WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET4 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค รับ Sentiment บวกจากนอกปท.

    นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกัน เนื่องจาก Sentiment โดยรวมไม่มีปัจจัยลบ แต่ก็รอดูตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯที่จะออกมาคืนนี้ และรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯด้วย

       ทั้งนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนนี้ คาดว่าสหรัฐฯจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เชื่อว่า Flow ยังคงไหลเข้ามาในเอเชีย ซึ่งก็น่าจะทำให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์เข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆ ของโลกด้วย โดยเฉพาะในเดือนมี.ค.นี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่จีนก็ได้มีการลดสัดส่วนการสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ไปแล้ว ส่วนระดับราคาน้ำมันดิบโดยรวมทรงตัวในขณะนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานมีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้บ้าง

    นอกจากนี้การที่ดัชนีฯสามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จากนี้ไปทิศทางของตลาดฯจึงน่าจะไปได้ค่อนข้างดี พร้อมให้แนวรับ 1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350-1,360 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,865.08 จุด พุ่งขึ้น 348.58 จุด (+2.11%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,689.60 จุด เพิ่มขึ้น 131.65 จุด (+2.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.12 จุด (+2.39%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 305.97 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 380.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 58.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 27.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 35.88 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.83 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มี.ค.59) 1,346.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.58 จุด (+1.09%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 193.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มี.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มี.ค.59) ปิดที่ 34.4 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 65 เซนต์ หรือ 1.9%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.59) ที่ 6.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.62/63 รอติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ-สรุปภาวะเศรษฐกิจ FED คืนนี้

      - นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการสนับสนุนออกหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ค่าประมูลใบอนุญาต 4จี คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ แก่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ วงเงิน 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งธนาคารยื่นเงื่อนไขให้แจสปรับโครงสร้างการเงินให้เหมาะสมก่อน

     - "นพพร เทพสิทธา" ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) เปิดเผยว่า สภาผู้ส่งออกปรับตัวเลขประมาณการการส่งออกทางเรือจากคาดว่าจะเติบโต 2% เหลือประคองตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ วัดได้จากตัวเลขการส่งออกในเดือน ม.ค. มีมูลค่า 1.57 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.91% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 และต่ำสุดในรอบ 50 เดือน

     - 'พิมพ์ชนก วอนขอพร' รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า กระทรวงได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2559 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1-2% เป็นขยายตัวเหลือ 0.0-1.0% เนื่องจากสมมติฐานของปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อได้เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุดได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลงมาเหลือขยายตัว 2.8-3.8% ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ เดิมคาดการณ์อยู่ที่ 48-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับลดคาดการณ์เหลือ 30-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนยังคงคาดการณ์เดิมไว้ที่ 36-38 บาท/เหรียญสหรัฐ

     - แบงก์ชาติเผยสินเชื่อรวมโตลดลงเหลือ 5.3% ผลภาคธุรกิจหันออกตราสารหนี้ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนสินเชื่อใหม่ยังเพิ่มขึ้นเฉพาะธุรกิจโทรคมนาคมและก่อสร้าง อีกทั้งเริ่มเห็นสินเชื่อครัวเรือนขยายตัวหลายภาคส่วนมากขึ้น ด้านมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ช่วยดันแค่อุปสงค์ แต่ผู้ประกอบการยังชะลอ

    - กกร.เตรียมปรับลดเป้าหมายจีดีพีไทยปีนี้ ห่วงส่งออกเดือนมกราคมทรุดหนักสัญญาณไม่ดี แถมภาพรวมเศรษฐกิจไม่สดใส ซ้ำร้ายเจอปัญหา ภัยแล้งหนัก ด้านสภาผู้ส่งออกประเมินไตรมาสแรกส่งออกส่อติดลบ 5% รับสภาพปั๊มให้ปีนี้เป็นบวกเรื่องยาก

*หุ้นเด่นวันนี้

      - BA (เคทีบี) เป้า 26 บาท คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ Q1/59 จะกลับมาโดดเด่น เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และได้ผลบวกจากต้นทุนน้ำมันที่ต่ำ รวมทั้งคาดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายที่สูงเหมือน Q4/58 โดยจำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนม.ค. ถึง 21 ก.พ. เพิ่มขึ้นราว 13% และ Load Factor อยู่ที่ 77.5% ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 75.7% โดยคาดว่าในปีนี้ BA จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคมากขึ้นเพื่อรองรับ AEC รวมถึงจะมีการเพิ่มพันธมิตรเที่ยวบินร่วม Codeshare อีกราว 7 สายการบิน จากสิ้นปี 2558 ที่มี 20 สายการบิน ทั้งนี้ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 ลงจากเดิมราว 10% เป็น 2,365 ล้านบาท เนื่องจากปรับสมมติฐานค่าใช้จ่ายพนักงานและภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิดังกล่าวนับว่ายังเติบโตได้โดดเด่นราว 32% YoY

       - EA (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 29 บาท กำไรสุทธิ 4Q15 ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากบริษัทมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ต่ำกว่าคาดจากปัจจัยฤดูกาล แต่มีปัจจัยบวกระยะสั้นคือการเปิดดำเนินงานโซลาร์ฟาร์ม 90MW แห่งที่สี่ในเดือนมี.ค. 2016 และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126MW ทางภาคใต้จะทยอยเปิดดำเนินงานตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงส.ค. และจะกลายเป็นปัจจัยต่อไปที่ช่วยผลักดันการเติบโต พร้อมปรับลดประมาณการกำไร 1.4-1.6% ในปี 2016-17 ให้สอดคล้องกับกำหนดเปิดดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานลม

     - CPF (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 24 บาท เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนของแนวโน้มกำไรปกติในปีนี้จากธุรกิจกุ้ง ส่วนธุรกิจอื่นๆน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ฐานกำไรของ CPF จะได้รับรายได้จากธุรกิจ CP กัมพูชาและธุรกิจไก่รัสเซียที่พึ่งซื้อในปีที่ผ่านมาเต็มปีเป็นปีแรก นอกจากนี้ CPF รายงานกำไรใน 4Q58 อยู่ที่ 1,548 ล้านบาท (-56.6% QoQ, +91.4% YoY) สูงกว่าที่คาด จากกำไรพิเศษการขายเงินลงทุนที่มากกว่าที่เราประเมินไว้ราว 400 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติยังเป็นไปตามที่คาดไว้

        - SAWAD (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 58 บาท เสียงตอบรับที่ดีจากโรดโชว์ที่ฮ่องกง, ธุรกิจให้บริการสินเชื่อในประเทศจะผลักดันการเติบโตของผลกำไร นอกจากนี้ ผู้บริหารคาดจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านการกำกับดูแล ส่วนกำไร 4Q15 สูงกว่าประมาณการ 6%

       - BAY (โกลเบล็ก)เป้า consensus เฉลี่ย 32.35 บาท ผลการดำเนินงานในปี 58 เติบโตสูงมากจากฐานที่ต่างกันหลังจากควบรวมงบการเงินกับ BTMU กรุงเทพฯ ซึ่งทำให้กำไรเติบโต 32% รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 18% สินเชื่อเติบโต 28.7% และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจาก 29% ในปี 57 เป็น 42% และทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงเหลือ 4.15% จากเดิม 4.32% ขณะที่ NPL ยังอยู่ในระดับดี %NPL เท่ากับ 2.24% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพดี ทั้งนี้ BAY มีฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง มีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 14.3%

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์ก,ญี่ปุ่นทะยาน

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าช่วยหนุนหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้น นอกจากนั้นยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 120.57 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,391.48 จุด เพิ่มขึ้น 305.97 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,733.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,788.17 จุด เพิ่มขึ้น 380.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,544.66 จุด เพิ่มขึ้น 58.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,944.27 จุด เพิ่มขึ้น 27.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,718.27 จุด เพิ่มขึ้น 35.88 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,674.65 จุด เพิ่มขึ้น 3.83 จุด

       ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 โดยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4%

       ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการปรับตัวดีกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.2 ในเดือนม.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 55.79 จุด รับข่าวซื้อกิจการภาคเอกชน

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอินเตอร์เนชันแนล เอ็กซ์เชนจ์ อิงค์ เสนอซื้อกิจการของบริษัทลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตลาดหุ้นลอนดอน

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 55.79 จุด หรือ 0.92% ที่ระดับ 6,152.88 จุด

      หุ้นส่วนใหญ่ที่ทำการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเกลนคอร์ดีดตัวขึ้นตามหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดขายหุ้น IPO ก็ตาม

      หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 7.5% หลังจากบริษัทอินเตอร์เนชันแนล เอ็กซ์เชนจ์ อิงค์ ระบุว่า บริษัทจะเพิ่มวงเงินในการเสนอซื้อผู้ประกอบการตลาดหุ้นลอนดอน

      หุ้นบาร์เคลย์ ร่วงลง 6.4% หลังระบุว่า บริษัทจะตัดขายหุ้นในธุรกิจในแอฟริกาหลังจากที่บริษัทมีกำไรลดลงในไตรมาสที่ 4

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคึกคัก หลังจากธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 1.4% แตะที่ 338.72 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,406.84 จุด เพิ่มขึ้น 53.29 จุด หรือ +1.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,717.16 จุด พุ่งขึ้น 221.76 จุด หรือ +2.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,152.88 จุด เพิ่มขึ้น 55.79 จุด หรือ +0.92%

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% สู่ระดับ 17% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ภายหลังจากที่ราคาหุ้นจีนร่วงลงและเงินหยวนอ่อนค่า

    มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 6.5%

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนร่วงลงสู่ระดับ 10.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค.2011 จากระดับ 10.4% ในเดือนธ.ค. ส่งผลให้ผู้ว่างงานมีจำนวนลดลง 105,000 ราย สู่ระดับ 16.65 ล้านราย

     ปัจจัยที่หนุนการปรับตัวลงของอัตราการว่างงานคือการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ ยูโรที่อ่อนค่า ก็ช่วยหนุนการปรับตัวลงของอัตราการว่างงานเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 348.58 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี และภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,865.08 จุด พุ่งขึ้น 348.58 จุด หรือ +2.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,689.60 จุด เพิ่มขึ้น 131.65 จุด หรือ +2.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.12 จุด หรือ +2.39%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2007 โดยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4%

    ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการปรับตัวดีกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2015 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.2 ในเดือนม.ค.

  นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ดีดตัวขึ้นราว 1.9% ขานรับข่าวที่ว่า รัสเซียใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการจำกัดการผลิตน้ำมัน โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีขึ้นในการประชุมในเดือนนี้

    หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้นกว่า 3% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวขึ้นกว่า 5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5.3% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับขึ้น 3.8%

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 เดือน หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.7% หุ้นซีเกท เทคโนโลยี และหุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล ปรับตัวขึ้นกว่า 5.9%

     หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน รวมถึงหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นเรนจ์ รีซอส

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศของสหรัฐเดือนก.พ. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book

     วันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนม.ค.

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!