- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 12 May 2016 15:59
- Hits: 1540
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ย่อตัวลงในระยะสั้นตามตลาดภูมิภาคหลังกลับมากังวลศก.โลกอีกรอบ
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวลงในระยะสั้น แล้วอาจจะมีการดีดตัวกลับขึ้นไปได้บ้าง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาไม่ดี อย่างตัวเลขการบริโภคออกมาอ่อนแอ ทำให้กลับไปกังวลเศรษฐกิจโลก รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯก็มีโอกาสลดน้อยลง เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงอีกรอบ
อย่างไรก็ดี สินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้นอาจช่วยหนุนตลาดฯได้ และทำให้เป็นภาพของการปรับฐานระยะสั้น ซึ่งขณะนี้มองสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจลงทุนในระยะกลาง-ระยะยาว ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบราว 0.4-0.5%
พร้อมให้แนวรับ 1,378-1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,400 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,711.12 จุด ร่วงลง 217.23 จุด (-1.21%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,760.69 จุด ลดลง 49.19 จุด (-1.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,064.46 จุด ลดลง 19.93 จุด (-0.96%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 119.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 24.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 45.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ค.59) 1,382.41 จุด ลดลง 7.72 จุด (-0.56%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,011.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 พ.ค.59) ปิดที่ 46.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 3.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ค.59) ที่ 4.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.24/26 ยังวิ่งในกรอบแคบคาดช่วงเคลื่อนไหว 35.20-35.30
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังขยายตัวได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนว่าปีนี้จะโต 3.1% แต่มีความเสี่ยงที่อาจจะเติบโตต่ำกว่าที่คาดได้มากขึ้น ซึ่งแรงสนับสนุนเศรษฐกิจยังมาจากการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวที่ชดเชยได้บางส่วนเท่านั้น
- บอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติไฮสปีดเทรน กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงินรวม 2.466 แสนล้านบาท พร้อมเสนอกระทรวงคมนาคมก่อนเข้าขั้นตอนพีพีพี ตั้งเป้าหมายประกวดราคาปีนี้ เริ่มก่อสร้างปี 60 ด้าน ปตท.เสนอแผนสมาร์ทซิตี้ ครอบคลุม 10 หัวเมืองใหญ่ ส่วนบอร์ดพีพีพีอนุมัติ รวมบางซื่อ-เตาปูนเข้ากับสายสีน้ำเงิน
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับข้าราชการที่ดูแลกรณีทวงท่อก๊าซคืนจาก ปตท.ตามคำสั่งของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่ผ่านมาคลังรับโอนคืนท่อก๊าซตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดบางส่วนแล้ว และยังได้มีการระบุไว้ในสัญญารับคืนว่ากรณีที่ยังรับโอนท่อไม่ครบก็สามารถโอนมาเพิ่มเติมได้ หากมีการตีความชัดเจนว่าทรัพย์สินส่วนนั้นเป็นของรัฐ ซึ่งการรับโอนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วตามคำสั่งศาล
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังรวบรวมมาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเสนอรวมเป็นแพ็กเกจใหญ่ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้ โดยเบื้องต้น สศค.ได้เสนอตั้งโครงการสินเชื่อเพื่อประชาชนใช้บริโภคกรณีฉุกเฉิน หรือ พิโคไฟแนนซ์ (PICO Finance) โดยจะเปิดให้เอกชนที่สนใจต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชน มีทุนจดทะเบียนซึ่งชาระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพื่อยื่นเรื่องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังในการประกอบธุรกิจ
*หุ้นเด่นวันนี้
- ASN (บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยมีราคาเสนอขาย IPO ที่ 6 บาท/หุ้น ด้านบล.ทรีนีตี้ แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท มุ่งพัฒนา E-commerce สู่การเป็น FinTech Digital Insurance
บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ ดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยเน้นการขายประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก และมีบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าประกันชีวิต โดยขายประกันภัยผ่านช่องทางโทรศัพท์ (Telemarketing) ณ สิ้นปี 2558 บริษัทและบริษัทย่อยมีพนักงานขายประกันซึ่งได้รับใบอนุญาตจำนวน 148 คน และ 30 คน ตามลำดับ บริษัทมีคู่ค้าเป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำจำนวน 16 ราย และประกันชีวิตชั้นนำจำนวน 2 ราย
- TRUE-T1 (ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ของบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE)) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะทำการเทรดระหว่าง 12-23 พ.ค.59 มีจำนวน 8,391,181,682 หน่วยอายุ 59 วัน (วันที่ 25 เม.ย.59-22 มิ.ย.59) ราคาใบแสดงสิทธิ 0.00 บาท
ทั้งนี้ มีอัตราการใช้สิทธิของใบแสดงสิทธิ 1 ใบแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิ 7.15 บาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อพักการโอนใบแสดงสิทธิ วันที่ 27 พ.ค.59 และวันใช้สิทธิ 22 มิ.ย.59 ขณะที่กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย SP วันที่ 24 พ.ค. 59 ถึงวันที่ 22 มิ.ย.59
