- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 13 May 2016 14:12
- Hits: 1809
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อาจผันผวนจากราคาน้ำมันเป็นบวกหนุนแต่ Flow ยังขายต่อเนื่อง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสผันผวนได้ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากราคาน้ำมันที่เป็นบวก แต่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว และ Fund Flow ขายออกมา 5 วันต่อเนื่อง ทำให้อาจเป็นประเด็นกดดันตลาดฯ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนลบแต่ไม่มากนัก ภายหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์ก็เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับ ตลาดบ้านเราก็ยังคงจะต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งคงจะมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรงบฯต่อเนื่อง
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,390-1,400 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.50 จุด เพิ่มขึ้น 9.38 จุด (+0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,737.33 จุด ลดลง 23.36 จุด (-0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,064.11 จุด ลดลง 0.35 จุด (-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 157.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 71.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 พ.ค.59) 1,399.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด (+1.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 878.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 พ.ค.59) ปิดที่ 46.70 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ค.59) ที่ 4.67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.34/36 อ่อนค่าต่อเนื่อง จับตา GDP ยูโรโซน-ตัวเลขศก.สหรัฐ
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ และจะเห็นได้ชัดเจนใน 1-2 ปีนี้ จากที่บริษัท เอ.ที.เคียร์นีย์ หรือ A.T.Kearney ซึ่งเป็นที่ปรึกษาระดับโลก ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนระหว่างประเทศประจำปี 2559 โดยจัดให้ไทยติดอันดับที่ 21 ของประเทศที่มีความเชื่อมั่นด้านการลงทุน และเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ขณะที่เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ไม่ติดอันดับในปีนี้
- นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมากเรื่องเหล็กเส้นก่อสร้างขาดแคลน ราคาขายปรับสูงขึ้นมาก โดยราคาเหล็กแผ่นและเหล็กเส้นปรับขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ต้นปี 2559 จนถึงเดือน พ.ค. 2559 ขึ้นมาแล้ว 40% หรือเฉลี่ยเดือนละ 10% จากราคา 1.3-1.47 หมื่นบาท/ตัน ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.84-2.02 หมื่นบาท/ตัน หรือหากคิดเป็นกิโลกรัม (กก.) ราคาจะเพิ่มจาก 14 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาเงินสดที่ซื้อหน้าโรงงานในกรุงเทพฯ ไม่รวมค่าขนส่ง ขณะที่ต่างจังหวัดในพื้นที่ห่างไกลจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่า
- ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้แนวโน้มการเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศส่งผลกระทบต่อการลงทุน ภัยแล้งในประเทศกระทบส่งออก พร้อมปรับเป้าจีดีพี หลังเศรษฐกิจโลกผันผวน ยันกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น จับตาฟองสบู่การเก็งกำไร
- ทริสฯ ระบุเศรษฐกิจปีนี้ยังอ่อนแรงคาดโตได้แค่ 2.7-3% จากปัจจัยเสี่ยง"เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่ำ-ภัยแล้ง" และมาตรการกระตุ้นด้านบริโภค-ลงทุนภาคเอกชนยังจำเป็น เผยกลุ่มที่รับผลกระทบ ค้าส่ง ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย รถยนต์ เกษตร
- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่กระทรวงการคลังจัดทำโครงการ พิโค ไฟแนนซ์ (Pico Finance : Pico) ที่จะมีการปล่อยกู้วงเงินขนาดเล็กกว่านาโนไฟแนนซ์ คือให้กู้รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท เป็นการปล่อยกู้คนละตลาดกับนาโนไฟแนนซ์ เพราะพิโคจะเป็นการเงินท้องถิ่น ภายในแต่ละจังหวัด ซึ่งผู้ให้กู้หรือผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตสามารถให้สินเชื่อได้ในจังหวัดนั้นๆ เป็นการตอบโจทย์รายย่อยให้เข้าถึงสินเชื่อ
- ปลัดกระทรวงพลังงานและประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีคในปีนี้ที่เกิดขึ้นถึง 7 ครั้ง โตสูงกว่า 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องปรับแผนพีดีพี 2015 แต่ก็ให้ศึกษาเตรียมพร้อมไว้ทุกกรณีแล้วและหาทางออกรับความเสี่ยงทุกด้าน อาทิ กรณีหากสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศไม่ได้ตามแผนที่กำหนดต้องรับซื้อไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างไร หรือกรณีก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลงและสำรวจใหม่ไม่พบหรือคงกำลังผลิตในระดับเดิมได้มากที่สุด ต้องวางแผนรับซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี เกินกว่าแผนงานเดิมที่คาดว่าต้องนำเข้าในปริมาณ 22 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 32 บาท แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 2-3 ต่อ เนื่องจากราคาหมู-ไก่ปรับขึ้นต่อเนื่อง
- MALEE (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 46 บาท งบฯ 1Q16 ตามคาดมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 29%yoy จากยอดส่งออกและใช้อัตรากำลังการผลิตสูงขึ้น และอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี พร้อมมองการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงคาดผลกระทบสุทธิจะเป็นบวกต่อ MALEE ทั้งนี้ MALEE เป็น Growth Stock และปัจจุบันราคาซื้อขายบน PE 11.9 เท่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มถึง 20%
- PS (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 28.50 บาท บริษัทประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 2559 ขึ้นเป็น 53 พันลบ.จาก 52 พันลบ.หลังได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคที่ดีในไตรมาสที่ 1/59 กอรปกับแผนการเปิดโครงการที่เตรียมไว้อย่างมากในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ตามเราเห็นว่าเป้าที่เพิ่มขึ้นถือว่าไม่มาก ขณะที่สัดส่วนสินค้า GPM สูงก็ถูกปรับลดสัดส่วนลงในรายได้ใหม่ จึงเห็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้นบนความสามารถในการทำกำไร
- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" กำไรดีกว่าเราและตลาดคาดมาก +268% Q-Q, +99% Y-Y เป็น 1 พันล้านบาทจากการบริหารค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำได้ดีมากโดยลดลงถึง 18% Q-Q และ 26% Y-Y กำไร 1Q16 คิดเป็น 65% ของประมาณการทั้งปี โดยอยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย (6.50 บาท)
- TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร"เป้า 6 บาท กำไรดีตามคาด +71% Q-Q, +50% Y-Y จากรายได้ที่โตดีทั้งในและต่างประเทศ และการปรับ Product mix ที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แนวโน้มจะดีมากใน 2Q16 เพราะเป็น high season และได้เป็น Supplier เครื่องดื่มเย็นครบทั้ง 4 โถกดตลอด 2Q16 ในร้าน 7-11 โดยยังคาดกำไรปีนี้ +75% Y-Y
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังหุ้นเทคโนโลยีร่วง, ผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียอยู่ในแดนลบเช้านี้ หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากหุ้นแอปเปิลที่ดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของยอดขายไอโฟน หลังจากมีรายงานว่าบริษัทซัพพลายเออร์ของแอปเปิลในไต้หวันจะได้รับคำสั่งผลิตชิ้นส่วนของโทรศัพท์ไอโฟนในช่วงครึ่งปีหลังนี้น้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 127.26 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,804.17 จุด เพิ่มขึ้น 157.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,828.46 จุด ลดลง 7.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,843.49 จุด ลดลง 71.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,095.93 จุด ลดลง 12.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,735.69 จุด ลดลง 9.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,643.66 จุด ลดลง 5.32 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 294,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ของปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 270,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 58.30 จุด หลังแบงก์ชาติอังกฤษหั่นจีดีพี
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) หลังธนาคารกลางอังกฤษปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงทั้งกระดาน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 58.30 จุด หรือ 0.95% แตะที่ 6,104.19 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดอนปรับตัวลดลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากเดิมที่ 2.2% ส่วนในปี 2017 มีการปรับลดลงสู่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.4% และในปี 2018 มีการปรับลดลงสู่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.5%
นอกจากนี้ BoE ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในช่วง 2 ปีข้างหน้าสู่ระดับ 2.07% จากเดิมที่ 2.05%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นแองโกล อเมริกันต่างก็ร่วงลงมากกว่า 3.5%
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.5% หลังจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ได้แสดงความมุ่งมั่งที่จะปรับปรุงงานด้านบริหารจัดการ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังผลผลิตอุตสาหกรรมยูโรโซนหดตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 333.11 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,293.27 จุด ลดลง 23.40 จุด หรือ -0.54% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,862.12 จุด ร่วงลง 113.20 จุด หรือ -1.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.19 จุด ลดลง 58.30 จุด, -0.95%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงงหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนมี.ค. ปรับตัวลดลง 0.8% จากเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนยังคงซบเซา
หากเทียบเป็นรายปีพบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้นเพียง 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้น Aegon ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นเครดิต อะกริโคล ซึ่งเป็นธนาคารของฝรั่งเศส ร่วงลง 4.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิทรุดฮวบลง 71% สู่ระดับ 227 ล้านยูโร อันเนื่องจากมาจากการปรับโครงสร้างหนี้
หุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์และเวชภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี ดิ่งลง 4.9% หลังจากมีรายงานว่า เบเยอร์กำลังยื่นขอเสนอซื้อกิจการมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในสหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์บวกเพียง 9.38 จุด ขณะหุ้นแอปเปิลร่วงฉุด NASDAQ อ่อนแรง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดอ่อนแรงลงหลังจากหุ้นแอปเปิลดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของยอดขายไอโฟน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.50 จุด เพิ่มขึ้น 9.38 จุด หรือ +0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,737.33 จุด ลดลง 23.36 จุด หรือ -0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,064.11 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.02%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 294,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ของปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 270,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับช่วงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมองในแง่ลบมากเกินไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ดัชนี NASDAQ ได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงถึง 2.35% ปิดที่ระดับ 90.34 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2557 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับยอดขายไอโฟน หลังจากมีรายงานว่า บริษัทซัพพลายเออร์ของแอปเปิลในไต้หวันจะได้รับคำสั่งผลิตชิ้นส่วนของโทรศัพท์ไอโฟนในช่วงครึ่งปีหลังนี้น้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นแอปเปิลส่งผลให้บริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิ้ล มีมูลค่าตลาดมากเป็นอันดับหนึ่งในตลาดหุ้นสหรัฐแทนที่แอปเปิล โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นแอปเปิลได้ทรุดตัวลงมากกว่า 20%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ร่วงลงกว่า 4.4%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์