- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 24 May 2016 10:24
- Hits: 1192
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลงต่อรับน้ำมันลบ-กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย-PMI ทั่วโลกแย่กว่าคาด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่ามีโอกาสปรับลงต่อ จากประเด็นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั่วโลกที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้แย่กว่าที่คาดไว้ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างปรับตัวลดลง จึงเป็นปัจจัยกดดันหลักของวันนี้
ขณะที่ตลาดต่างประเทศเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบราว 0.1-0.3% ส่วนหนึ่งตอบรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงหลังจากสถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาคลี่คลายลง และอิหร่านประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
สำหรับ วันนี้ให้แนวรับ 1,370 จุดบวก/ลบ ส่วนแนวต้าน 1,384-1,388 จุด แนะถือเงินสดเพราะมองตลาดหุ้นเดือน พ.ค.-มิ.ย.เป็นช่วงปรับฐาน อาจทยอยเข้าสะสมหากดัชนีต่ำกว่า 1,370 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,492.93 จุด ลดลง 8.01 จุด(-0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.78 จุด ลดลง 3.78 จุด(-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,048.04 จุด ลดลง 4.28 จุด (-0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 18.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.19 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 49.56 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.34 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 5.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.07 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ค.59) 1,381.69 จุด ลดลง 4.17 จุด (-0.30%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 480.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 พ.ค.59) ปิดที่ 48.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ค.59) ที่ 5.53 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.68/70 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง รอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 35.65-35.80
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ในเดือนพ.ค. จาก 53.0 ในเดือนเม.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรนั้นขยายตัวช้าลง
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 50.5 ลดลงจากระดับ 50.8 ในเดือนเม.ย.
- บีทีเอสซื้อรถไฟฟ้าล็อตใหญ่ 1.1 หมื่นล้าน "สมคิด"ยกเป็นตัวอย่างธุรกิจกล้าลงทุนในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว พร้อมเร่งรฟม.เปิดประมูลรถไฟฟ้า3สายในเดือนมิ.ย.นี้ ด้าน"คีรี"ลั่นพร้อมประมูลทุกโครงการ เตรียมเงินลงทุน 2 แสนล้าน ขณะโบรกฯมองโอกาสสูงได้งานเดินรถเพิ่ม
- "คลัง"ยืนยันเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีกว่า เพื่อนบ้าน ระบุ "มูลค่าส่งออก-นักท่องเที่ยว -การลงทุน" สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่อง มั่นใจไตราส2 และ 3 เบิกจ่ายลงทุนภาครัฐกว่าแสนล้าน ขณะ "ศุภวุฒิ" ประเมิน "นำเข้า" หดตัวแรงหนุนยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่ง ดัน"จีดีพี" ปีนี้เติบโต
- สำนักงาน กสทช. เผย 17 ช่องทีวีดิจิทัล จ่ายเงินประมูลงวด 3 รวม 6.4 พันล้านบาท พบ 5 ช่อง "พีพีทีวี-ไทยรัฐทีวี-วัน-จีเอ็มเอ็ม25 -ไบร์ททีวี" ไม่จ่ายตามกำหนด รอหนังสือชี้แจงสาเหตุ ด้าน 5 ช่องระบุรอคำสั่ง ศาล หลังกำหนดเรียกไต่สวนคุ้มครองเลื่อนจ่ายงวด 3
- ศาลปกครองรับคำฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดินฟ้องปตท.คืนท่อก๊าซไม่ครบ"เทวินทร์"หนุนเปิดเวทีผู้เห็นต่างหารือ ยันปตท.ดำเนินการตามคำสั่งศาลครบถ้วน เดินหน้าธุรกิจชงบอร์ดชี้ชะตาธุรกิจถ่านหิน คาดบอร์ดไม่อนุมัติขายเหตุราคาต่ำ พร้อมชะลอลงทุนธุรกิจขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม พอใจหยุดขาดทุนเอ็นจีวีครั้งแรกในปีนี้
- "สบน."มั่นใจยอดขายพันธบัตรออมทรัพย์จะเต็มวงเงิน 2 หมื่นล้าน แม้ดอกเบี้ยไม่จูงใจมากนัก แต่มีกลุ่มนักลงทุนที่สนใจลงทุนพันธบัตรรัฐบาล เผยยอดขายตั้งแต่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.5 พันล้าน เฉลี่ยรุ่นอายุ 5 ปีจำนวน 3.1 พันล้านบาท รุ่นอายุ 10 ปี 2.4 พันล้าน
*หุ้นเด่นวันนี้
- BTS (เคจีไอ) เป้า Bloomberg Consensus 10.13 บาท วานนี้คณะกรรมการของ BTS อนุมัติให้ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทลูกซื้อขบวนรถไฟฟ้าแบบ 4 ตู้ จำนวน 46 ขบวน ในวงเงินรวมไม่เกิน 270 ล้านยูโร เราคิดว่า BTS น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ขณะที่สายสีเขียวส่วนขยายด้านใต้จะทดลองเปิดให้บริการ 1-2 สถานี (สำโรงและปู่เจ้าสมิงพราย) ช่วงปลายปี 59
- IVL (ซีไอเอ็มบี) แนะนำ"ซื้อ"เป้าหมาย 50 บาท คาดกำไรปีนี้เร่งตัวขึ้นและโตเฉลี่ย 33% ในปี 59-61 สนับสนุนโดยปริมาณขายโต 70% เป็น 11 ล้านตันในปี 61 EBITDA margin ดีขึ้นเท่าตัวเป็น 120 เหรียญ/ตันจากผลิตภัณฑ์ margin สูงอย่าง HVA และการซื้อกิจการนอกเอเชีย, โรงงาน Ethane cracker เปิดผลิตเป็นปัจจัยหนุนหลังปี 60 โดย ROE และ ROCE คาดเพิ่ม 2-3 เท่าช่วงปี 58-61 และกระแสเงินสดอิสระจะกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 3/59 ปรับประมาณการกำไรปี 59-61 ขึ้น 3-18%
- AOT(ธนชาต)"ซื้อ"พื้นฐาน 460 บ.รายได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดสนามบินดอนเมือง Terminal 2 ขณะที่จำนวนผู้โดยสาร +12.8% y-y ใน 1H16
ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังจนท.เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังเงินเยนแข็งค่าฉุดหุ้นส่งออกญี่ปุ่นร่วง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็วิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่นานนี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 125.91 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,605.04 จุด ลดลง 49.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,839.68 จุด ลดลง 3.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,828.02 จุด เพิ่มขึ้น 18.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,329.69 จุด ลดลง 14.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,951.18 จุด ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,760.74 จุด ลดลง 6.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,631.27 จุด ลดลง 3.62 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในปีหน้า
