WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET24ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซต์เวย์-อิงแดนลบหลังหุ้นใหญ่ขึ้น XD-ราคาน้ำมันร่วงกดหุ้นพลังงาน

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งไซต์เวย์ อิงแดนลบ เนื่องจากวันนี้จะมีหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวขึ้นเครื่องหมาย XD อาทิ BIGC, INTUCH, SCC ซึ่งจะมีผลต่อดัชนีฯราว 2.2 จุด นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวลงด้วยอาจกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง

       ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยมีตลาดหุ้นไต้หวัน, ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการในวันนี้เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง ทำให้คาดว่าวอลุ่มเทรดของตลาดหุ้นไทยอาจจะมีไม่มาก เพราะในช่วงกลางสัปดาห์นี้ตลาดก็จะปิดทำการด้วย ทำให้นักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนได้

พร้อมให้แนวรับ 1,395 จุด ส่วนแนวต้าน 1,410-1,412 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 เม.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,792.75 จุด พุ่งขึ้น 107.66 จุด (+0.61%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,914.54 จุด เพิ่มขึ้น 44.69 จุด (+0.92%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.78 จุด เพิ่มขึ้น 13.04 จุด (+0.63%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 76.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.55 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 เม.ย.59) 1,400.72 จุด ลดลง 6.98 จุด (-0.50%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,022.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 เม.ย.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 เม.ย.59) ปิดที่ 36.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.55 ดอลลาร์ หรือ 4%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 เม.ย.59) ที่ 5.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.12/14 คาดแกว่งแคบในกรอบ 35.00-35.20 รอปัจจัยใหม่

     - กกพ.แจ้งข่าวดีค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ft งวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.59) จะลดลงอีก รอบอร์ดเคาะตัวเลข ชี้ปัจจัยหลักทั้งค่าเงินบาท ราคาน้ำมัน การใช้ไฟ ดีกว่าที่เคยประเมินเอาไว้ทำให้ต้นทุนลดต่ำ วงในเผยมีโอกาสลุ้นลดได้มากกว่า 5 สตางค์ต่อหน่วย

      - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดตั้งและกำกับการดำเนินงานกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์) เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้มีการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปการจัดตั้งกองทุนเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมเปิดตัวกองทุนอย่างเป็นทางการ โดยในเร็วๆ นี้ จะยื่นเรื่องจัดตั้งกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และให้กองทุนวายุภักษ์และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซื้อหน่วยลงทุนประเดิมก่อนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

      - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขยายตัว 4.8% มียอดคงค้างรวม 1.612 ล้านล้านบาท เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่มีการขยายตัว 5.3%

      - พาณิชย์จัดหนักดึงภาคเอกชนร่วมเป้าหมายผลักดันส่งออกไทยปี 59 เป็นบวก เชิญ 'สมคิด' เป็นประธานลงนามเอ็มโอยูเดินหน้าโครงการพี่จูงน้อง ตามแผนเร่งด่วนประชารัฐ มั่นใจช่วย เอสเอ็มอีขยายการค้าและการลงทุนเข้าตลาดซีแอลเอ็มวี พร้อมเรียกประชุมนัดแรกคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนฯ เร่งมือแก้ตัวเลขไม่หลุด 1.7 ล้านล้านบาท

     - บอร์ดกนง.สั่งจับตาพิเศษ ห่วงนักลงทุนและสถาบันการเงินแห่ลงทุนในสินทรัพย์อื่นหนีดอกเบี้ยถูก ทำให้ประเมินความเสี่ยงการลงทุนต่ำกว่าที่ควร อาจสะสมความเปราะบางระบบการเงินไทย พบความเสี่ยงสูงขึ้นลงทุนในตลาดหุ้น-บอนด์-หุ้นกู้-กองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุน FIF และกองทุนตลาดตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก

     - ธปท.ชี้แนวโน้มหนี้ครัวเรือนเริ่มชะลอลงเมื่อเทียบกับอดีตสูงมาก หวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจและผลมาตรการรัฐจะช่วยสภาพคล่องรายได้ และความสามารถชำระหนี้ของครัวเรือน ประกาศล่าสุดไตรมาสสุดท้ายของปี 58 ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนแตะ 11.04 ล้านล้านบาท ทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนขยับเป็น 81.5% ต่อจีดีพี

*หุ้นเด่นวันนี้

      - GVREIT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์) เทรดวันนี้วันแรกในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (ราคา IPO 10) ลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่าภายในโครงการปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ และโครงการสาทรสแควร์ ด้วยมูลค่า 8,148 ล้านบาท

      บล.โกลเบล็ก มีความเห็นว่า GOLD ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานสาทรสแควร์จะเข้าลงทุน 25% ใน GVREIT ส่วน UV ซึ่งถือหุ้น GOLD อยู่ 55.73% จะได้ประโยชน์จากการรวมงบการเงินกับ GOLD และการนำเงินสดจากการระดมทุนไปชำระคืนหนี้ซึ่งจะมีผลให้ D/E ratio ลดเหลือ 1.5 เท่าจาก 2 เท่า ณ ปลายปี 58 (รวมหุ้นกู้ที่จะออกใหม่ของ UV และ GOLD แล้ว) และทำให้กำไร 1Q59 ของ UV มีแนวโน้มสูงกว่าในช่วง 1Q58 ที่มีกำไร 89 ล้านบาท

