WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้าร่วงตามตลาดทั่วโลก กังวลสถานการณ์ยูเครน-อิสราเอล

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้จะปรับลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่เกิดจากปัจจัยในต่างประเทศ ได้แก่ การต่อสู้รบกันในยูเครนทวีความรุนแรง ซึ่งล่าสุดได้เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตก อีกทั้งสหรัฐฯและยุโรปร่วมกันกดดันรัสเซีย และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียด้วย น่าจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ขณะที่สถานการณ์ที่อิสราเอล ขณะนี้เริ่มมีการส่งกองกำลังภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซา คาดว่าจะมีความสูญเสียมาก

      นอกจากนี้ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง เป็นปัจจัยกดดันอีก

      ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและย้ายการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำพ่งสูงขึ้น ราคาพันธบัตรสูงส่งผลให้ yield ลดลงไป

     "วันนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงกระทันหัน...คาดว่าตอนเช้าเปิดกระโดดลงก่อน ลงไปทดสอบที่แนวรับ หากมีการดีดกลับระหว่างวัน ก็อาจไปถึงแนวต้านที่ 1,530 จุด"นายอภิชาติ กล่าว

     มองแนวรับวันนี้น่าจะอย่ที่ 1,520-1,525 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,530-1,535 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(17 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,976.81 จุด ลดลง 161.39 จุด (-0.94%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,958.12 จุด ลดลง 23.45 จุด (-1.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,363.45 จุด ลดลง 62.52 จุด (-1.41%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 196.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 204.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 72.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.67 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 8.53 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 ก.ค.) ที่ 1,535.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.24 จุด (+0.34%)

   - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,881.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ค.57

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(17 ก.ค.)ที่ 103.19 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(17 ก.ค.)ที่ 5.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเช้านี้อ่อนค่ามาที่ 32.23 จากผลกระทบเครื่องบินมาเลฯ ถูกยิงตก

    - "กสท.-ทอท."ตั้งบอร์ดใหม่ เป็นนายทหาร 5 คน ด้าน "พล.ท.พิชิต" เต็งนั่ง ผอ.กองสลาก คาดเสนอชื่อภายใน เดือนก.ค. นี้ ขณะ สคร.เตรียมรื้อคุณสมบัติ "บัญชีรายชื่อบอร์ด" ใหม่ หวังเป็นทางเลือกหาคนมีฝีมือให้รัฐวิสาหกิจ

     - นักเศรษฐศาสตร์จีน มั่นใจเงินหยวนผงาด ติดหนึ่งในสามสกุลเงินหลักของโลก ใน 5 ปี เผยมูลค่าธุรกรรมเพิ่มถึง 10 ล้านล้าน หยวน คาดสิ้นปีนี้พุ่งแตะ 15 ล้านล้านหยวน จากการเปิดเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ ชี้การค้าเออีซีกับจีน หนุนการใช้เงินหยวนเพิ่มขึ้น

     - ป.ป.ช. ลงมติเอกฉันท์ฟ้องอาญา "ยิ่งลักษณ์" มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าว ระบุเป็นหัวหน้ารัฐบาล รับทราบปัญหาทุกอย่างและมีอำนาจยับยั้งแต่กลับไม่ทำ เตรียมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดสัปดาห์หน้าเพื่อยื่นฟ้องศาลฎีกานักการเมือง ประเมินโครงการเสียหายไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท "นักวิชาการ" ชี้ปมทุจริตใหญ่สุดในขั้นตอนการระบายข้าว คาดปมจีทูจีเก๊ มัดอดีตนายกฯ ปฏิเสธความรับผิดชอบยาก "วรงค์" มั่นใจดิ้นไม่หลุด

     - คสช. คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไป 1 ปี เพิ่มเป็น 10% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 สรรพากรคาดรายได้เพิ่ม 2.1 แสนล้านในงบประมาณปี 2559

*หุ้นเด่นวันนี้

    - PTTEP(เมย์แบงก์กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 187.00 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 14,105 ล้านบาท เติบโต +32.3% yoy และ +13.4% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +5.1% yoy และ +3.0% qoq เป็น 308 บาร์เรลต่อวัน ตามสัดส่วนรับรู้รายได้โครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +2.9% yoy และ +3.2% qoq เป็น US$67.00/BOE ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น +1.6% qoq ราคาหุ้นมี Momentum เชิงบวกจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ไต่ระดับขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน +1.9% dod เป็น US$103.19/barrel จากเหตุการณ์ตึงเครียดในยูเครน ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q – 4Q57 ขยายตัว qoq ต่อเนื่อง จากการรับรุ้รายได้โครงการ Hess แบบเต็มงวดใน 3Q57 และ โครงการซอติก้าใน 4Q57 Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.6 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.1 เท่า และเชื่อว่าจะเป็นหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ

