WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์แคบรอผลเฟด-Brexit ยังกดดัน แม้ MSCI เลื่อนรวมหุ้นจีน

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้  ยังกดดันการลงทุนโดยรวม อีกทั้งราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 แล้ว

      อย่างไรก็ดี การที่ล่าสุด MSCI ประกาศที่จะยังไม่เอา A-Share ของจีนเข้ามารวมในการคำนวณดัชนี น่าจะช่วยทำให้ผ่อนคลายความกังวลเรื่อง Fund Flow ไหลออกได้บ้างสำหรับตลาดหุ้นไทย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง

     พร้อมให้แนวรับ 1,415-1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 ถัดไป 1,435-1,438 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,674.82 จุด ลดลง 57.66 จุด (-0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,843.55 จุด ลดลง 4.89 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,075.32 จุด ลดลง 3.74 จุด (-0.18%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 59.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 27.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 226.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.19 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 มิ.ย.59) 1,428.10  จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (+0.44%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 98.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 มิ.ย.59) ปิดที่ 48.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.8%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 มิ.ย.59) ที่ 4.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.30/32 แนวโน้มอ่อนค่าต่อ รอติดตามผลประชุม FED เป็นทางการคืนนี้

       - บอร์ดบีโอไอนัดถกวันนี้(15 มิ.ย.) หลังไม่ได้ประชุมมา 3 เดือนเตรียมเร่งพิจารณาอนุมัติ ส่งเสริมฯ ลงทุน 20 โครงการมูลค่าลงทุนระดับแสนล้านบาท คาดครึ่งปีหลังการลงทุนยังทยอยเข้ามาอีกเพียบโดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

      - นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำหน้าที่ช่วยให้การลงทุนที่ยังติดปัญหาข้อกฎหมาย ติดรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีกฎหมายพิเศษเข้ามาช่วยเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานให้ได้ แต่จะไม่ใช่การไปยกเลิกกฎหมายที่มีอยู่แน่นอน

      - แบงก์กสิกรไทยเตือนค่าเงินผันผวนอีกระลอก ก่อนอังกฤษลงประชามติกรณีอยู่-ออกกลุ่ม อียู เผยผลโพลล่าสุดฝ่ายออกข้างมากทำวิตกเกิดผลกระทบวงกว้าง แนะผู้ประกอบการซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน

     - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการแก้หนี้นอกระบบเป็นแพ็กเกจเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้ โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน จัดตั้งหน่วยหรือฝ่ายพิเศษขึ้นมา เพื่อดูแลเรื่องหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลลูกหนี้และวัดผลสำเร็จโครงการเพื่อประเมินผลภาพรวม แตกต่างจากโครงการที่ผ่านมาที่เปิดให้มีการลงทะเบียนแล้วปล่อยกู้ สุดท้ายก็ไม่มีการวัดผล

     - ครม.ไฟเขียวยกเครื่องกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะ สั่งแยกหนี้ของหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐเป็นกลุ่มหนี้เงินกู้ที่มีความเสี่ยงทางการคลัง หลังปรับนิยามหนี้สาธารณะจะขยับเป็น 10 ล้านล้าน

      - ทอท.เร่งเครื่องสุวรรณภูมิ เฟส 2 นำร่องเปิดขายซองกลุ่มงานส่วนที่ 1 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ เผยบอร์ดพอใจหั่นมูลค่างานลงได้แล้ว 7.3 พันล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

      - BANPU-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.บ้านปู (BANPU)) เทรดวันแรก จำนวน 1,290,939,275 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 5 ก.ย. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 5 มิ.ย. 2560

     - SPALI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท มีสัญญาณฟื้นตัว ตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภค มองตลาดอสังหาต่างจังหวัดกำลังฟื้นตัวใน 2H16 จึงปรับประมาณการ Presales ปีนี้ เพิ่มขึ้น 15% พร้อมปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้นปีละ 3.8% ส่งผลทำให้กำไรทั้งปีนี้และปีหน้าเติบโต 7.6% และ 8.5% ตามลำดับ แม้หุ้นปรับขึ้นมาแล้ว แต่ PE ปีนี้ยังต่ำเพียง 8 เท่า พร้อมปันผล 5% ต่อปี

