WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET22ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวในกรอบ รอดูสัญญาณจากการประชุมเฟด-BOJ/ติดตามงบฯ Q1/59

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบ เพื่อรอดูสัญญาณจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งในส่วนของ BOJ อาจจะมีปัจจัยพิเศษเข้ามา อย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะญี่ปุ่นมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ไปฉุด GDP ของญี่ปุ่นลงเหมือนกัน

      ส่วนบ้านเราก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 ของกลุ่มอื่น ๆ และให้ติดตามทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะมีผลต่อตลาดฯเหมือนกัน โดยวานนี้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงแต่ถือว่ายังยืนในระดับ 40 กว่าเหรียญฯ ซึ่งก็ยังถือว่าสูงอยู่ ทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันไม่ได้ปรับตัวลงมาก

      ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมมองว่าดัชนีฯไม่น่าจะพ้น High เดิมที่ 1,420 จุด ซึ่งก็เป็นแนวต้านวันนี้ด้วย ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,400 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 เม.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.24 จุด ลดลง 26.51 จุด (-0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,895.79 จุด ลดลง 10.44 จุด (-0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,087.79 จุด ลดลง 3.79 จุด (-0.18%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 80.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 75.58 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 3.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.61 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 เม.ย.59) 1,408.71 จุด ลดลง 2.10 จุด (-0.15%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 0.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 เม.ย.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 เม.ย.59) ปิดที่ 42.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.5%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 เม.ย.59) ที่ 5.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.11/12 ทรงตัว จับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด-มาตรการกระตุ้นศก.BOJ

     - ส่งออก มี.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% พลิกกลับมาเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน "สุวิทย์" ประเมินเป็นสัญญาณดีต่อเศรษฐกิจไทย หลังเครื่องจักรอีก 2 ตัว ทั้งการลงทุนและท่องเที่ยว เดินเครื่องไปแล้ว ยืนเป้าทั้งปีที่ 5% ไว้เป็นแรงทำงาน

     - ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงและอาจร่วงลงไปแตะ 130 เยน/เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันที่ราว 111.16 เยน/เหรียญสหรัฐ

       - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ตามเกณฑ์ใหม่บาเซิล 3 ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ส่วนใหญ่สูงกว่าเกณฑ์สะท้อนความมีเสถียรภาพของระบบ โดยล่าสุดเดือน ก.พ.59 ประมาณการกระแสเงินสดคาดไหลออกสุทธิภายใน 30 วันที่ 2.09 ล้านล้านบาท แต่ระบบธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้างการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง 3.51 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.42 ล้านล้านบาท และคิดเป็นสัดส่วนการสำรอง 167.38%

      - 'อภิศักดิ์' เผยไม่มีแนวคิดต่ออายุลดค่าโอน-จดจำนอง หลังสิ้นสุด 30 เม.ย.59 อ้างภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มดีขึ้น และมีโครงการสินเชื่อบ้านประชารัฐรองรับ เอกชนร้องต่ออายุอีก 6 เดือน

      - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมดูแลราคาก๊าซแอลพีจี พ.ค. เดินหน้าหนุนเอสพีพีบนหลักการขายไฟในนิคมฯ ด้านเอกชนอ้อนขายไฟฟ้าไม่เกิน 50% ของกำลังผลิตเดิม และลดค่าไฟฟ้าให้ด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

        - GLOBAL (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 12.6 บาท คาดกำไร 1Q16 +43% y-y ที่ 340 ล้านบาท ด้วยยอดขายเติบโต, และอัตรากำไรที่สูงขึ้น ปรับกำไรปี 2016-18 ขึ้น 7-4%

