WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET7ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว อิง Downside แม้มีแรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้น แต่ต่างชาติยังขายต่อเนื่อง

   นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว อิง Downside โดยอาจได้แรงหนุนบ้างจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นไป แต่ก็มีประเด็นเรื่องบมจ.ปตท. (PTT) ที่ทางคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ได้มีการฟ้องร้องเรียกคืนท่อก๊าซฯเข้ามากดดัน อีกทั้งยังมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

    ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงนี้ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร เท่าที่ประกาศออกมาก็ยังไม่เด่น พร้อมระบุวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิม

   ด้านตลาดหุ้นอื่นในภุมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,928.35 จุด พุ่งขึ้น 222.44 จุด (+1.26%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,809.88 จุด เพิ่มขึ้น 59.67 จุด (+1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,084.39 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด (+1.25%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 171.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 105.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 26.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.60 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ค.59) 1,390.13 จุด ลดลง 4.01 จุด (-0.29%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,258.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ค.59) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 2.8%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ค.59) ที่ 4.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.20/22 แนวโน้มแกว่งแคบ ตลาดรอดูผลประชุมกนง.บ่ายนี้ มองกรอบ 35.15-35.30

   - คตง.มีมติ ส่ง ป.ป.ช.เอาผิดทางอาญา อดีต รมว.คลัง-กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.และพวกปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการให้มีการคืนท่อก๊าซฯ ปตท.ที่ยังขาดอยู่คิดเป็นมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท แก่กระทรวงการคลัง ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พร้อมจี้นายกฯ-ครม.ปัจจุบันจัดการคืนให้ครบใน 60 วัน ด้านปตท.ยันคืนท่อฯครบถ้วนตามคำสั่งศาลฯ

    - นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า มีโอกาสที่เม็ดเงินต่างชาติ จะไหลเข้ามาในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยด้วยในระยะสั้นได้ เนื่องจากเหรียญสหรัฐอ่อนค่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เพื่อหวังกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้น

     - "ฐากร ตัณฑสิทธิ์"เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวในงานเสวนา "ถอดรหัสบทเรียนประมูล 4G The Series" โดย ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศว่า เอไอเอสเอาแน่ หลังบอร์ดไฟเขียวให้เข้าร่วมประมูล 4จี รอบใหม่ ส่วนทรูต้องรอลุ้น ซึ่งการเปิดโอกาสให้ทรูเข้าร่วมอีกรอบ หลังดีแทคไม่เอาแน่ จะได้ลบคำครหาเอื้อประโยชน์ให้ทุนเก่า และหากใครได้คลื่นไป ก็ต้องลงทุนสร้างการ์ดแบนด์ ป้องกันสัญญาณรบกวนกว่าพันล้านบาท

    - ธปท.เผยเอ็นพีแอลของธุรกิจบัตรเครดิตขยับแตะ 1.10 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 22.75% ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมียอดคงค้างเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท หดตัว 26.98% ส่วนใหญ่หดตัวเอ็นพีแอลของนอนแบงก์ ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลง 2.87 หมื่นล้านบาท เฉพาะการใช้จ่ายในประเทศหดตัวถึง 2.84 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

    - "วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์" อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  เผยกรมสั่งการให้ค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบราคาและปริมาณค้าเหล็ก โดยเฉพาะร้านค้าปลีกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าและฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินจริง หลังราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และได้แจ้งผู้ผลิตเหล็ก หากจะปรับราคาต้องแจ้งล่วงหน้า 7 วันให้กรมพิจารณา เพื่อให้เป็นไปตามต้นทุนและผู้ใช้ได้รับทราบล่วงหน้า เบื้องต้นการตรวจสอบตามร้านค้าเหล็กยังไม่พบสินค้าขาดแคลนและราคายังปรับไปตามกลไกตลาด ซึ่งขณะนี้ราคาเหล็กเส้นปรับขึ้นกิโลกรัม (กก.) ละ 2-3 บาท จากราคากก.ละ 17-18 บาท เป็น 20-21 บาท ตามราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น เนื่องจากจีนปิดโรงงานเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพ และมีนโยบายลดกำลังการผลิตลง แต่ในไทยผู้ค้ายืนยันปริมาณเพียงพอและโรงงานยังใช้กำลังการผลิตเพียง 50%

*หุ้นเด่นวันนี้

   - KCE (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 93.66 บาท คาดผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้สุดประทับใจ โรงงานใหม่สามารถเดินเครื่องและกำลังการผลิตตามที่บริษัทได้วางเป้าไว้ รวมถึงตลาด PCB ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากยุคที่เปลี่ยนผ่านไปยัง EV Car รวมถึงการขยายเฟส 2 และ 3 ที่คาดว่าจะเป็นไปตามกำหนด

