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/59 ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/59, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.โดย S&P/Case-Shiller และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

  อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!