    - THAI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ 2Q59 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จากราคาน้ำมันในช่วงต้น 2Q59 ที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ THAI ยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58

     - KAMART (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 9.50 บาท ปี 59 คาดกำไรโต 25.0%YoY หลังธุรกิจเครื่องสำอางยังมีทิศทางสดใสจากผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากแบ่งบรรจุสินค้าเอง อีกทั้งยังมีการคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและมีแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งในและ ตปท. และ มี Upside 16% และคาดให้ Div. yield ปีละ 3%

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกข่าว MSCI เลื่อนรวมตลาดหุ้นจีน

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ MSCI ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ประกาศเลื่อนการนำหุ้นจีนจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นตลาดจดทะเบียนหุ้น A-share เข้ารวมในการคำนวณดัชนี MSCI Emerging Markets Index

       ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.4% สู่ระดับ 126.09 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,799.07 จุด ลดลง 59.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,814.69 จุด ลดลง 27.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,161.01 จุด ลดลง 226.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,566.43 จุด ลดลง 9.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,972.00 จุด ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,760.80 จุด ลดลง 7.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,620.92 จุด ลดลง 5.19 จุด

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอังกฤษจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น

    ทั้งนี้ ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของอังกฤษระบุว่า จำนวจชาวอังกฤษที่เลือกสนับสนุนแคมเปญ "Leave" มีมากกว่าผู้สนับสนุนแคมเปญ "Remain" ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวอังกฤษจำนวนมากต้องการให้สหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 121.44 จุด เหตุวิตก Brexit

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ (14 ม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ หรือ Brexit

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 121.44 จุด หรือ 2.01% แตะที่ 5,923.53 จุด และปรับตัวลดลง 4 วันติดต่อกัน ทำสถิติลดลงติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็น Brexit หลังผลสำรวจบางส่วนบ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษมีแนวโน้มที่จะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นอันโตฟากัสตาต่างก็ร่วงลงมากกว่า 5%

      หุ้นแอชทีด กรุ๊ป เป็นเพียงหุ้นตัวเดียวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ โดยเพิ่มขึ้น 3% หลังระบุว่าบริษัทจะเริ่มซื้อคืนหุ้นจากนักลงทุน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตก Brexit ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเป็นวันที่ 5

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) โดยตลาดปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.9% ปิดที่ 320.53 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,130.33 จุด ลดลง 96.69 จุด หรือ -2.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,519.20 จุด ลดลง 138.24 จุด หรือ -1.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,923.53 จุด ลดลง 121.44 จุด หรือ -2.01%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอังกฤษจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น

    ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของอังกฤษระบุว่า จำนวจชาวอังกฤษที่เลือกสนับสนุนแคมเปญ "Leave" มีมากกว่าผู้สนับสนุนแคมเปญ "Remain" ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวอังกฤษจำนวนมากต้องการให้สหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายและหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

       หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นบังโค คอมเมอร์เชียล เปอร์ตุเกส เอสเอ ดิ่งลง 4.5% หุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ เอสพานอล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสเปน ดิ่งลง 6.2% และหุ้นดอยช์แบงก์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.9%

        อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 0% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ถือเป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาด เนื่องจากบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังขาดความเชื่อมั่นต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 57.66 จุด ก่อนรู้ผลประชุมเฟด,ตลาดวิตก Brexit

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit)

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,674.82 จุด ลดลง 57.66 จุด หรือ -0.33% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,843.55 จุด ลดลง 4.89 จุด หรือ -0.10% และดัชนี S&P500 ปิดวัที่ 2,075.32 จุด ลดลง 3.74 จุด หรือ -0.18%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอังกฤษจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยสกัดแรงลบของตลาดในระหว่างวัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 2 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่ง

   กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014

     หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 4.1% หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล ร่วงลง 6.6% หุ้นคีย์คอร์ป และหุ้นซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 3.4%

    หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 5.4% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ร่วงลง 4.5%

    หุ้นกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโฮม ดีโปท์ และหุ้นลูว์ คอส ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.8% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนพ.ค.ที่อ่อนแรงลง ขณะที่หุ้นโคลท์ และหุ้นนอร์ดสตรอม ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.3%

    นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!