- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 18 May 2016 09:59
- Hits: 2206
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค กังวลเฟดจะขึ้นดบ.-ไร้ปัจจัยหนุนหลังสิ้นสุดประกาศงบฯ Q1/59
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงจะปรับตัวลงเหมือนกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจากมีความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาขยับตัวเพิ่มขึ้น
อีกทั้ง ดัชนีฯยังไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,420 จุด ทำให้ยังไม่เป็นสัญญาณบวก และเมื่อมีปัจจัยมากระทบก็พร้อมที่จะ take profit อีกทั้งเมื่อเสร็จสิ้นการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียน ตลาดฯก็ไม่มีปัจจัยหนุนอะไรด้วย จึงหมดช่วงข่าวดี และวันนี้เงินบาทก็อ่อนค่าลงด้วย ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจจะขายหุ้นไทยออกมา
พร้อมให้แนวรับ 1,395-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,529.98 จุด ลดลง 180.73 จุด (-1.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,715.73 จุด ลดลง 59.73 จุด (-1.25%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.21 จุด ลดลง 19.45 จุด (-0.94%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 41.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 15.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 256.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 24.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 5.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 17.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 8.64 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 พ.ค.59) 1,406.57 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด (+0.64%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 645.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 พ.ค.59) ปิดที่ 48.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ค.59) ที่ 4.67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.61/63 แนวโน้มอ่อนค่าต่อหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนดอลล์แข็ง ตลาดมองเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย
- กสทช.ชี้ประมูล 4จี เหลือบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส รายเดียว เริ่มเคาะ 7.5 หมื่นล้านบาท ส่วนทรูถอนตัว ชี้มีศักยภาพครอบคลุมแล้ว ดีแทคไม่ร่วม อ้างมีคลื่นเพียงพอ
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากตัวเลขของสภาพัฒน์ เป็นการฟื้นตัวอย่างอ่อนและไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและผู้บริโภคที่ยังเปราะบาง ในไตรมาส 2 ก็จะยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่น คาดว่าในครึ่งปีแรกจีดีพีน่าจะขยายตัวได้ 3% ขึ้นไป และจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในครึ่งปีหลัง
- นายวิเชษฐ์ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไปสายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. อยู่ระหว่างการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสินเชื่อ พ.ศ. 2534 ใหม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ รองรับกับการขยายขอบเขตการค้ำประกันของ บสย. ครอบคลุมถึงผู้ให้บริการ ได้แก่ กลุ่มนันแบงก์ กลุ่มลีสซิ่ง แฟกเตอริ่ง นาโนไฟแนนซ์ จากปัจจุบันที่จะให้บริการแก่สถาบันการเงินได้เท่านั้น
- กทค.สั่ง กสทช.เร่งคำนวณและออกประกาศควบคุมอัตราราคาค่าใช้บริการแบบเดียวทุกคลื่นความถี่ ให้มีผลบังคับใช้ในไตรมาส 3 ปีนี้ และให้สิทธิประชาชนขอเงินคืนได้หากโดนเก็บเงินเกินเพดานราคา ร่อนหนังสือทุกค่ายมือถือปฏิบัติตามทันที
- นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคแล้ว และคาดว่าจะกลับมาดีต่อเนื่องจากนี้ เห็นได้จากยอดขายมาม่าช่วง 4 เดือนแรกเติบโต 12% หลังจากยอดขายทรงตัวมาตลอด 2 ปี โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายมาม่าเติบโต 7% หรือมูลค่ากว่า 10,500 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- TASCO (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผ่านช่วง low season ในเดือน ก.พ. มาแล้ว ซึ่งปัจจุบันราคายางมะตอยได้ปรับตัวขึ้นกว่า 50% จากช่วงเวลาดังกล่าว คาดว่าในงวด 2Q59 TASCO ยังคงได้รับอานิสงส์จากยอดขายในประเทศ ในขณะที่ spread ของยางมะตอยยังอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ผลจากการควบรวมบริษัทฯในประเทศอินโดนิเซียและเวียดนามจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง 2Q59 เช่นกัน ปัจจุบัน TASCO ขายด้วย PE เพียง 7 เท่า
- BWG (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 2.68 บาท คาดไตรมาส 3/59 เริ่ม COD โรงไฟฟ้าขยะ (อุตสาหกรรมฯ) เฟสแรกกำลังการผลิต 9MW ขณะที่คาด กกพ เตรียมเปิดใบอนุญาตโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมฯ หลังการประมูล FiT โรงไฟฟ้าชีวมวลกลางปีนี้ เป็น Upside ต่อ BWG (โดย กกพ เตรียมเปิดใบอนุญาตโรงไฟฟ้าขยะ ชุมชน และอุตสาหกรรมรวม 150MW)
