- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 10 May 2016 11:29
- Hits: 5252
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ไซด์เวย์อิงขาลง หลังน้ำมันดิบร่วง-วิตกเศรษฐกิจโลกกดดัน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงทางลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่กลับมาปรับลดลงอีก เพราะมีข่าวรัฐบาลซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน ซึ่งดำรงตำแหน่งมานานถึง 20 ปีแล้ว ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันหลังจากนี้ นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดอยู่ในภาวะความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ วันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นหลายตัวคาดว่าจะถ่วงดัชนีราว 1.3 จุด และยังรอดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.)
"ภาพรวมตลาดวันนี้ไซด์เวย์ทางลง ไม่มีปัจจัยใหม่ ยังมีความกังวลเศรษฐกิจโลกต่อเนื่อง ต่างชาติยังขายสุทธิ ส่วนผลประกอบการที่ประกาศออกมามีทั้งดีกว่าคาด อย่าง GPSC และกำไรลดลง เช่น ADVANC ซึ่งการเก็งกำไรผลประกอบการก็ยังมีอยู่"นายอภิชาติ กล่าว
พร้อมให้แนวรับ 1,385 และ 1,380 จุด แนวต้าน 1,400-1,410 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,705.91 จุด ลดลง 34.72 จุด (-0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.21 จุด เพิ่มขึ้น 14.05 จุด หรือ (+0.30%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,058.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด (+0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 91.47 จุด,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 194.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 19.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.59) 1,394.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.44 จุด (+0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,898.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ค.59) ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ค.59) ที่ 4.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.24/26 อ่อนค่าจากดอลล์แข็งหลัง ปธ.เฟดชิคาโกให้มุมมองเชิงบวกในการขึ้นดอกเบี้ย
- สรรพสามิตชงปรับภาษี 3 กลุ่มสินค้า "สิ่งแวดล้อมทำลายสุขภาพ-บาป" คาดรายได้เพิ่มปีละ 3.5 หมื่นล้าน หวังขยับภาษีน้ำมันใกล้เพดานเดิม แต่ขึ้นกับ นโยบายรัฐ ตั้งเป้าปี 2570 เก็บรายได้เฉียดล้านล้าน ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโต 3% รัฐบาลไฟเขียวเพิ่มอัตราภาษีน้ำมัน
- ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยหลังเลือกตั้งประธานาธิบดี นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์เดิม ประเมินขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ หลังข้อมูลชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่แข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
- ค่ายมือถือรุกตลาดสมาร์ทโฟนเฮ้าส์แบรนด์ สมาร์ทโฟนราคาต่ำ หวังขยายฐานลูกค้า 4 จี "เอไอเอส" จุดพลุเฮ้าส์แบรนด์เทคโนโลยีโวลเต้ ประเดิม 3 รุ่นรวด เคาะราคาเริ่มต้นถูกสุดในตลาด 1,950 บาท สิ้นปีหวังดันฐานลูกค้า 4 จีแตะ 10 ล้านราย ดีแทค เตรียมแคมเปญพิเศษถล่มงานโมบาย เอ็กซ์โป 19-22 พ.ค.นี้
-"เอ็มเอไอ"รับมูลค่าการซื้อขายต่อวันซบ สภาพคล่องล้นโลก พร้อมดึงเม็ดเงินต่างชาติ เตรียมนำผู้จัดการกองทุนพบบริษัทจดทะเบียน เร่งเผยแพร่ เอ็มเอไอ สแนปช็อต กับนักลงทุน ด้านนักวิเคราะห์ มองตลาดหุ้นยังผันผวน หลังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน
- ADVANC เผยกำไรไตรมาสแรกปีนี้โชว์กำไรเพียง 8.07 พันล้าน หรือกำไรลดลง 18% สาเหตุหลักมาจากแคมเปญอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์ที่ ส่งผลรายได้การขายโทรศัพท์ปกติลดลง และส่งผลให้อีบิดาอยู่ที่ 13,415 ล้านบาท ลดลง 26%
- ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเดินเรือ ระบุนโยบายดอกเบี้ยติดลบส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเดินเรือควบรวมกิจการล่าช้า หลังแบงก์พร้อมใจให้กู้ดอกเบี้ยต่ำแก่บริษัทเดินเรือ ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผลวิจัยพบปีนี้กลุ่มเดินเรือเสี่ยงขาดทุน 6 พันล้านดอลลาร์
- ธนชาต ยอมรับเริ่มเห็นแบงก์พาณิชย์ หั่นดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษแล้ว โดยลด บางช่วงระยะเวลาลง 0.05-0.10% ชี้ดอกเบี้ยต่ำ คนแห่ถอนเงินไปลงทุนทางเลือกอื่นทั้งซื้อที่ดิน ทองคำ ส่วนแผนดำเนินงาน เน้นขยายฐาน บัญชีเงินฝากธุรกรรม หวังลดต้นทุนการเงิน เพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันเป็น 60% ใน 3ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- COM7 (เคจีไอ) "สะสม"เป้า Consensus 8.0 บาท ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศไต้หวัน ออกบทวิเคราะห์ “Apple insight" คาดการณ์ iPhone ใหม่ จะเริ่มวางขายในครึ่งปีหลังของปีนี้ (จุดเด่นคือ รุ่นขนาด 5.5 นิ้ว จะมี Dual-camera + 3GB RAM โดยอาจเรียกว่าเป็น iPhone 7 Plus) คาดเป็น catalyst บวกต่อหุ้น COM7 ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 จะเป็นจุดเริ่มต้นการเติบโตจากซื้อสินค้าตรงจาก Apple ตัดคนกลาง เป็นบวกต่อมาร์จิ้น เริ่มเป็นพันธมิตรกับ TRUE (ขายเครื่องพ่วงซิมในเดือน พ.ค.และเข้าบริหาร True shop 166 สาขา เริ่มกลางปีนี้)
- ADVANC(ทรีนีตี้)"Trading Buy"เป้า 191 บาท ช่วงสั้นราคาคาดว่าน่าจะปรับตัวลงจากผลประกอบการที่ออกมาอ่อนแอ และประเด็นการประมูล 900 MHz ที่จะเกิดขึ้น อาจจะยังมี Downside risk ของหุ้นได้ รอจังหวะ Trading Buy ซึ่งถ้าหุ้นมีการปรับตัวไปทดสอบแถวๆ 140 บาท มองเป็นจุดซื้อที่ Downside risk ของหุ้นเริ่มจำกัด ประเมินผลกระทบจากต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นมาของ License 900 MHz คิดเป็นต่อหุ้นที่ 15-17 บาทต่อหุ้น จากราคาเป้าที่ 191 บาท
- CPALL (เออีซี)"ซื้อ"เป้า 52บาท ช่วง 1Q59 คาดกำไรโต 23%YoY ส่วนปัญหาภัยแล้งคาดกระทบจำกัดหลังเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น และช่วง 2Q59 คาดกำไรยังโตสดใสหลังอากาศร้อนจัดหนุนยอดขายเครื่องดื่ม โดยปี 59 คาดกำไรโต 10.4%YoY + ราคาหุ้นยังมี Upside 11% และคาดให้ Div. Yield เฉลี่ยปีละ 2.1%
