WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET46ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค เหตุยังกังวล Brexit,หุ้นไทยปรับขึ้นมากแล้ว

     นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวผลการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งผลสำรวจที่ออกมาก็สร้างความกังวลเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลดความเสี่ยงก่อน เพื่อรอดูผลการลงประชามติที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า

     นอกจากนี้ ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. ก็คงจะมีการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อน ซึ่งตลาดฯก็รับรู้เรื่องนี้ไปแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นไปมาก ซึ่งทางฝ่ายวิจัยก็เห็นว่าเมื่อดัชนีฯขึ้นสูงเกินระดับ 1,400 จุดก็แนะนำให้ take profit ไปก่อน

พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,732.48 จุด ร่วงลง 132.86 จุด (-0.74%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,848.44 จุด ลดลง 46.11 จุด (-0.94%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.06 จุด ลดลง 17.01 จุด (-0.81%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 17.99 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 36.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 22.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 14.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.08 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มิ.ย.59) 1,421.86 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.51%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 444.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มิ.ย.59) ปิดที่ 48.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.4%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มิ.ย.59) ที่ 4.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.16/18 แนวโน้มยังแข็งค่า รอความชัดเจนจากประชุม FED-BOJ-BOE

   - ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยมูลค่าระดมทุน 5 เดือนแรกทรุดฮวบ อยู่ที่ 25,034 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกว่า 83.9% เหตุจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ส่งผลให้เอกชนชะลอระดมทุน พร้อมคงเป้ามาร์เกตแคปไอพีโอปีนี้ที่ 2.5 -2.7 แสนล้านบาท

     - กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เผยทิศทางการทำงานของเอ็กซิมแบงก์จากนี้จะเน้นการใช้สินเชื่อควบคู่ประกันการส่งออกและลงทุน โดยเฉพาะการประกันการส่งออกให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่จะออกมาช่วยผู้ประกอบการ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้

   - "คมนาคม" จี้ กพท.เร่งปรับปรุง พ.ร.บ.การบิน ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน หลังพบล้าสมัยใช้มากว่า 50 ปี แย้มเตรียมหยิบกฎหมายแม่แบบจาก ICAO มาสางปมปัญหาหนุนอำนาจด้านกำกับดูแลของ ผอ.กพท. และเรกูเลเตอร์เข้มงวดสายการบิน ด้านนายกฯ ชี้ปลดล็อกธงแดงภายใน 6 เดือน

    - กรรมการมาตรา 35 สรุปเคาะเจรจาตรง BEM เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ เพื่อยุติเชื่อมต่อสถานี เตรียงชงบอร์ดพิจารณา 15 มิ.ย.นี้

    - ศูนย์วิจัยทองคำระบุดัชนีเชื่อมั่นทองคำ มิ.ย.59 ขยับขึ้นตามการเก็งกำไรและความต้องการเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

    - ACC-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น (ACC)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 299,999,650 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.25 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2560 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 2 พ.ค. 2562

     - CCN-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. ซีซีเอ็น-เทค (CCN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 114,997,445 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี จากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ออกคือ 1 มิถุนายน 2559) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ธ.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 31 พ.ค. 2562

     - IEC-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 40,670,703,826 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  \1 หุ้นสามัญใหม่ อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 22 พ.ค. 2562

       - GPSC (ไอร่า) เป้า 38 บาท การขยายกำลังการผลิตยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดย GPSC มีแผนงานที่จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 1,922 MW ในปี 62 จากปลายปี 58 ที่ 1,338 MW ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 9.5% และอยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาจำนวน 3 โครงการ ซึ่งมอง GPSC มีความได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากมีกลุ่ม PTT ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีการลงทุนในเมียนมา มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้การที่เมียนมามีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และมีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเรียบร้อยแล้ว จะช่วยให้การเจรจามีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. นี้

     - SMT  (โกลเบล็ก) เป้า Consensus  9 บาท Q1/59 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร 38 ล้านบาท และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องใน Q2/59 จากการเน้นผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง ด้านผู้บริหารคาดปี 2559 รายได้และกำไรเติบโต ตามเป้าหมายรายได้ +13% YoY เป็น 8 พันล้านบาท นำโดยสินค้า Value added โดยเฉพาะ IC Packaging ที่เติบโตสูงมาก ส่วนการร่วมลงทุนสร้างโรงงานแผงโซลาร์เซลล์ Solar Panel Generation3 กับพันธมิตรรายใหญ่ของอเมริกาเฟสแรกกำลังการผลิต 40 MW/ปี คาดมีกำไรเพิ่มราว 60 ล้านบาท/ปี ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายใน Q4/59 และมีโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200MW

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ขณะจับตาผลประชุมเฟด-Brexit

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. ขณะเดียวกันก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific อ่อนตัวลง 0.2% สู่ระดับ 127.17 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,001.19 จุด ลดลง 17.99 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,824.23 จุด ลดลง 8.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,476.75 จุด ลดลง 36.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,513.51 จุด ลดลง 22.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,976.80 จุด ลดลง 2.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,770.96 จุด ลดลง 14.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,629.69 จุด ลดลง 0.08 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 70.79 จุด เหตุวิตกผลกระทบ Brexit

     ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (13 ม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หากอังกฤษแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (EU)

