WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET22ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงตามภูมิภาค คาด Sell on fact หลังรู้ผล ECB

     นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากเริ่มเห็นตลาดฯมีแรงขายทำกำไรที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานเริ่มเห็นการปรับตัวลงอย่างมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งมองว่าตลาดฯได้เริ่มเข้าสู่การถูกขายแล้ว

    สำหรับ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ได้จบสิ้นไปแล้ว ซึ่งก็ออกมาถือว่าสร้าง Surprise ให้กับตลาดฯได้ จากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ทำให้คาดว่าตลาดฯจะมี Sell on fact โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกันแต่ไม่มาก

      อย่างไรก็ดี ช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ไปก่อน อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ และให้เข้าลงทุนหุ้น Laggard ได้อย่างหุ้น HMPRO และ CK เป็นต้น พร้อมให้แนวรับ 1,367 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด (-0.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด (+0.02%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 242.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 23.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 83.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.11 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 มี.ค.59) 1,379.06 จุด ลดลง 11.60 จุด(-0.83%)

       - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 226.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มี.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 มี.ค.59) ปิดที่ 37.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ลบ 45 เซนต์ หรือ 1.2%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 มี.ค.59) ที่ 7.47 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.21 ทรงตัวจากวานนี้ แต่แนวโน้มอ่อนค่าหลังลงมามาก

      - ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเผยภาคเอกชนไทยปรับตัวได้ดีกับภาวะชะลอตัวของเศรฐกิจ เตือนรัฐกระตุ้นการบริโภคช่วงเศรษฐกิจขาลงเป็นการสร้างหนี้เพิ่ม หนุนให้จ่ายเงินตรงให้เกษตรกร

     - นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการบ้านประชารัฐ วงเงินสินเชื่อ 7 หมื่นล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบใน 1-2 สัปดาห์นี้ แบ่งเป็นสินเชื่อให้ผู้ประกอบการกู้ไปสร้างที่อยู่อาศัย 3 หมื่นล้านบาท อีก 4 หมื่นล้านบาทจะนำไปให้ประชาชนกู้ซื้อบ้าน

      - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 จะทำให้โครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.796 ล้านล้านบาท สามารถเริ่มก่อสร้างทุกโครงการได้ภายในปีนี้

      - สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า มีการหารืออย่างต่อเนื่องในการเพิ่มความเข้มของบทลงโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (อินไซเดอร์) ในคดีอาญา จากเดิมที่จ่ายค่าปรับแล้วผู้บริหารจะพ้นแบล็กลิสต์ เบื้องต้นจะมี 2 มาตรการ คือ เพิ่มบทลงโทษทางแพ่งและทางอาญา และมาตรการป้องกัน โดยบริษัทที่มีข้อมูลภายในและเป็นข้อมูลลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน จะต้องบริหารจัดการไม่ให้กระทบต่อราคาหุ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

    - STEC (ไอร่า) เป้า 29 บาท คาดราคาหุ้นสะท้อนผลงาน Q4/58 โดยเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ลดลงเหลือเพียง 163 ล้านบาทต่ำสุดในรอบปี แต่เป็นโอกาสทยอยลงทุนภายใต้ความน่าสนใจในเชิงพื้นฐาน Backlog ล่าสุดที่ 64,000 ล้านบาทเป็น New High ใหม่รองรับการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ปี ขณะที่ยังมีโอกาสได้รับงานเพิ่มจากโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และยังมีความสามารถทำกำไรที่มีอยู่ในระดับที่ดี ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่ายต่ำ ฐานะการเงินแกร่ง

     - CK (โกลเบล็ก) เป้า 32 บาท Backlog 8.3 หมื่นลบ. รองรับรายได้อีก 3 ปี ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐกว่า 5 แสนลบ.  ทั้งนี้บ.ตั้งเป้ารายได้ปี 59 +3% สู่ 3.5 หมื่นลบ. พร้อมคาดกำไรปี 59 ที่ 1.8 พันลบ. ตามการรับรู้รายได้จากโครงการขนาดใหญ่อาทิ โครงการเขื่อนไชยะบุรี โครงการทางด่วนศรีรัช และรับรู้กำไรจาก BEM เพิ่มขึ้น

    - JASlF (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 11 บาท กสทช.ระบุว่า หาก บมจ.แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ในกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ไม่นำเงินมาชำระค่าใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ก็ไม่กระทบกับใบอนุญาตอื่นๆ ที่เคยได้รับไปแล้ว เนื่องจากถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกัน ช่วยปลดล๊อคความกังวลของตลาดห่วงผลกระทบต่อใบอนุญาต fix broadband ของ JASIF ดังนั้นคาดราคาหุ้น JASIF ที่ laggard ก็น่าจะกลับมาใกล้เคียงการปรับขึ้นของกลุ่มได้

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังนลท.เมิน ECB กระตุ้นเศรษฐกิจ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% สู่ระดับ 125.16 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,610.18 จุด ลดลง 242.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,781.60 จุด ลดลง 23.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,900.67 จุด ลดลง 83.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,633.29 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,968.30 จุด ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,807.94 จุด ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,688.80 จุด ลดลง 2.11 จุด

      ในการประชุมเมื่อวานนี้ ECB ได้ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%

      นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 109.62 จุด เหตุตลาดผิดหวังมาตรการ ECB

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากที่ ECB ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

     ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 109.62 จุด หรือ 1.78% แตะที่ 6,036.70 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลังจากที่นายดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต ภายหลังจากที่ ECB ได้ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของ ECB ในการประชุมเมื่อวานนี้ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 3.6% ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารนำโดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลงมากกว่า 4%

      หุ้นแอสทีด กรุ๊ป ซึ่งให้บริการให้เช่าอุปกรณ์การก่อสร้างลดลง 7.9% หลังจากธนาคารดอยท์ แบงก์ เอจี แนะนำให้ขายหุ้นของบริษัท

       หุ้นอาวีวาพุ่งขึ้น 1.4% หลังบริษัทเปิดเผยเงินทุนที่แข็งแกร่งภายใต้กฏใหม่ของสหภาพยุโรปรวมทั้งได้ประกาศจ่ายเงินปันผลด้วย

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง หลัง ECB ส่งสัญญาณอาจยุติลดดอกเบี้ย

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากที่ ECB ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% ปิดที่ 333.50 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,350.35 จุด ลดลง 75.30 จุด หรือ -1.70% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,498.15 จุด ดิ่งลง 224.94 จุด หรือ -2.31%  ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,036.70 จุด ร่วงลง 109.62 จุด หรือ -1.78%

    ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นขานรับการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของ ECB รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%

     นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน

     อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับมาตรการดังกล่าวได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

     "อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้สิ้นสุดช่วงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค.2017 แต่จากมุมมองในวันนี้ และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของ ECB เราจึงไม่คาดว่าจะมีความจำเป็นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป" นายดรากีกล่าวภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้

     หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงหนักสุดเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร โดยหุ้นคอนติเนนตัล เอจี และหุ้นเดมเลอร์ เอจี ต่างก็ร่วงลงกว่า 4%

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นแองโกล อเมริกา และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ร่วงลงราว 4%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 5.23 จุด เหตุตลาดเมินมาตรการ ECB

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากกระแสตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเมื่อวานนั้น ได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ +0.02%

    ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของ ECB รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%

    นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน

    อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับมาตรการดังกล่าวได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.2% หลังจากมีข่าวว่า การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งเดิมมีกำหนดจะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค.ที่รัสเซียนั้น มีแนวโน้มว่าจะถูกยกเลิก เนื่องจากอิหร่านไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการประชุม

    หุ้นวิลเลียมส์ คอส ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ขยับลง 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้นกว่า 1%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นไมโคซอฟท์ ดิ่งลง 1.5% หุ้นออราเคิล ร่วงลง 1.1% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวลง 0.8%

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015 โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 275,000 รายที่คาดการณ์ไว้ 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 10มี.ค.2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,995.13 จุด                   ลดลง 5.23 จุด       -0.03%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,662.16 จุด                ลดลง 12.22 จุด      -0.26%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,989.57 จุด                 เพิ่มขึ้น 0.31 จุด      +0.02%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,036.70 จุด              ลดลง 109.62 จุด     -1.78%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,498.15 จุด                       ลดลง 224.94 จุด     -2.31%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,350.35 จุด                   ลดลง 75.30 จุด      -1.70%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,210.90 จุด  ลดลง 4.80 จุด       -0.09%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,150.10 จุด        ลดลง 7.10 จุด       -0.14%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,660.70 จุ                          เพิ่มขึ้น 26.59 จุด     +0.31%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,852.35 จุด                 เพิ่มขึ้น 210.15 จุด    +1.26%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,969.33 จุด                    เพิ่มขึ้น 16.38 จุด     +0.84%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,804.73 จุด                  ลดลง 57.83 จุด      -2.02%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,048.08 จุด          เพิ่มขึ้น 99.90จุด     +1.44%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 19,984.42 จุด                            ลดลง 11.84 จุด      -0.06%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,793.20 จุด    ลดลง 17.84จุด      -0.37%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,809.12 จุด                      ลดลง 1.31จุด       -0.05%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,690.91 จุด                     เพิ่มขึ้น 4.56จุด      +0.27%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,623.34 จุด                       ลดลง 170.62จุด     -0.69%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากกระแสตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเมื่อวานนั้น ได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.03% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ +0.02%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากที่ ECB ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% ปิดที่ 333.50 จุด

         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,350.35 จุด ลดลง 75.30 จุด หรือ -1.70% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,498.15 จุด ดิ่งลง 224.94 จุด หรือ -2.31%  ดัชนี FTSE 100ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,036.70 จุด ร่วงลง 109.62 จุด หรือ -1.78%

        

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากที่ ECBประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

          ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 109.62 จุด หรือ 1.78% แตะที่ 6,036.70 จุด

 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปอ่อนแรงลง  นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น15.4 ดอลลาร์ หรือ 1.22% แตะที่ระดับ 1,272.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.2558

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดบวก 18.3 เซนต์ หรือ 1.19% แตะที่ 15.549ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.52% แตะที่ 977.70ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดบวก 7.45 ดอลลาร์ หรือ 1.3% แตะที่ 573.60ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังมีข่าวยกเลิกการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 20 มี.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันก่อน

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 45 เซนต์ หรือ 1.2% แตะที่ระดับ 37.84ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดร่วงลง 1.02ดอลลาร์ หรือ 2.5% แตะที่ระดับ 40.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10มี.ค.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ภายหลังจากที่ ECB ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1206 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1010ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.4290 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4221 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 112.99 เยน จาก 113.33 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9821 ฟรังก์ จาก 0.9970 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7450 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7511 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 384.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.00 จุด, +2.13%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!