ตลาดหุ้นเอเชียเว้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังราคาน้ำมันร่วง
ตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงกว่า 2%
ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ร่วงลง 0.4% สู่ระดับ 401.08 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,307.50 จุด เพิ่มขึ้น 91.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,822.33 จุด ลดลง 9.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,962.43 จุด ลดลง 194.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,119.71 จุด ลดลง 12.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,965.86 จุด ลดลง 1.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,746.47 จุด ลดลง 19.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,628.90 จุด ลดลง 3.29 จุด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 2.7% อันเนื่องมาจากข่าวซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 10.89 จุด หลังหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 10.89 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 6,114.81 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดอนได้รับแรงกกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากสำนักงานศุลกากรของจีนรายงานว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 5.7% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าเดือนเม.ย. ทั้งสิ้น 2.98 แสนล้านหยวน (4.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค. ที่ระดับ 1.946 แสนล้านหยวน
การขยายตัวของการส่งออกเดือนเม.ย. นั้นต่ำกว่าระดับ 18.7% ของเดือนมี.ค. ขณะที่การนำเข้าลดลงในอัตราเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ 1.7% ของเดือนมี.ค.
มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนเดือนเม.ย.ขยับลง 0.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 1.95 ล้านล้านหยวน ขณะที่มูลค่าการค้าต่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 4.4% อยู่ที่ 7.17 ล้านล้านหยวน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 14% หุ้นเกลคอร์ ดิ่งลง 9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 7.9%
หุ้นอีซีเจ็ทดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทอาร์บีซี แคปิตอล แนะนำให้ซื้อหุ้นของบริษัท ในขณะที่หุ้น G4S เพิ่มขึ้น 4.8% หลังเปิดเผยว่า บริษัทเปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับข้อมูลบ่งชี้ศก.ยูโรโซนฟื้นตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) ขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.5% ปิดที่ 333.22 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,322.81 จุด เพิ่มขึ้น 21.57 จุด หรือ +0.50% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,980.49 จุด เพิ่มขึ้น 110.54 จุด หรือ +1.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,114.81 จุด ลดลง 10.89 จุด หรือ -0.18%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากข้อมูลในด้านบวก รวมถึงรายงานของสถาบันวิจัย Sentix ซึ่งระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในยูโรโซนปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. โดยดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 6.2 จากระดับ 5.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 6.1
ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีในเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น 1.9% ทำสถิติปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันซึ่งดำรงตำแหน่งมายาวนาน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 5.4% หุ้นเรพซอล ร่วงลง 3% และหุ้น Eni SpA ขยับลง 0.4%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการส่งออกและนำเข้าที่ซบเซา โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 14% หุ้นเกลคอร์ ดิ่งลง 9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 7.9%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 34.72 จุด วิตกราคาน้ำมันร่วง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,705.91 จุด ลดลง 34.72 จุด หรือ -0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.21 จุด เพิ่มขึ้น 14.05 จุด หรือ +0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,058.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด หรือ +0.08%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 2.7% อันเนื่องมาจากข่าวซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจต่อไป ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดที่จะรอคอยและจับตาข้อมูลเศรษฐกิจต่อไป ก่อนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังคงมีความเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัว 2.5% ในปีนี้"
หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.5% ซึ่งเป็นหุ้นที่ดิ่งลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นเชฟรอนดิ่งลง 1.5% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 2.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้
การร่วงลงของราคาน้ำมันยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ดิ่งลง 6.7% หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 5.8% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 10.8%
ส่วนหุ้นคริสปี้ครีมพุ่งขึ้น 24.3% หลังจากมีรายงานว่าเจเอบี โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของเยอรมนี ประกาศเข้าซื้อกิจการคริสปี้ ครีม โดนัทส์ ด้วยวงเงิน 1.35 พันล้านดอลลาร์ หรือ 21 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าถึง 25% เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 16.86 ดอลลาร์/หุ้น โดยการซื้อกิจการดังกล่าว ถือเป็นการซื้อกิจการในธุรกิจอาหารของสหรัฐเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนของเจเอบี โฮลดิ้ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. สำหรับวันศุกร์ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์