   - THCOM (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 50.06 บาท มองว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ THCOM ทีมีกระแสเงินสดในมือกว่าปีละ 5 พันล้านบาท รวมถึงการเติบโตจากดาวเทียมไทยคม 8 และ 9 ในอนาคต พร้อมคาดว่าในไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของบริษัท เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้ของไทยคม 8 ได้เต็มไตรมาส จากการคาดการณ์ดาวเทียมไทยคม 8 นั้นจะส่งขึ้นสู่วงโคจรปลายไตรมาส 2 และจะค่อยๆเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ดังนั้นจึงคาดว่าไตรมาส 4 น่าจะเริ่มมีการรับรู้รายได้ของไทยคม 8 ในอัตราเร่งที่สูงขึ้น ช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาส 4 น่าจะโดดเด่นที่สุดของปี

    - TPBI (โกลเบล็ก) แม้อัตรากำไรขั้นต้นปี 59 มีแนวโน้มปรับตัวจากปี 58 แต่ยังทรงตัวในระดับสูง และกำไรสุทธิได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการนำเงิน IPO ไปชำระหนี้บางส่วน ทำให้ผลประกอบมีแนวโน้มปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อได้

   - IVL (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 34.50 บาท ประกาศงบฯ Q1/59 มีกำไรสุทธิ 4,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากทั้ง qoq และ yoy จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยังมีผลขาดทุนจากสต็อกสินค้าคงเหลือ และมีกำไรพิเศษจากการต่อรองในการเข้าซื้อกิจการ โดยกลยุทธ์ของ IVL ยังคงเน้นการเติบโตต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการทำ Vertical Integration และการเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ HVA ซึ่งมีกำไรขั้นต้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป พร้อมคาดผลการดำเนินงานในปี 59 จะมีกำไรดีขึ้นจากปี 58 ปัจจัยหลักมาจากปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น 29% เป็น 9.0 ล้านตัน จากซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทะยานขึ้นหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2%

    ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 127.99 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,736.72 จุด เพิ่มขึ้น 171.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,843.55 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,347.76 จุด เพิ่มขึ้น 105.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,182.92 จุด เพิ่มขึ้น 26.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,989.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,758.98 จุด เพิ่มขึ้น 17.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,636.44 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 2.8% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ไฟป่าในแคนาดาส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันโดยรวม 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะเดียวกันเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียยังส่งผลให้การผลิตน้ำมันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 41.84 จุด จากแรงซื้อหุ้นแบงก์,เหมืองแร่

    ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้

   ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 41.84 จุด หรือ 0.68% แตะที่ 6,156.65 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงก่อนหน้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตันเพิ่มขึ้น 2.7%

   หุ้นกลุ่มธนาคาร นำโดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และหุ้นบาร์เคลย์ส ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 3%

   หุ้นอีซีเจ็ทเพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทคาดว่า อุปสงค์ด้านการเดินทางทางอากาศในยุโรปกำลังจะฟื้นตัว

   หุ้นคาปิตาเพิ่มขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการทำกำไรในปี 2559 เนื่องจากเริ่มต้นปีได้อย่างแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวยูโรกรุ๊ปเดินหน้าเจรจาหนี้กรีซ

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค. ) ขานรับรายงานที่ว่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังจากที่รัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.9% ปิดที่ 336.24 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,338.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด หรือ +0.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,045.44 จุด เพิ่มขึ้น 64.95 จุด หรือ +0.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,156.65 จุด เพิ่มขึ้น 41.84 จุด หรือ +0.68%

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า รัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังจากที่ให้การอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่

    ทั้งนี้ นางแอนนิกา ไบรด์ทาร์ด โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า EC จะให้ความช่วยเหลือในการเจรจาลดหนี้ให้แก่กรีซ และสรุปการทบทวนการดำเนินมาตรการตามข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ก่อนที่กรีซจะได้รับเงินกู้งวดต่อไป

    นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวว่า ยูโรกรุ๊ปพอใจกับมาตรการรัดเข็มขัดของทางการกรีซ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเปิดทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่และชำระหนี้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ตามกำหนดการในเดือนมิ.ย.นี้ โดยยูโรกรุ๊ป คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับกรีซได้ในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดประชุมครั้งต่อไป

   ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียส่งผลให้ผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี และยังทำให้คนงานบริษัทน้ำมันต้องอพยพออกจากพื้นที่

    หุ้นเครดิตสวิส พุ่งขึ้น 5% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 302 ล้านฟรังก์สวิส (273.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)  อย่างไรก็ตาม ยอดขาดทุนดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