    - DCC (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 4.75 บาท กำไรไตรมาส 1/59 = 439 ล้านบาท เติบโต 14.4% YoY (ผลจากอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น-ค่าใช้จ่ายลดลง) แม้ยอดขายทรงตัว YoY ตามภาพ ประเมินแนวโน้มสินค้าวัสดุก่อสร้างจะเริ่มเติบโตใน 2H59 หากยังรักษาความสามารถการทำกำไร ขณะที่ยอดขายฟื้นตัวก็คาด 2H59 จะเติบโตเด่น อีกทั้งราคาหุ้นวานนี้ถูกขายทำกำไรลงมาพักที่เส้นแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้น 4.20 บาท

    - AEONTS (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 127 บาท NPL มีทิศทางที่ดีขึ้นทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองมากอย่าง 2 ปีที่ผ่านมา การปรับเพิ่มอันดับ Rating ลดต้นทุนเงินทุน มีการลงทุนใน CLMV ถึงแม้ปัจจุบันจะยังทำรายได้ยังไม่มากแต่มองว่าจะมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว และประกาศจ่ายปันผล 1.85 บาท/ต่อหุ้น XD วันที่ 3 พ.ค.59

       - KCE (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 83 บาท คาดกำไรปกติ 1Q16 ทำจุดสูงสุดใหม่ 716 ล้านบาท +17% Q-Q, +56.7% Y-Y จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น การใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นจึงดีต่อเนื่อง แนวโน้มจะดีขึ้นในไตรมาสถัดๆไป เราปรับกำไรปกติขึ้น 3.8% เป็นเติบโต 44% Y-Y โตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

      - BCP (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 38 บาท แม้ระยะสั้นจะมีแรงกดดันจากผลประกอบการที่ชะลอตัว แต่ราคาหุ้นสะท้อนไปแล้ว แนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปีจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คาด 2Q59 ฟื้นตัวสู่ระดับปกติ หลังจากโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลัง ทั้งนี่ คาดผลประกอบการงวด 1Q59 จะขาดทุนสุทธิต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนอีกราว 189 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ขณะนักลงทุนยังคงจับตาประชุมเฟด, บีโอเจ

     ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะมีการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 เม.ย. รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 28 เม.ย.นี้

       ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% สู่ระดับ 132.41 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,358.56 จุด ลดลง 80.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,944.72 จุด ลดลง 1.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,380.02 จุด เพิ่มขึ้น 75.58 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,556.37 จุด ลดลง 3.91 จุด

   ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,013.26 จุด ลดลง 1.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,888.38 จุด ลดลง 11.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,713.90 จุด ลดลง 0.61 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 49.52 จุด เหตุหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงาน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 49.52 จุด หรือ  0.78% แตะที่ 6,260.92 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป ที่ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 4% ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เลล์ และหุ้นบีพี ต่างก็ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน

      หุ้นแอชทีด กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.7% หลังบริษัทแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป แนะนำให้ซื้อหุ้นของบริษัท ในขณะที่หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส พุ่งขึ้น 3.1% เนื่องจากบริษัทโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลัง Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีลดลง

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลดลงเกินคาดในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 346.68 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,546.12 จุด ลดลง 23.54 จุด หรือ -0.52% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,294.35 จุด ลดลง 79.14 จุด หรือ -0.76% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,260.92 จุด ลดลง 49.52 จุด หรือ -0.78%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสถาบัน Ifo รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวลงสู่ระดับ 106.6 ในเดือนเม.ย. หลังแตะ 106.7 ในเดือนมี.ค.

     นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 107.0 ในเดือนเม.ย.