- SYNTEC (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 3.70 บาท ช่วง 1Q59 กำไรปกติโต 31%QoQ ดีกว่าคาด ส่วนทั้งปี 59 คาดกำไรปกติโต 11%YoY หลังยังมี Backlog 9.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 60 ขณะที่มีงานระหว่างประมูลอีก 19 โครงการ มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะรู้ผลบางส่วนในเดือน มิ.ย. นี้ และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 28%
- KAMART (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 9.50 บาท ช่วง 1Q59 กำไรโต 64.9%YoY หลังธุรกิจเครื่องสำอางมียอดขายโตเด่น 11.4%YoY และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น อีกทั้งยังคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดยังสดใส หลังสินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นและรุกขยายช่องทางจำหน่ายต่อเนื่อง ซึ่งคาดหนุนปี 59 โต 25%YoY และมี Upside 27%
- GFPT (เคทีบี)"ซื้อ"เป้า 14 บาท คาดแนวโน้มกำไรของ GFPT น่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส โดยเหตุผลหลักมาจากแนวโน้มการส่งออกที่ดีและการฟื้นตัวของกำไรจากบริษัทร่วม โดยแม้จะมองว่าปัญหา oversupply ในประเทศจะยังมีอยู่และจะทำให้ราคาไก่ในประเทศทรงตัวในระดับต่ำต่อไป แต่ GFPT ก็จะได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบระดับต่ำมาชดเชยทำให้ GFPT มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นได้
ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 127.36 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,611.40 จุด ลดลง 41.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,828.18 จุด ลดลง 15.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,862.42 จุด ลดลง 256.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,115.61 จุด ลดลง 24.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,962.78 จุด ลดลง 5.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,764.11 จุด ลดลง 17.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,624.75 จุด ลดลง 8.64 จุด
ทั้งนี้ นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
ด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดขยับลง วิตกข้อมูลการค้ายูโรโซนอ่อนแอ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (EU) หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า การส่งออกและนำเข้าของยูโรโซนปรับตัวลดลงในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.01 จุด ปิดที่ 334.72 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,297.57 จุด ลดลง 14.71 จุด หรือ -0.34% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,890.19 จุด ลดลง 62.71 จุด หรือ -0.63% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,167.77 จุด เพิ่มขึ้น 16.37 จุด หรือ +0.27%
ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแรงลงหลังจากยูโรสแตทระบุว่า การส่งออกของยูโรโซนในเดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.778 แสนล้านยูโร (2.013 แสนล้านดอลลาร์) โดยลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนการนำเข้าของยูโรโซนดิ่งลง 8% สู่ระดับ 1.492 แสนล้านยูโร
ยูโรสแตทระบุว่า ยูโรโซนมีตัวเลขเกินดุลการค้า 2.86 หมื่นล้านยูโรในเดือนมี.ค. เทียบกับระดับ 1.99 หมื่นล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เมื่อพิจารณาทั้งไตรมาส 1 การส่งออกของยูโรโซนลดลง 1% สู่ระดับ 4.858 แสนล้านยูโร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าลดลง 3% สู่ระดับ 4.320 แสนล้านยูโร
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง นำโดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ดิ่งลง 6.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี พาริบาส์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 180.73 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อพุ่ง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และหลังจากประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า รวมทั้งประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,529.98 จุด ลดลง 180.73 จุด หรือ -1.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,715.73 จุด ลดลง 59.73 จุด หรือ -1.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.21 จุด ลดลง 19.45 จุด หรือ -0.94%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเนื่องจากกระแสคาดการณ์เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013 และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และอาหาร
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
ด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว
หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 2.5% แม้ว่าทางบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาสแรก จากระดับ 1.58 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.21 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง โดยหุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 6 เดือน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมของ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 26-27 เม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนเม.ย.จากเฟดชิคาโก และยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.
อินโฟเควสท์