     - JAS (ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 10.80 บาท รายงานกำไรดีใน 2Q14 จำนวน 885 ลบ. เพิ่มขึ้น 24% y-y และ 4% q-q เหมือนที่เราและตลาดคาด ปัจจัยผลักดันกำไรเติบโตทั้ง y-y และ q-q คือ รายได้จากธุรกิจบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยใน 2Q14 อยู่ที่ 60.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 60.6% ใน 2Q13 และทรงตัวจาก 60.8% ใน 1Q14 จำนวนสมาชิกใหม่สุทธิของ ADSL และ FTTX ยังคงแข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น ~62,500 ราย ใน 2Q14 เป็น 1.55 ล้านราย ณ 2Q14 เพิ่มขึ้นจาก 1.48  ล้านราย ณ 1Q14 และ  1.3 ล้านราย ณ 2Q13 กำไรสุทธิของใน 6M14 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะยังดีต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆไป หนุนโดยจำนวนสมาชิก ADSL และ FTTX ใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นและอัตรากำไรสูงขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังเครื่องบินมาเลเซียตกที่ยูเครน

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตกที่ยูเครน

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.6% เมื่อเวลา 10.03 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,174.08 จุด ลดลง 196.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,047.50 จุด ลดลง 8.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,316.46 จุด ลดลง 204.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,335.38 จุด ลดลง 72.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,007.12 จุด ลดลง 13.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,295.22 จุด ลดลง 11.67 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,874.61 จุด ลดลง 8.53 จุด

    ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยของยูเครนเปิดเผยว่า กลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH-17 ตกลงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องโบอิ้ง 777 มีผู้โดยสารพร้อมลูกเรืออยู่บนเครื่อง 295 คน และเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 46.35 จุดหลังเครื่องบินมาเลย์ตกในยูเครน

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยมีแรงกดดันจากเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในยูเครน และจากการที่สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย

   ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 46.35 จุด หรือ 0.68% ที่ 6,738.32 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวในแดนลบ หลังจากบรรดาผู้นำของประเทศในกลุ่มอียูได้ตัดสินใจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากมาตรการคลี่คลายวิกฤติยูเครนของรัสเซียนั้น ไม่เป็นที่น่าพอใจ

                แถลงการณ์ระบุว่า คณะกรรมาธิการอีซีมีมติคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มองค์กรต่างๆ รวมถึงองค์กรรัสเซีย ซึ่งมีพฤติกรรมสนับสนุนด้านวัตถุและการเงินต่อขบวนการบ่อนทำลายหรือเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกราชของยูเครน

                นอกจากนี้ ตลาดยังมีปัจจัยลบจากเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ได้ตกลงในเมืองโดเนทสค์ ประเทศยูเครน ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนของประเทศรัสเซีย โดยผู้โดยสาร 280 คนและลูกเรือ 15 คนบนเครื่องได้เสียชีวิตทั้งหมด

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ข่าวเครื่องบินมาเลเซียตก ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ได้ตกลงในพื้นที่ชายแดนยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสาร 295 คนเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าสหรัฐและสหภาพยุโรปมีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 339.74 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,316.12 จุด ลดลง 52.94 จุด หรือ -1.21% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,753.88 จุด ร่วงลง 105.39 จุด หรือ -1.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,738.32 จุด ลดลง 46.35 จุด หรือ -0.68%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์-ยูเครน รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยยูเครนว่า กลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องโบอิ้ง 777 มีผู้โดยสารพร้อมลูกเรืออยู่บนเครื่อง 295 คน และเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและกลุ่มชาติตะวันตกจะบานปลายยิ่งขึ้น หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม เนื่องจากรัสเซียล้มเหลวในการคลี่คลายวิกฤตยูเครน โดยการคว่ำบาตรครั้งนี้สหรัฐได้พุ่งเป้าหมายไปที่บริษัทการเงิน พลังงาน และอาวุธของรัสเซีย

   ขณะที่กลุ่มผู้นำของอียูได้ตัดสินใจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียด้วยเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มองค์กรต่างๆ รวมถึงองค์กรรัสเซีย ซึ่งมีพฤติกรรมสนับสนุนด้านวัตถุและการเงินต่อขบวนการบ่อนทำลายหรือเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกราชของยูเครน

   หุ้นโนวาร์ติส ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสวิส ร่วงลง 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ายอดขายในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 3% แตะระดับ 3.28 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.37 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    หุ้นธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโต ร่วงลง 7.9% หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารแห่งนี้ลงสู่ระดับ B- จากระดับ B พร้อมให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็นเชิงลบ

    หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย ร่วงลง 4.1% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทเทเลโฟนิกา จะปรับลดการถือหุ้นในเทเลคอม อิตาเลีย ลงประมาณ 1 ใน 3

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 161.39 จุด ตลาดตื่นข่าวเครื่องบินมาเลเซียตก

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้โดยสาร 295 คนบนเครื่อง ได้ตกลงในยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการสร้างบ้านที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในสหรัฐ

            ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,976.81 จุด ร่วงลง 161.39 จุด หรือ -0.94% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,363.45 จุด ลดลง 62.52 จุด หรือ -1.41% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,958.12 จุด ลดลง 23.45 จุด หรือ -1.18%

    นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามมากยิ่งขึ้น หลังจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยของยูเครนว่า กลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ พร้อมผู้โดยสาร 295 คนตกลงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ออกมาสั่งการให้กองทัพอิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในภาคพื้นดินที่ฉนวนกาซา

     ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มีรายงานว่าเด็กชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 3 คนหลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังข้อตกลงหยุดหยิงเป็นเวลา 5 ชั่วโมงระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ร่วงลง 9.3% แตะที่ 893,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2556 ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.02 ล้านยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ลดลง 4.2% แตะที่ 963,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.04 ล้านยูนิต

   หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเนื่องจากข่าวโศกนาฎกรรมของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ครั้งล่าสุด โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.1% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ปรับตัวลง 3.5%

   หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวลง 0.6% หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงตลาดเปิดทำการ เพราะได้แรงหนุนหลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 8.6 พันล้านดอลลาร์

  หุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 1.3% แม้ว่าบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการและรายได้ต่อหุ้นที่ดีเกินคาดก็ตาม

   หุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวขึ้น 1% หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ 18,000 ตำแหน่งในปีหน้า หรือคิดเป็น 14% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับประสิทธิภาพดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อธุรกิจมือถือของโนเกียไปก่อนหน้านี้

                อินโฟเควสท์

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 17 ก.ค.2557

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่                      16,976.81 จุด     ลดลง 161.39 จุด,             -0.94%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่                4,363.45 จุด       ลดลง 62.52 จุด,   -1.41%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่                4,363.45 จุด       ลดลง 62.52 จุด,   -1.41%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่             6,738.32 จุด       ลดลง 46.35 จุด,   -0.68%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่                       9,753.88 จุด       ลดลง 105.39 จุด,             -1.07%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่                       9,753.88 จุด       ลดลง 105.39 จุด,             -1.07%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่                     9,408.24 จุด       ลดลง 76.49 จุด,   -0.81%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่                15,370.26 จุด     ลดลง 9.04 จุด,     -0.06%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่                   2,020.90 จุด       เพิ่มขึ้น 7.42 จุด,   +0.37%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,509.90 จุด       เพิ่มขึ้น 5.40 จุด,   +0.10%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่      5,522.40 จุด       เพิ่มขึ้น 3.50 จุด,   +0.06%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่             2,055.59 จุด       ลดลง 11.69 จุด,   -0.57%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่       6,867.36 จุด       เพิ่มขึ้น 33.32 จุด, +0.49%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่                                     23,520.87 จุด     ลดลง 2.41 จุด,     -0.01%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,071.20 จุด      ลดลง 42.73 จุด,   -0.84%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่                1,883.14 จุด       ลดลง 3.57 จุด,     -0.19%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่                3,306.89 จุด       เพิ่มขึ้น 2.46 จุด,   +0.07%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่                   25,561.16 จุด     เพิ่มขึ้น 11.44 จุด, +0.04%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้โดยสาร 295 คนบนเครื่อง ได้ตกลงในยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการสร้างบ้านที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในสหรัฐ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,976.81 จุด ร่วงลง 161.39 จุด หรือ -0.94% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,363.45 จุด ลดลง 62.52 จุด หรือ -1.41% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,958.12 จุด ลดลง 23.45 จุด หรือ -1.18%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ได้ตกลงในพื้นที่ชายแดนยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสาร 295 คนเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าสหรัฐและสหภาพยุโรปมีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 339.74 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,316.12 จุด ลดลง 52.94 จุด หรือ -1.21% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,753.88 จุด ร่วงลง 105.39 จุด หรือ -1.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,738.32 จุด ลดลง 46.35 จุด หรือ -0.68%

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 17 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ได้ถูกกลุ่มกบฎชาวยูเครนยิงตก ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิต

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 17.1 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 1,316.9 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 35.9 เซนต์ ปิดที่ 21.134 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 18 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,503.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 885.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์เครื่องบินของมาเลเซียตกในทางภาคตะวันออกของยูเครน

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3527 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3523 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.7113 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7134 ดอลลาร์

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.31 เยน จากระดับ 101.72 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8976 ฟรังค์ จากระดับ 0.8987  ฟรังค์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9379  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9363 ดอลลาร์สหรัฐ

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ได้ถูกยิงตกลงในยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์การเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจจะลุกลามและส่งผลให้อุปทานน้ำมันทั่วโลกตกอยู่ในภาวะตึงตัว

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 103.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 107.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยมีแรงกดดันจากเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในยูเครน และจากการที่สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 46.35 จุด หรือ 0.68% ที่ 6,738.32 จุด

        ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ประจำวันที่ 17 ก.ค. 57 ปิดที่ระดับ 738.00 จุด ลดลง 17.00 จุด หรือ -2.25%

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!