      ผลการสำรวจ Ifo บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นในภาคค้าปลีกและค้าส่งได้ย่ำแย่ลง ขณะที่ภาคการผลิตและภาคก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น

     หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นบีพีร่วงลง 2.2% หุ้นวู๊ด กรุ๊ป ร่วงลง 3.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมัน WTI ร่วงลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากธนาคารบาร์เคลย์ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ทางธนาคารยังไม่เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือจะปรับตัวขึ้นอีก ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงอ่อนแอ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 26.51 จุดหลังราคาน้ำมันร่วง ตลาดจับตาประชุมเฟด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลงมากเกินคาดในเดือนมี.ค. ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.24 จุด ลดลง 26.51 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,895.79 จุด ลดลง 10.44 จุด หรือ -0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,087.79 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.18%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.5% จากการที่นักวิเคราะห์มีมุมมองในด้านลบต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน โดยบทวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สระบุว่า สต็อกน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน จะกดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

     การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 4.1% หุ้นคาโบท์ ออยล์ แอนด์ แก๊ซ ดิ่งลง 4.2%

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ต่างก็ปรับตัวลง 0.6%

     หุ้นกลุ่มขนส่งอ่อนแรงลง โดยหุ้นยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป และหุ้นแคนซัส ซิตี้ เซาเทิร์น ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 1.3% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ปรับตัวลงกว่า 2.7%

    หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลง 2.8% หลังจากอเมริกัน แอร์ไลน์ส เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ ร่วงลง 25% สู่ระดับ 700 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 932 ล้านดอลลาร์ โดยผู้บริหารของอเมริกัน แอร์ไลน์ส กล่าวว่า แม้ว่าการลดลงของราคาน้ำมันช่วยให้ทางสายการบินสามารถประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้จากการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลง

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 1.50% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 511,000 ยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 520,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.

    นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ พร้อมกับแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อดูทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

      ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมสัปดาห์นี้ หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดสาขาริชมอนด์

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 เม.ย. 2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,977.24 จุด ลดลง 26.51 จุด, -0.15%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,895.79 จุด ลดลง 10.44 จุด, -0.21%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,087.79 จุด ลดลง 3.79 จุด, -0.18%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,546.12 จุด ลดลง 23.54 จุด, -0.52%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,294.35 จุด ลดลง 79.14 จุด, -0.76%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,260.92 จุด ลดลง 49.52 จุด, -0.78%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,678.93 จุด ลดลง 159.21 จุด, -0.62%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,714.51 จุด ลดลง 3.45 จุด, -0.20%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,900.28 จุด ลดลง 40.15 จุด, -1.37%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,878.86 จุด ลดลง 35.88 จุด, -0.73%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,304.44 จุด ลดลง 162.60 จุด, -0.76%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,250.13 จุด ลดลง 5.26 จุด, -0.07%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,946.67 จุด ลดลง 12.57 จุด, -0.42%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,014.55 จุด ลดลง 0.94 จุด, -0.05%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,439.30 จุด ลดลง 133.19 จุด, -0.76%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,560.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.53 จุด, +0.29%

    ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลงมากเกินคาดในเดือนมี.ค. ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.24 จุด ลดลง 26.51 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,895.79 จุด ลดลง 10.44 จุด หรือ -0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,087.79 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.18%

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลดลงเกินคาดในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 346.68 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,546.12 จุด ลดลง 23.54 จุด หรือ -0.52% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,294.35 จุด ลดลง 79.14 จุด หรือ -0.76% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,260.92 จุด ลดลง 49.52 จุด หรือ -0.78%

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงาน

       ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 49.52 จุด หรือ  0.78% แตะที่ 6,260.92 จุด

      สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากนักวิเคราะห์ได้ออกมาแสดงมุมมองในด้านลบต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง ปรับตัวสูงขึ้น

    สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 42.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

    สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 63 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 44.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

      สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ระดับ 1,240.20 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 10.9 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 17.009 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,018.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ 605.60 ดอลลาร์/ออนซ์

   สกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลงมากเกินคาดในเดือนมี.ค. ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้

    เงินยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1268 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1227 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4483 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4411 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวอยู่ที่ระดับ 0.7709 ดอลลาร์สหรัฐ

     ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 111.26  เยน จากระดับ 111.71 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9752 ฟรังก์ จากระดับ 0.9789 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2689 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2685 ดอลลาร์แคนาดา

      ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 690.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด, +0.29%

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!