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 70.79 จุด หรือ 1.16% แตะที่ 6,044.97 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนซื้อขายอย่างผันผวน หลังผลโพลล์บ่งชี้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU มีคะแนนนำฝ่ายที่สนับสนุนให้ยังอยู่ใน EU

       ผลสำรวจของ YouGov ระบุว่า ผู้ที่ต้องการให้อังกฤษออกจาก EU มีจำนวน 43% ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 42% ส่วนผลการสำรวจออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า ผู้ที่เชื่อว่าอังกฤษควรออกจาก EU มีจำนวน 55% ขณะที่ผู้ที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 45%

     หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทโซซิเอเต เจเนอราล เอสเอ ระบุว่า การแยกตัวออกจาก EU ของอังกฤษ หรือ Brexit ส่งผลให้หุ้นของบริษัทขาดความน่าสนใจ

     หุ้น G4S ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยของอังกฤษ ร่วงลง 5% หลังจาก G4S นายโอมาร์ มาทีน มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงไนท์คลับในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 50 คนนั้น เป็นพนักงานของบริษัทมานับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 โดยทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับ FBI เพื่อดำเนินการสืบสวน

   หุ้นอินมาร์แซทดีดตัวขึ้น 1% หลังจากบริษัทลงนามในสัญญาพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับบริษัท SpeedCast International

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกผลกระทบ Brexit ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

  ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากอังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) โดยอังกฤษจะจัดการลงประชามติเพื่อตัดสินว่าจะออกจาก EU  หรือไม่ ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

  ดัชนี Stoxx Europe 600  ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 326.80 จุด

  ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,227.02 จุด ลดลง 79.70 จุด หรือ -1.85% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,657.44 จุด ร่วงลง 177.18 จุด หรือ -1.80% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,044.97 จุด ลดลง 70.79 จุด หรือ -1.16%

    นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติของอังกฤษในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ เนื่องจากหากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น

  ผลการสำรวจของสำนักต่างๆพบว่า ชาวอังกฤษที่มีความเห็นสนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะนี้มีจำนวนมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงอยู่ในยุโรป

   ทั้งนี้ ผลสำรวจของ YouGov ระบุว่า ผู้ที่ต้องการให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) มีจำนวน 43% ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 42% ส่วนผลการสำรวจออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า ผู้ที่เชื่อว่าอังกฤษควรออกจาก EU มีจำนวน 55% ขณะที่ผู้ที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 45%

    หุ้น G4S ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยของอังกฤษ ร่วงลง 5% หลังจาก G4S นายโอมาร์ มาทีน มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงไนท์คลับในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 50 คนนั้น เป็นพนักงานของบริษัทมานับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 โดยทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับ FBI เพื่อดำเนินการสืบสวน

     หุ้นโนเกีย ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากบริษัททำข้อตกลงมูลค่า 1.36 พันล้านยูโรเพื่อจัดหาอุปกรณ์คลาวด์เน็ทเวิร์กให้กับบริษัทไชน่า โมบาย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 132.86 จุดก่อนประชุมเฟด,ตลาดวิตก Brexit

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) โดยตลาดปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลต่อผลการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,732.48 จุด ร่วงลง 132.86 จุด หรือ -0.74% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,848.44 จุด ลดลง 46.11 จุด หรือ -0.94% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.06 จุด ลดลง 17.01 จุด หรือ -0.81%

    บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงหุ้น ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มิ.ย. เพื่อจับตาว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติของอังกฤษในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ เนื่องจากหากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น

     ผลการสำรวจของสำนักต่างๆพบว่า ชาวอังกฤษที่มีความเห็นสนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะนี้มีจำนวนมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงอยู่ในยุโรป

     ทั้งนี้ ผลสำรวจของ YouGov ระบุว่า ผู้ที่ต้องการให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) มีจำนวน 43% ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 42% ส่วนผลการสำรวจออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า ผู้ที่เชื่อว่าอังกฤษควรออกจาก EU มีจำนวน 55% ขณะที่ผู้ที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 45%

    หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลงกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่าไมโครซอฟท์ อิงค์ ประกาศซื้อกิจการ LinkedIn ด้วยวงเงิน 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาหุ้นละ 196 ดอลลาร์ โดยข้อตกลงดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหารของทั้ง 2 บริษัท และคาดว่าจะสามารถปิดข้อตกลงได้ภายในสิ้นปีนี้

   อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น LinkedIn พุ่งขึ้นแข็งแกรงถึง 47% และยังช่วยหนุนหุ้นทวิตเตอร์พุ่งขึ้นกว่า 3% ด้วยเช่นกัน

    หุ้นแอปเปิลร่วงลง 1.5% แม้ว่าแอปเปิล อิงค์ ได้จัดการประชุม Worldwide Developers Conference (WWDC) เมื่อวานนี้ ซึ่งมีการเผยโฉมโปรแกรม "สิริ" แบบปรับปรุงใหม่ รวมทั้งเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 10 และระบบปฏิบัติการ Mac ครั้งใหม่

   หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุกราดยิงไนท์คลับในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ต่างก็ร่างลงกว่า 3%

   หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ขยับขึ้น 0.7% หุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้นกว่า 2% แต่หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ดิ่งลง 6.7% และหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.5%

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงราคาส่งออก-นำเข้าเดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API)

       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!