   หุ้นโฟล์สวาเกนปรับตัวขึ้น 4% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความหวังว่าโฟล์คสวาเกนจะสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หลังจากที่ทางบริษัทและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเพื่อแก้ไขปัญหารถยนต์ดีเซลที่มีการโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสียจำนวนเกือบ 6 แสนคัน

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า การส่งออกของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในยุโรป

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 222.44 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น,หุ้นอเมซอนทะยาน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นกว่า 2% และจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอเมซอน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. และการแสดงมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,928.35 จุด พุ่งขึ้น 222.44 จุด หรือ +1.26% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,809.88 จุด เพิ่มขึ้น 59.67 จุด หรือ +1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,084.39 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด หรือ +1.25%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 2.8% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ไฟป่าในแคนาดาส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันโดยรวม 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะเดียวกันเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียยังส่งผลให้การผลิตน้ำมันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนยอดขายภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015

    นอกจากนี้ การแสดงมุมมองในด้านของเฟดสาขาแอตแลนตายังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย โดยรายงานของเฟดแอตแลนตาระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 2 หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยการขยายตัวที่ระดับ 2.2% นั้น อยู่ในระดับสูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 1.7% ในวันที่ 4 พ.ค.

     นอกเหนือจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นอเมซอนที่พุ่งขึ้น 3.43% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 703.07 ดอลลาร์ หลังจากที่นักวิเคราะห์ของแบร์สเติร์นได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นอเมซอนขึ้นสู่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในวอลล์สตรีท จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 770 ดอลลาร์ เนื่องจากผลกำไรของอเมซอนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีก 2 ปีข้างหน้า

    หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเฮสส์ คอร์ป ทะยานขึ้น 4.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 4.95% ส่วนหุ้นดาว เคมิคอล เพิ่มขึ้น 1.4% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรนพุ่งขึ้น 3.2%

    หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับขึ้น 1.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 1.35% และหุ้นเครดิตสวิสพุ่งขึ้น 4.23%

    ส่วนหุ้นบริษัทขนาดใหญ่อย่างแคเทอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นโบอิ้งปรับตัวขึ้น 2%

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. ส่วนวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

World Markets : สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 พ.ค. 2559

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,928.35 จุด พุ่งขึ้น 222.44 จุด, +1.26%

          ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,809.88 จุด เพิ่มขึ้น 59.67 จุด, +1.26%

          ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,084.39 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด, +1.25%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,338.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด, +0.36%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,045.44 จุด เพิ่มขึ้น 64.95 จุด, +0.65%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,156.65 จุด เพิ่มขึ้น 41.84 จุด, +0.68%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,772.53 จุด เพิ่มขึ้น 83.67 จุด, +0.33%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,635.84 จุด เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, +0.22%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,741.15 จุด ลดลง 24.91 จุด, -0.90%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,763.12 จุด เพิ่มขึ้น 13.80 จุด, +0.29%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,242.68 จุด เพิ่มขึ้น 85.87 จุด, +0.43%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,174.88 จุด เพิ่มขึ้น 183.01 จุด, +2.62%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,832.59 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด, +0.02%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,342.80 จุด เพิ่มขึ้น 22.10 จุด, +0.42%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,403.90 จุด เพิ่มขึ้น 16.10 จุด, +0.30%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,982.50 จุด เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, +0.75%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,565.19 จุด เพิ่มขึ้น 349.16 จุด, +2.15%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,156.29 จุด ลดลง 24.46 จุด, -0.30%

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นกว่า 2% และจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอเมซอน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. และการแสดงมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,928.35 จุด พุ่งขึ้น 222.44 จุด หรือ +1.26% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,809.88 จุด เพิ่มขึ้น 59.67 จุด หรือ +1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,084.39 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด หรือ +1.25%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค. ) ขานรับรายงานที่ว่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังจากที่รัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.9% ปิดที่ 336.24 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,338.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด หรือ +0.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,045.44 จุด เพิ่มขึ้น 64.95 จุด หรือ +0.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,156.65 จุด เพิ่มขึ้น 41.84 จุด หรือ +0.68%

     ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้

         ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 41.84 จุด หรือ 0.68% แตะที่ 6,156.65 จุด

      สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียได้ส่งผลให้การผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันเช่นกัน

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.89 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) โดยทองคำปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์กและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,264.80 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 17.092 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,049.30 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 592.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เนื่องนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

          เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1388 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4429 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4407 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7353 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7317 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.33 เยน จากระดับ 108.45 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9760 ฟรังก์ จากระดับ 0.9709 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2931 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2976 ดอลลาร์แคนาดา

 ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 594.00 จุด ลดลง 22.00 จุด, -3.57%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!