ขณะที่นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้เช่นกันว่า เมื่อพิจารณาจากภาวะในตลาดแรงงานและสถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้แล้ว การที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 19.89 จุด จากแรงขายหุ้นเหมืองแร่
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่หุ้นดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 19.89 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 6,136.43 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นบรเอชพี บิลลิตัน ที่ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 2.5%
หุ้นอินมาร์แซทลดลง 2.8% เนื่องจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท
หุ้นเออาร์เอ็ม โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากหนังสือพิมพ์อีโคโนมิค เดลี นิวส์ รายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้แจ้งให้ซัพพลายเออร์ของบริษัทเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตโทรศัพท์รุ่น iPhone 7
หุ้นรอยัล เมล เพิ่มขึ้น 3.6% เนื่องจากนักวิเคราะห์ของบริษัทอาร์บีซีปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ หลังจากไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทมอนซานโตของสหรัฐ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังซบเซาลงหลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 336.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,325.10 จุด ลดลง 28.80 จุด หรือ -0.66% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,842.29 จุด ลดลง 73.73 จุด หรือ -0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,136.43 จุด ลดลง 19.89 จุด หรือ -0.32%
หุ้นไบเออร์ร่วงลง 5.7% หลังจากไบเออร์ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเมล็ดพืชรายใหญ่ของสหรัฐ ด้วยเงินสดมูลค่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 122 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ ข้อเสนอซื้อกิจการในครั้งนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากทางการสหรัฐ เพื่อป้องกันการผูกขาดในธุรกิจ
หุ้นกลุ่มรถยนต์ถูกเทขายอย่างหนัก นำโดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ดิ่งลง 4.4% หลังจากหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เยอรมนีตั้งข้อสงสัยว่าเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ใช้ซอฟท์แวร์ที่ผิดกฎหมายเพื่อโกงการทดสอบค่าปล่อยไอเสีย
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อวานนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกรีซพุ่งขึ้น 1.5% หลังจากที่รัฐสภากรีซได้อนุมัติแผนปฏิรูปภาษีและมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ด้วยคะแนนสนับสนุน 153 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่และชำระหนี้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ตามกำหนดการในเดือนมิ.ย.นี้
ทั้งนี้ กรีซคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดประชุมครั้งต่อไปของยูโรกรุ๊ป
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 8.01 จุด หลังจนท.เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,492.93 จุด ลดลง 8.01 จุด หรือ -0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.78 จุด ลดลง 3.78 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,048.04 จุด ลดลง 4.28 จุด หรือ -0.21%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนตลอดทั้งวัน เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในปีหน้า
ขณะที่นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้เช่นกันว่า เมื่อพิจารณาจากภาวะในตลาดแรงงานและสถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้แล้ว การที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
การแสดงความคิดเห็นของประธานเฟดทั้งสองนั้น สอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆได้ออกมาแสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ รวมถึงนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ซึ่งกล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้
ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล และนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. เนื่องจากเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง 0.7% และข้อมูลของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 50.5 ลดลงจากระดับ 50.8 ในเดือนเม.ย.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ และหุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชัน ต่างก็ร่วงลงอย่างหนัก แต่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากหนังสือพิมพ์อิโคโนมิค เดลี่รายงานว่า แอปเปิลได้สั่งให้ซัพพลายเออร์หลายแห่งเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
หุ้นมอนซานโตพุ่งขึ้น 4.4% หลังจากไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเมล็ดพืชรายใหญ่ของสหรัฐ ด้วยเงินสดมูลค่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 122 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ข้อเสนอซื้อดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าราคาปิดตลาดของหุ้นมอนซานโต ณ วันที่ 9 พ.ค. ถึง 37% ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะมีข่าวแพร่สะพัดว่า ไบเออร์วางแผนควบกิจการกับมอนซานโต
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์, ดุลการค้าเดือนเม.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ประมาณการจีดีพีไตรมาส 1/2559 ครั้งที่ 2, การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์