- EGCO (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 190 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/59 เท่ากับ 2.59 พันล้านบาท (+69% YoY และ 68% QoQ) เด่นกว่า RATCH และ GLOW ในกลุ่มโรงไฟฟ้าด้วยกัน ด้านเทคนิครูปแบบราคาดีดตัวขึ้นผ่านแนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 180 บาท หากวันนี้ยืนเหนือ 185 บาทได้ ประเมินจะขึ้นทดสอบแนวต้าน 191 บาท และถัดไปที่ 195 บาท (Stop loss 176.5 บาท
- PS (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 33 บาท คาดได้ประโยชน์มากจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ประเมินยอดโอนโครงการ เม.ย.59 ค่อนข้างดีราว 5-6 พันลบ.แม้กำไรสุทธิ Q1/59 ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย 3% อยู่ที่ 1,266 ล้านบาท ลดลง 58% QoQ แต่ยังเพิ่มขึ้นโดดเด่น 42% YoY โดยเป็นผลจากรายได้ 10,284 ลดลง 41% QoQ ตามการโอนจากยอด Backlog คอนโดฯลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น 24% YoY จากยอดโอนโครงการคอนโดฯเพิ่มขึ้นโดดเด่น 207% YoY
- PTG (โกลเบล็ก) เป้า Consensus 16 บาท คาดกำไร Q1/59 ที่ 260-270 ลบ.(+ 60% YoY , 8% QoQ) จากยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น และขยายสาขาปั๊มน้ำมันขึ้นเป็น 1,235 แห่ง คาดรายได้และกำไรปี 59 ติบโตขึ้นตามเป้ายอดขาย + 30 ถึง 40%, EBITDA +30%,ขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,500 สาขา,กลยุทธ์ PT Max Card ขยายสมาชิกบัตรขึ้นเป็น 5.6 ล้านใบ ,เพิ่มรายได้จากค่าเช่าร้านค้าตามสาขา รวมถึงรับรู้รายได้ลงทุนบริษัท FPT 9.55% และ AMA Marine 32% อีกทั้งคาด Q2-Q3/59 จะวางขายน้ำมันเครื่องของบริษัทผ่านสาขาเป้ายอดขาย 1.2 ล้านลิตรปีนี้ จะช่วยเพิ่มกำไรได้ราว 5-7%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์ผู้บริโภค
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.5% สู่ระดับ 127.16 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,459.69 จุด ลดลง 119.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,812.11 จุด ลดลง 24.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 45.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,122.78 จุด ลดลง 12.78 จุด
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,973.28 จุด ลดลง 6.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,729.14 จุด ลดลง 3.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,640.09 จุด ลดลง 4.49 จุด
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ ตลาดผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงคาร์ลสเบิร์กและเทเลโฟนิกา เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 334.74 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,316.67 จุด ลดลง 21.54 จุด หรือ -0.50% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,975.32 จุด ลดลง 70.12 จุด หรือ -0.70% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,162.49 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงคาร์ลสเบิร์ก โดยหุ้นคาร์ลสเบิร์กร่วงลง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 3%
ส่วนในปี 2558 คาร์ลสเบิร์กขาดทุน 2.58 พันล้านโครน หลังจากที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการปรับโครงสร้าง 8.5 พันล้านโครน โดยรายการค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคในรัสเซียที่ย่ำแย่ลง และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง
หุ้นเทเลโฟนิกา ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ของสเปน ดิ่งลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ และยังร่วงลงจากข่าวที่ว่า สหภาพยุโรปไม่อนุมัติให้เทเลโฟนิกาขายธุรกิจโมบาย O2 ในอังกฤษ ให้กับบริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิงส์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ฝรั่งเศสจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. และสหภาพยุโรปจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 217.23 จุด วิตกผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงวอลท์ดิสนีย์ และเมซีย์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์ผู้บริโภค และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันด้วย
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,711.12 จุด ร่วงลง 217.23 จุด หรือ -1.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,760.69 จุด ลดลง 49.19 จุด หรือ -1.02% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,064.46 จุด ลดลง 19.93 จุด หรือ -0.96%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันจนกระทั่งปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเมื่อวานนี้ วอลท์ ดิสนีย์ เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.40 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 1.297 หมื่นล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.319 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นวอลท์ดิสนีย์ร่วงลง 4.04%
ส่วนหุ้นเมซีย์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 15.17% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 37 เซนต์ ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นโฮมดีโปท์ ร่วงลง 40.69% และหุ้นสแทปเพิลส์ ร่วงลง 18.34% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐมีคำสั่งให้ทั้งสองบริษัทยกเลิกแผนการควบรวมกิจการ เพราะกังวลว่าจะส่งผลให้ศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดลดน้อยลง
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ เช่น เจซี เพนนี, นอร์ดสตร็อม อิงค์ และฟอสซิล กรุ๊ป ยังร่วงลงหลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ ได้สกัดปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 3.1% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ผู้ประกอบการเหมืองทองแดงรายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์