      - STEC (ไอร่า) เป้า 29 บาท ภายใต้ Backlog ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 64,000 ล้านบาท เป็นระดับ New High ใหม่ของ STEC คาดสามารถรองรับการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ยังมีโอกาสได้รับงานเพิ่มจากแผนการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง ที่คาดเปิดประมูลในช่วง 2Q-3Q/59 และ STEC มีความสามารถทำกำไรที่มีอยู่ในระดับที่ดี ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่ายในระดับต่ำ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินทั้งระยะสั้น และระยะยาว ทำให้มีอำนาจในการเจรจาต่อรองกับ Supplier และมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

       - SCN (โกลเบล็ก) เป้า 7.50 บาท คาดกำไรปี 59 ที่ 294 ลบ.(+30% YoY) ตามยอดขายโครงการ ICNG ที่เพิ่มขึ้นเป็น 6,000 MMBTU/วัน, การขยายสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ (PMS) เพิ่มกำลังการผลิตจาก 560 เป็น 642 ตัน/วัน และขยายกำลังการผลิตสถานีจำหน่ายก๊าซฯตามแนวท่อก๊าซจาก 73 เป็น 146 ตัน/วัน อีกทั้งบริษัทมีแผนซื้อสถานีจำหน่ายก๊าซฯเพิ่มอีก 3 สถานี, เตรียมนำบริษัทลูก สยามวาสโก เข้าจดทะเบียนในตลาด mai

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 126.49 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.15 น.ตามเวลาโตเกียว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,087.76 จุด ลดลง 76.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,974.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,826.42 จุด เพิ่มขึ้น 7.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,709.00 จุด ลดลง 1.55 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง

      ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้น 0.1% แตะระดับ 5.0% หลังจากทรงตัวที่ 4.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี

     รายงานของกระทรวงฯระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 28.85 จุด วิตก PMI การผลิตอังกฤษชะลอตัว

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากมาร์กิต อีโคโนมิคส์เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน

      ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,146.05 จุด ลดลง 28.85 จุด หรือ -0.47%

      ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงหลังจากบริษัทมาร์กิต อีโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษร่วงลงแตะระดับ 51.0 ในเดือนมี.ค.

     มาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI ไตรมาสแรกของอังกฤษแตะระดับ 51.6 ซึ่งเท่ากับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ดัชนีดังกล่าวปรับตัวเหนือ 50.0 ในช่วงต้นปี 2013

     นายร็อบ ดอบสัน นักวิเคราะห์ของมาร์กิต ระบุว่า "ภาคการผลิตของอังกฤษยังคงซบเซาในช่วงไตรมาสแรก พร้อมกับกล่าวว่า ธุรกิจส่งออกยังคงน่าผิดหวัง โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ถึงแม้การอ่อนค่าของปอนด์ช่วยเป็นแรงหนุนการส่งออกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

    หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลงตามราคาโลหะในตลาดโลก ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.

    อย่างไรก็ตาม หุ้นไชร์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไชร์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงานดิ่ง

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนมี.ค.

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.30% ปิดที่ 333.15 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,322.24 จุด ลดลง 62.82 จุด หรือ -1.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,794.64 จุด ลดลง 170.87 จุด หรือ -1.71% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,146.05 จุด ลดลง 28.85 จุด หรือ -0.47%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 4% และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในเดือนนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาดได้หรือไม่ หลังจากทางการซาอุดิอาระเบียออกมายืนยันว่า ซาอุดิอาระเบียจะตรึงกำลังการผลิตก็ต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตาม

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนมี.ค. ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 50.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับ 50.5 ของเดือนก.พ. โดยมาร์กิต เปิดเผยว่า ยอดผลผลิตและธุรกิจเกิดใหม่ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่การจ้างงานปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้ว

     ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย โดยหุ้นสแตทออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของนอร์เวย์ ร่วงลง 3.4% หุ้น Eni EpA บริษัทพลังงานของอิตาลี ดิ่งลง 3.8% และหุ้นปิโตรแฟค ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบ่อน้ำมันรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 4.9%

     หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 2.4% หลังจากมีรายงานว่า การส่งมอบเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A400M อาจต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาด้านเครื่องยนต์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 107.66 จุด รับตัวเลขจ้างงานสหรัฐสดใส

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และข้อมูลภาคการผลิตที่ปรับตัวดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวจะไม่เป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,792.75 จุด พุ่งขึ้น 107.66 จุด หรือ +0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,914.54 จุด เพิ่มขึ้น 44.69 จุด หรือ +0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.78 จุด เพิ่มขึ้น 13.04 จุด หรือ +0.63%

   ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.6% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.8% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 3%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้น 0.1% แตะระดับ 5.0% หลังจากทรงตัวที่ 4.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี

     รายงานของกระทรวงฯระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง

    นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 51.8 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีภาคการผลิตในเดือนมี.ค.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.7

      ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการ หลังจากที่อยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน

    นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้จะไม่เป็นแรงผลักดันให้เฟดรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้เน้นย้ำว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เมื่อพิจารณาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

      หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.1% หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล ดีดขึ้น 2.1% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.8%

      หุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวขึ้น โดยหุ้นคอนอะกรา ฟู๊ดส์ และหุ้นเจนเนอรัล มิลส์ ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.5% หุ้นวอลกรีนส์ บู๊ทส์ อัลไลอันซ์ ทะยานขึ้น 2.9%

    หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไฟเซอร์พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นแอมเจน อิงค์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเรเจเนรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ ทะยานขึ้น 12%

     อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 1.2% หุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นมาราธอน ออยล์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 5.2%

     นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงด้วย หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ของบริษัทรายใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 2.9%

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!